จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 167
บรรยากาศที่แต่เดิมกำลังกดดันตึงเครียด เมื่อลู่เฟิงปรากฏตัวขึ้นก็เปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดไปทันที
ผู้ชายคนนี้เป็นใคร?
คนกว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ไม่รู้จักลู่เฟิง อีกทั้งลู่เฟิงยังสวมเสื้อผ้าธรรมดา ยิ่งทำให้ดูยากจะคาดเดามากขึ้น
นายท่าน?
ทุกคนต่างมองหน้ากัน นี่พวกเขาประสาทหลอนทางหูไปแล้วรึเปล่า?
“ลุงลู่ ในที่สุดคุณก็มา คุณบอกว่าจะไปพบเพื่อนกะทันหัน ได้เจอแล้วหรือยัง?”
ซูโม่ก้าวไปข้างหน้า แต่กลับถูกเพิกเฉย
เขาเห็นแค่ว่าลู่เฟิงก้าวผ่านเขาไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงผลักเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยออก ก่อนจะเข้ามาหาโล่เฉินด้วยใบหน้าที่เคารพ
“นายท่าน ผมต่างหากที่อยากถามคุณ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”
ทันใดนั้น ก็เกิดเป็นความโกลาหลขึ้น
แม้ว่าผู้คนจะไม่รู้จักลู่เฟิง แต่การที่ซูโม่ก้าวขึ้นไปต้อนรับเขาแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนพิเศษ แต่ตอนนี้เขากลับเมินใส่ซูโม่และมีท่าทีเคารพนอบน้อมต่อชายหนุ่มคนนั้น
นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
“ฉันจิ่งเทียนทำไมจะมาไม่ได้”
จิ่งเทียน?
ลู่เฟิงตกตะลึง ก่อนจะตระหนักได้ทันทีว่าโล่เฉินต้องการปกปิดตัวตนของเขาเป็นความลับ
เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่ใช่ใช่ นายท่านอยากไปไหนก็ได้ทั้งนั้น ใครกล้ามาห้าม จะว่าไปแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ถิงฟาง นายเล่ามาสิ”
เกิดการถอนหายใจขึ้นอีกครั้ง
ตัวตนของชายวัยกลางคนคนนี้คืออะไรกันแน่? ถึงได้สามารถมีน้ำเสียงสั่งการใส่คุณชายโจ่แบบนี้
โล่เฉินรู้สึกแปลกๆ ในสมองเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมา——
ก่อนหน้านี้ท่านลู่ได้มอบสมุดบันทึกเล็กๆให้กับเขา บนนั้นถูกบันทึกตระกูลที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลลู่เอาไว้ ดูเหมือนว่ามีตระกูลโจ่ด้วย
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้
มุมปากของโล่เฉินยกยิ้ม รู้สึกว่าสิ่งต่างๆ เริ่มน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ
“ลุงลู่”
โจ่ถิงฟางเองก็สงสัยอย่างยิ่ง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมลู่เฟิงถึงทำอย่างนี้
ในขณะนี้ ชายในเสื้อคอจีนก็สงบลงและกระซิบข้างหูของโจ่ถิงฟางหนึ่งประโยค
ทันใดนั้น ใบหน้าของโจ่ถิงฟางก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
เขาเดินเข้าไปหาลู่เฟิงและเอ่ย “ลุงลู่ นี่เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ก็แค่เรื่องเล็กน้อย พี่จิ่ง เมื่อครู่ล่วงเกินแล้ว ได้โปรดอย่าถือสา”
บูม!
การโจมตีสามครั้งรวด
ทีละครั้งๆทำเอาคนถึงกับช็อก ราวกับค้อนยักษ์ที่ทุบหัวของทุกคนจนว่างเปล่า
โจ่ถิงฟางยอมถอยแล้ว
เป็นไปได้ยังไงกัน!
ชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร? หรือว่าเขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่สักคน?
