จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 24
บทที่ 24 เศษฝุ่นและดาวน้อย
ส่งหานหยู่เยนไปแล้ว โล่เฉินก็โทรหาฟ่านหงชาง
ไม่นานนัก ในคฤหาสน์สูงศักดิ์
“หงชาง มีเรื่องอะไรเหรอ?”
หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ฟ่านหงชางบอกว่ามีเรื่องจะรายงาน ยังจะมารายงานต่อหน้าอีก โล่เฉินเห็นว่าผิดปกติ
ฟ่านหงชางโบกมือไล่ ให้คนใช้ออกไป
“อาจารย์ครับ สายทางเมืองหลวงได้ส่งข่าวมา ตระกูลบู๊โบราณทั้งสามตระกูลยิ่งอยู่ยิ่งไม่ถูกกัน เมื่อวาน ต่อสู้กันครั้งยิ่งใหญ่ที่ภูเขาเย่นหลิง ถึงขั้นทำให้รัฐบาลตื่นตระหนก”
“จื๊ดๆ น่าสนุก”
มุมปากโล่เฉินปรากฏด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา “ฝูงหมาป่าต่อสู้กัน ต้องมีตายและบาดเจ็บ พอดีเลยสามารถที่จะทำให้กำลังของพวกมันอ่อนลง สำหรับเราถือเป็นเรื่องที่ดี
“ใช่แล้วหงชาง ลูกศิษย์ที่ลำพองของผม คุณได้ข่าวอะไรมาบ้างมั้ย?”
โล่เฉินจงใจพูดคำว่า “ลำพอง” สองคำนี้อย่างชัดเจน
สีหน้าของฟ้านหงชางแปลก ถามกลับ อาจารย์: “ท่านรู้หรือเปล่าว่าความแตกต่างระหว่างตระกูลบู๊โบราณทั้งสามตระกูลในเมืองหลวงคืออะไร?”
“ตระกูลกู่ ตระกูลหลง ตระกูลหยุน หรือว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไร?”
“ใช่ครับ”
ฟ่านหงชางพยักหน้า “เมื่อสิบปีก่อน การต่อสู้ที่ภูเขาเย่นหลิง พลังภายในของตระกูลบู๊ทั้งสามต่างได้รับบาดเจ็บ แต่ศิษย์ทรยศคนนั้นกลับรักษาพลังวิชาของตัวเองเอาไว้ทั้งหมด จากนั้นก็ฆ่าประมุขของตระกูลหยุน แล้วก็มาควบคุมตระกูลหยุนทั้งตระกูล!”
“อะไรนะ?!” โล่เฉินสีหน้ามืดมนลงทันที
“ตอนนั้นอาจารย์ก่อตั้งหน่วยหมิงและหน่วยอ้าน หน่วยหมิงได้มอบให้เธอกำกับดูแล เธอกลับซื้อใจทุกคน นำพาทุกคนในหน่วยหมิงทรยศ หลังจากที่ต่อสู้กันที่เขาเย่นหลิง กำลังที่หน่วยหมิงรวบรวมเอาไว้ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น เธออาศัยตีเหล็กตอนร้อน พาหน่วยหมิงโจมตีตระกูลหยุน ฆ่าประมุขของตระกูลหยุนและคนที่คิดจะต่อต้านอย่างโหดเหี้ยม สุดท้ายก็ยึดครองตระกูลหยุน!”
การต่อสู้ที่ภูเขาเย่นหลิงเมื่อสิบปีที่แล้ว แม้ว่าฟ่านหงชางจะไม่อยู่ แต่ก็สามารถจินตนาการได้ว่ามันจะน่าเศร้าเพียงใด
เขาภักดีต่อโล่เฉิน ก็ต้องเกลียดศิษย์ทรยศคนนั้นอย่างแน่นอน
“ตอนนี้ ตระกูลบู๊โบราณทั้งสามในเมืองหลวงก็คือตระกูลกู่ ตระกูลหลงและตระกูลหลัน”
ฟ่านหงชางกัดฟันเอาไว้ ในแววตามีรอยน้ำตา “ไอ้คนนั้นมันช่างโหดเหี้ยมมาก บังคับคนตระกูลหยุนเปลี่ยนแซ่ ว่ากันว่าปีนั้นที่เมืองหลวงยังได้เกิดความวุ่นวายขึ้น แต่ก็ถูกเธอจัดการจนสิ้นซาก”
“บังคับคนตระกูลหยุนเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแซ่ จุ๊ๆ ไม่เสียแรงที่เป็นลูกศิษย์ของผมจริงๆ”
โล่เฉินหัวเราะอย่างเย็นชา
เนรคุณคน ฆ่าล้างตระกูล หมดผลประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง โหดเหี้ยมเยือกเย็น………
คำพูดที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านี้ ใครก็ไม่สามารถที่จะเกี่ยวข้องกับผู้หญิงที่สวยงาม อ่อนโยนและไร้เดียงสาได้อีก
แต่ในความเป็นจริง กลับถูกเธอจัดการอย่างไร้ที่ติ
โล่เฉินหลับตาลง ก็ปรากฏด้วยภาพเงาปีศาจสาวที่สวยงามมาก ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ ทำให้น่าหลงใหล
“อาจารย์ครับ ผมรอให้อาจารย์ฟื้นฟูพลังเต็มที่ก่อน จะไปฆ่ามันกับท่านที่เมืองหลวง เอาของที่เป็นของท่านทุกอย่างคืนมา ในเวลาเดียวกันก็กวาดล้างให้สิ้นซาก!”
“นายมีใจเช่นนี้ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้ผมเพิ่งจะผ่านพิบัติอมตะ จะให้กลับไปจุดที่สูงสุดนั้นไม่ง่ายขนาดนั้น”
โล่เฉินนิ่งไปสักพัก แล้วกล่าว หงชาง: “ผมมีเรื่องจะให้คุณไปจัดการ”
“อาจารย์ เชิญว่ามาเลยครับ”
“สองสามวันก่อน ผมได้หยกชิ้นหนึ่งมาจากนักบู๊คนหนึ่ง ในนั้นมันมีพลังเรกิที่เข้มข้นบริสุทธิ์ สามารถช่วยให้ผมฟื้นฟูกำลังได้ดี เขาบอกว่าหยกชิ้นนี้เขาเจอมันที่โบราณสถาน นายจัดคนไปตามหาดู ช่วยใส่ใจให้มากๆหน่อย”
ฟ่านหงชางยกมือขึ้นคารวะ “อาจารย์วางใจเถอะ ผมจะตามหามันสุดความสามารถ”
“หากไม่มีอะไรแล้ว ก็ส่งอาจารย์ไปจากเขาจื่อเช่วเถอะ”
เครื่องบินส่วนตัวได้มาจอดลงที่สนามหญ้าของสวนสาธารณะหลิงหูพร้อมกับโล่เฉิน เป็นเพราะยังเช้าอยู่ ยังไม่ค่อยมีคนมาเดิน ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเห็นเข้า
โล่เฉินมีแผนจะกลับบ้าน แต่ว่าจะบังเอิญไปมั้ย ได้เจอกับเสี้ยงหยวนและเสี้ยงฉ่ายเอ่อสองปู่หลานตรงหน้าประตูสวนสาธารณะ
“คุณโล่ บังเอิญจริง เสี้ยงหยวนทำท่าคารวะ”
“สวัสดีค่ะไต้ซือ” เสี้ยงฉ่ายเอ่อโค้งตัวคำนับ
“คุณท่าน อรุณสวัสดิ์”
นับวันเวลาดูวันนี้ก็วันที่เจ็ดแล้ว โล่เฉินกล่าวอย่างยิ้มๆ: “ก่อนหน้านั้นเคยพูดไว้ว่าจะช่วยท่านตรวจดูสัปดาห์ละครั้ง วันนี้พอดีเลย ผมสามารถช่วยท่านดูก่อนว่าร่างกายฟื้นฟูไปถึงขั้นไหนแล้ว”
งั้นก็รบกวนคุณแล้ว
หลังจากการรักษาครั้งที่แล้ว ทำให้โล่เฉินมีความชำนาญมากขึ้น
ตรวจไปสักพัก เขาพบว่าเสี้ยงหยวนมีพลังพื้นฐานที่แข็งแกร่งมาก ฟื้นฟูกลับมาได้เจ็ดแปดส่วนแล้ว อีกสักครึ่งเดือนก็จะน่าหายหมดแล้ว
จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้เข้าใจยากอะไร
เสี้ยงหยวนเมื่อตอนอายุสามสิบกว่าเคยบาดเจ็บภายในมาก่อน ทรมานเขามาโดยตลอด ทนเจ็บมาสี่สิบกว่าปี ไม่เพียงแต่ไม่ต้องนอนติดเตียงแต่สภาพร่างกายกลับแข็งแกร่งมาก
นี่ล้วนเป็นเพราะวรยุทธ์พื้นฐานของเสี้ยงหยวน ร่างกายก็เลยแข็งแกร่งเป็นธรรมดา
รอให้อาการบาดเจ็บภายในนี้หายดีก่อน ก่อนสามารถฝึกฝนอีกครั้ง
เพียงแต่……..
“เห้ย?”