ในเวลานี้ เหล่าเศรษฐี เจ้าบ้าน และเถ้าแก่ใหญ่ต่างค่อยๆคิดขึ้นมาได้——
สามารถเป็นเพื่อนของคุณชายคุณหนูตระกูลนิ่ง ย่อมไม่ใช่คนโง่แน่ ที่ไม่ไว้หน้าคุณชายโจ่ไม่ใช่การอวดเก่งใส่ แต่เป็นเพราะเขาไม่กลัวจริงๆ และมีสถานะอันยิ่งใหญ่
เหยียนเจิงงงงันไปแล้ว
เขามองโจ่ถิงฟางจากนั้นก็มองโล่เฉิน ราวกับกำลังมองเห็นผี
สีหน้าของซูโม่เปลี่ยนไปอย่างมากกลายเป็นสีหน้าอึมครึมไม่มั่นคง
สำหรับซูหลิงหลง หลังจากเสียสมาธิไปครู่หนึ่งเธอก็จับแขนของโจ่ถิงฟางเอาไว้ และพูดอย่างออดอ้อนว่า “พี่ฟาง คุณเป็นอะไรไป ก็แค่เด็กหนุ่มยากจนจากเมืองเจียง…”
“หุบปาก!”
โจ่ถิงฟางตะคอก เขาปัดมือของซูหลิงหลงออกและพูดว่า “เรื่องที่ฉันทำต้องให้เธอมาพูดแทนตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันอยากเป็นเพื่อนกับพี่จิ่ง ไม่ได้หรือไง?”
“ฉัน…”
“เป็นเธอต่างหาก ยังมีโม่หาน กลับดำเป็นขาว ใส่ร้ายป้ายสี หากไม่ใช่เพราะลุงลู่มาได้ทันเวลา ฉันคงทำผิดพลาดครั้งใหญ่!”
โจ่ถิงฟางโกรธจัด ในใจยังคงหวาดผวาอยู่บ้าง
เมื่อได้ยินปานเหิงพูดว่า “จิ่งเทียน” เป็นนักพรตที่มีพลังแก่กล้า เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้เลยสักนิด จิตใจที่หวาดกลัวของโจ่ถิงฟางก็กระโดดขึ้นมาถึงลำคอ”
กลิ่นอายอันเย็นเยียบเมื่อครู่นี้ ที่แท้ก็คือรังสีพิฆาต
ตนเองเกือบเดินเข้าประตูผีไปแล้ว
หากไม่ใช่เพราะลู่เฟิงมาทันเวลา และโชคดีที่รู้จักกับจิ่งเทียน คืนนี้ต่อให้เขาไม่ตายก็ต้องพิการ และแม้แต่ตระกูลโจ่ก็อาจประสบภัยพิบัติไปด้วย
ทำไมน่ะหรือ?