โล่เฉินขมวดคิ้ว เมื่อก่อนเพียงแต่สังเกตชีพจรต่างๆของร่างกายไม่ได้สังเกตอย่างอื่น ตอนนี้ดูแล้ว เส้นเลือดภายในของเสี้ยงหยวนหยาบไม่เบา
ตามหลักของคนฝึกยุทธ์แล้ว ร่างกายมีพลังภายใน หล่อเลี้ยงชีพจร มันจะทำให้เส้นเลือดมีความชุ่มชื้นและเหนียวมากขึ้น
“เธอมานี่”
“ห๊า? ฉันเหรอ?”
ฉ่ายเอ๋อเดินเข้ามา โล่เฉินได้ตบๆไปที่ข้อแขนของเธอ อีกฝ่ายสีหน้าแปลกใจ “คุณ คุณประสาทหรือเปล่า?”
โล่เฉินไม่ได้ตอบ แต่ว่าได้ขมวดคิ้วจนเกิดรอยเส้น “สาม” เส้น
“วิชาที่พวกคุณฝึกฝนได้พกมันติดตัวมาด้วยหรือเปล่า สามารถให้ผมดูหน่อยมั้ย?”
เสี้ยงหยวนกล่าว: “อยู่ในรถพอดีเลย อะหู่ รีบไปเอามา”
“ครับคุณท่าน”
บอดี้การ์ดได้ไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากในรถ แล้วส่งมอบให้โล่เฉินอย่างสุภาพ
ดูไปไม่กี่หน้า โล่เฉินก็ได้รู้ความจริง
ตระกูลเสี้ยงเป็นลูกหลานของราชาเสี้ยงหยู่แห่งซีฉู่ และเคล็ดวิชาของเสี้ยงหยู่นั้นโล่เฉินเป็นผู้ถ่ายทอดให้
แม้กาลเวลาจะผ่านไปแต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงอยู่เสมอ ได้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น
สืบทอดมาจนถึงวันนี้ 《วิชาฝึกจิตตระกูลเสี้ยง》นี้ขาดหายไปหลายตอน ไม่สามารถที่จะฝึกฝนไปถึงขั้นปรมาจารย์แล้ว ในเวลาเดียวกันมันก็ไม่ถูกต้องแล้ว
ประโยคเดียว ทรมานร่างกาย
เป็นเพราะสาเหตุนี้ กล้ามเนื้อและเส้นเลือดของเสี้ยงหยวนหรือแม้กระทั่งเสี้ยงฉ่ายเอ๋อที่ยังเยาว์วัยถังได้หยาบกระด้างและบอบบาง หากเป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะทำให้เส้นเลือดขาดถึงขั้นเสียชีวิต
ต้องรู้ว่า ไม้ตายของตระกูลเสี้ยง《หมัดอ๋องใหญ่รบเสือ》สำคัญคือต้องแข็งแกร่ง ลองจินตนาการดู:
ผลที่ตามมาของหมัดที่แข็งแกร่งเมื่อเจอเส้นเลือดอ่อนแอ ผลจะเป็นยังไง!
“คุณ มีปัญหาอะไรเหรอ?”
“วิชาฝึกจิตตระกูลเสี้ยงนี้หยาบเกินไป หากฝึกต่อไปไม่เพียงแต่ไม่สำเร็จ แต่มีอันตรายต่อชีวิตของพวกคุณ ฉ่ายเอ๋ออายุแค่ยี่สิบกว่าเองใช่มั้ย แต่เส้นเลือดหยาบกระด้างเหมือนกับผู้หญิงอายุสามสิบกว่า”
“ห๊า!”
เสี้ยงฉ่ายเอ๋อตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี เกือบจะร้องไห้แล้ว “แล้ว แล้วควรทำยังไง?”
เสี้ยงหยวนก็ตกใจเหมือนกัน เขาถอนหายใจแล้วกล่าว: “จริงๆแล้ว ผมก็เคยคิด วิชาพลังจิตของตระกูลเสี้ยงสืบทอดกันมาหลายพันปี น่าจะมีช่องโว่มากมาย อยากที่จะซ่อมแซมมัน แต่ว่าต่อให้เป็นปรมาจารย์บู๊ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า”
“หลังจากรุ่นผมแล้ว ลูกหลานตระกูลเสี้ยงผมไม่ให้ฝึกอีก”
รุ่นที่สองมีแต่ฉ่ายเอ๋อกับพ่อเขาที่ฝึก ในสามรุ่น หากไม่ใช่เพราะฉ่ายเอ๋อยืนกรานและมีพรสวรรค์ ผมก็ไม่มีทางที่จะถ่ายทอดให้
เสี้ยงฉ่ายเอ๋อกระทืบเท้าด้วยความร้อนใจ
ผู้หญิงนั้นมีความรู้สึกที่ไวต่อเรื่องอายุอย่างมาก โล่เฉินว่าเธออายุยี่สิบกว่า แต่มีเส้นเลือดที่อายุสามสิบกว่า นั่นก็หมายความว่า ตัวเองนั้นอายุสามสิบสี่สิบปีก็จะกลายเป็นยายแก่แล้ว!