ปานเหิงเป็นถึงนักบู๊กำลังภายในขั้นสูง เขารู้ว่าตนเองนั้นด้อยกว่าอย่างยิ่ง นี่แสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของจิ่งเทียน อย่างน้อยๆก็ต้องเทียบได้กับนักพรตกำลังภายในขั้นสุดยอด
อายุยังน้อยขนาดนี้แต่กลับมีพลังสูงส่งขนาดนี้ เบื้องหลังจะต้องมีเทียนเซียนเป็นอาจารย์สั่งสอนอย่างแน่นอน
ในเมืองหลวง
อย่างที่ทุกคนทราบกันดี เทียนเซียนนั้นหายากกว่าเสียยิ่งกว่าปรมาจารย์ แต่ก็น่ายำเกรงกว่าเช่นกัน
อย่าว่าแต่ตระกูลโจ่ ต่อให้เป็นตระกูลว่านก็ไม่กล้าไปยั่วยุเทียนเซียน
“พี่ฟาง คุณ คุณกำลังพูดเรื่องอะไร ฉันเป็นคู่หมั้นของคุณนะ” ซูหลิงหลงตะลึงไป ก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่นเทา
“เธอโง่มากขนาดนี้ จนตอนนี้ฉันเริ่มสงสัยในวิสัยทัศน์ก่อนหน้านี้ของตัวเองแล้ว”
ครืน
ราวกับฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ
ซูหลิงหลงสีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาว ร่างกายอ้อนแอ้นของเธอกำลังสั่นคลอน
เมื่อเห็นแบบนี้ นิ่งจื่อโหรวและหานหยู่ถิงที่มองดูอยู่ก็มีความสุขอย่างมาก
“พี่ฟาง คุณใจเย็นๆ หลิงหลงยังเด็ก ไม่รู้ความ” ซูโม่รีบเอ่ยกล่อม เขามีลางสังหรณ์ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้แล้ว
เตะแผ่นเหล็กเข้าแล้วจริงๆ
เขาเกลียดจิ่งเทียนเข้าไส้ และแอบด่าในใจ เห็นชัดๆว่าเก่งกาจอย่างมาก จะมาปลอมตัวไปทำไมกัน
แกล้งทำเป็นหมูหลอกกินเสือ สนุกมากนักหรือไง!
“พี่ฟาง คุณเองก็พูดแล้ว นี่เป็นแค่ความเข้าใจผิดกันทั้งหมด ทุกคนล้วนเป็นเพื่อนกัน พี่จิ่งเทียน เมื่อครู่ล่วงเกินแล้ว งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ได้โปรดเชิญนั่ง”
โล่เฉินทำสีหน้ากะลิ้มกะเหลี่ย เขาตั้งใจพูดด้วยท่าทีแปลกๆ “ไอ้หยา ฉันรับไม่ไหวหรอก ฉันมันก็แค่คนหยาบป่าเถื่อน ไหนเลยจะมีคุณสมบัติมาร่วมงานเลี้ยง หยู่ถิง จื่อโหรว พวกเรากลับกันเถอะ”
“ดีสิ ดีสิ!” หญิงสาวทั้งสองร่วมมือกัน
ซูโม่ร้อนรนขึ้นมาแล้ว เขายิ้มขออภัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า “พี่จิ่งเทียน ผมต้องขอโทษคุณด้วย เมื่อครู่ผมทำเกินไป อย่างที่โบราณเคยกล่าวไว้ ไม่สู้รบไม่รู้จัก คุณเองก็สมควรจะไม่ใช่คนใจแคบอะไร”
“ระหว่างพวกเราไม่มีอะไรต้องพูด ได้ข่าวว่านายคิดจะแตะต้องหยู่ถิง?”
โล่เฉินหรี่ตาและเยาะเย้ย “นายคงยังไม่รู้ว่า หยู่ถิงเป็นน้องเมียฉัน”
ทันใดนั้น ซูโม่ก็ตกใจ
ก่อนหน้านี้เขาพบว่าหานหยู่ถิงสนิทสนมกับ “จิ่งเทียน” และรู้สึกว่านี่ไม่ปกติ แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นความสัมพันธ์เช่นนี้
เมื่อนึกถึงคำพูดที่ตนเคยประกาศออกไป ซูโม่ก็ไม่กล้าเอ่ยปาก เขารู้ว่าหากพูดอะไรไปมากกว่านี้ ก็มีแต่จะบาดหมางยิ่งขึ้น
“นายเป็นคนฉลาด หากนายอยากให้ตระกูลซูหายไปจากฉู่โจว ก็สามารถลองตามตอแยหยู่ถิงต่อไปดู”
แม่เจ้าโว้ย สุดยอด!
คำพูดสองสามคำผุดขึ้นมาในใจของผู้ชม การโจมตีไม้นี้ทรงพลังเกินไป
เมื่อครู่ยังเป็นแค่เศษไม้ผุๆที่ทุกคนดูถูก แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่แม้แต่ตระกูลซูก็ยังต้องเอาอกเอาใจ พูดไม่เข้าหูก็จะทำลายตระกูลซูลงให้พินาศ
ช่างทำให้คนรู้สึกเลือดพล่านจริงๆ
ดวงตาของเหล่าคุณหนูหลายคนเปล่งประกายด้วยความชื่นชม สำหรับพวกคุณชาย พวกเขาถูกซูโม่กดเอาไว้มานานหลายปีจนรู้สึกไม่พอใจมาตั้งนานแล้ว ดังนั้นตอนนี้เมื่อเห็นซูโม่ตกที่นั่งลำบากก็เบิกบานใจอย่างยิ่ง
ที่ประตูห้องโถง เหยียนหรูยู่มองไปที่เบื้องหลังของโล่เฉิน ระหว่างคิ้วมีร่องรอยความสงสัย จากนั้นก็จากไปอย่างเงียบๆ
“หยู่ถิง จื่อโหรว จื่อซวน พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
โล่เฉินโบกแขนเสื้อและเดินออกจากห้องโถง
“นายท่าน รอผมด้วย”
“พี่เทียน อย่าเพิ่งทิ้งน้องชายสิ”
เหยียนเจิงและลู่เฟิงตามไปติดๆ
ชายในเสื้อคอจีนเป็นกังวลขึ้นมาอย่างยิ่ง ปานเหิงลดเสียงลงและพูดว่า “คุณชาย นายท่านจิ่งเทียนดูเหมือนจะโกรธอยู่บ้าง เบื้องหลังของเขาน่ากลัว อย่าได้ไปทำให้เขาขุ่นเคือง”
โจ่ถิงฟางรู้ว่าสิ่งใดหนักเบา เขากวาดสายตามองซูโม่และพูดเสียงเย็น “คืนนี้ ฉันไม่พอใจอย่างมาก”
“พี่ฟาง ผม……”
โจ่ถิงฟางรีบไล่ตามออกไปพร้อมกับปานเหิงโดยไม่ฟังคำอธิบายของซูโม่และไม่แม้แต่เหลือบมองซูหลิงหลง
ในห้องโถงเงียบสงัด
จากนั้นอย่างช้าๆ
สายตาแปลกๆ เสียงหัวเราะเยาะเย้ย และคำพูดประชดประชันที่ไม่ดังไม่เบา
ทั้งหมดล้วนหลั่งไหลออกมา
ซูหลิงหลงกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่
“หลิงหลง ไม่เป็นไร พี่ฟางก็แค่หุนหันไปชั่วครู่ อย่างไรก็ตาม สินสอดก็ส่งมาแล้ว”
ใช่
สินสอดถูกส่งมาแล้ว
นี่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
มิฉะนั้น หากตระกูลโจ่กลับคำก็จะกลายเป็นเรื่องตลกในเมืองหลวง
ความกังวลของซูหลิงหลงหายไป ใบหน้าสีม่วงแดงของเธอค่อยๆดีขึ้น ดวงตาที่ดุร้ายของเธอกวาดไปรอบๆ จากนั้นเสียงกระซิบก็หายไปในทันใด
เธอขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เล็บจิกลึกลงไปท่ามกลางฝ่ามือของตน
“พี่ ตรวจสอบให้ฉัน หานหยู่ถิงเป็นแค่คนจนๆ ฉันอยากรู้นักว่าตัวตนของจิ่งเทียนคืออะไรกันแน่!”
“เธอไม่บอกฉันก็จะทำ”
ใบหน้าซูโม่เรียบเฉย เขาข่มความโกรธในใจ อีกทั้งยังรู้สึกอยากจะหัวเราะ
ทำลายล้างตระกูลซู?
ช่างพูดจาใหญ่โตเสียจริงๆ นับตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยได้ยินคำที่เย่อหยิ่งขนาดนี้มาก่อน