ฮือๆๆๆ คุณปู่หนูไม่อยากกลายเป็นยายแก่ หนูไม่ฝึกแล้ว หนูจะกินยาจีนบำรุงร่างกาย หนูต้องเป็นสาวน้อยที่สวยงาม
“อันนี้………” เสี้ยงหยวนสีหน้ากระอักกระอ่วน
โล่เฉินหัวเราะ แล้วกล่าว” อย่าใจร้อน ที่ผมพูดออกมา ก็ต้องมีวิธีที่สามารถรักษามันอยู่แล้ว”
“คุณพูดจริงใช่มั้ย?” เสี้ยงหยวนดวงตาการเป็นประกาย
“ผมไม่จำเป็นต้องหลอกคุณ” โล่เฉินลุกขึ้น มองดูเวลา แล้วกล่าว: “หนังสือเล่มนี้ผมเอากลับไปก่อน รอให้ผมแก้ไขมันเสร็จแล้วจะแจ้งคุณอีกที”
เสี้ยงหยวนรีบทำท่าคารวะ ขอบคุณอย่างตื้นตัน ขอบคุณมาก ผมเสี้ยงหวยนรู้สึกขอบคุณอย่างมาก ใช่แล้ว เมื่อสองสามวันก่อนสามเสี้ยงน่าจะติดต่อกับคุณแล้วใช่มั้ย
“เสี้ยงจื้อสงเหรอ ติดต่อแล้ว ช่วยเขากำจัดศัตรูไปครอบครัวหนึ่ง”
“ไอ้ลูกคนนี้ตั้งแต่เด็กก็ไม่ได้เรื่อง ชอบเดินไปในทางที่ผิด หากเขาทำเรื่องอะไรให้ท่านไม่พอใจ ท่านสั่งสอนได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องไหว้หน้าข้า!”
โล่เฉินยิ้มเล็กน้อย รู้ว่าเสี้ยงหยวนหมายถึงอะไร
เขาที่เป็นพิบัติอมตะคนหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะโกรธ เสี้ยงจื้อสงเพราะเรื่องเล็กน้อย
“เวลาไม่เช้าแล้ว ค่อยพบกันใหม่”
โล่เฉินไปจากสวนสาธารณะหลิงหูอย่างรวดเร็ว
กลับมาถึงชุมชนที่ตัวเองอยู่ พบว่าใต้ตึกมีรถมาเซราติจอดอยู่
เท่และดึงดูดสายตา ภายใต้แสงอาทิตย์ทำให้มันเปล่งประกายอย่างเจิดจรัส สาวๆหลายคนพลางถ่ายรูปพลางอัพติ๊กต๊อก
รถหรูแบบนี้ทำไมถึงมาจอดอยู่ในชุมชนเก่าๆแบบนี้ละ?
ไม่ได้คิดอะไรมาก โล่เฉินก็เข้าบ้านไป ตะโกนไปประโยคหนึ่ง: “ผมกลับมาแล้ว เฮ้ย หยู่เยนคุณก็อยู่ด้วยเหรอ ยังไม่ไปบริษัทเหรอ?”
“อืม ยังไม่ไป ที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อย” แววตาหานหยู่เย่นล่องลอย
มองห้องรับแขกไปแวบหนึ่ง โล่เฉินพบว่ายังมีผู้ชายแปลกหน้านั่งอยู่คนหนึ่ง กำลังพูดคุยกับหลิวหลันเซียงอย่างมีความสุข หานเจี้ยนเย่กำลังชงชาให้เขา
หานหยู่ถิงที่เย่อหยิ่งก็นั่งอยู่ตรงข้ามของชายคนนี้ สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
อีกอย่างมองดูชายคนนี้ ร่างทั้งร่างสวมสูทแบรนด์เนม ใส่นาฬิกาRolex ผมทาน้ำมันถูกหวีขึ้นด้านบนหมด รูปร่างไม่เลวน่าจะออกกำลังกายเป็นประจำ หน้าตาก็ไม่เลว
เจ้าของรถมาเซราติที่จอดอยู่ข้างล่าง เห็นได้ชัดว่าต้องเป็นเขา
“โอ้ คนนี้ก็คือพี่โล่เฉินใช่มั้ย”
โล่เฉินยังไม่ทันที่จะพูด ชายคนนี้ก็ได้เดินเข้ามาก่อน ยื่นมือออกมา “สวัสดีครับพี่ ผมเป็นเพื่อนสมัยเรียนของหยู่เยน โล่เฉิง”
ชื่ออะไรนะ?
“แซ่เหมือนกัน แต่ชื่อไม่เหมือน เฉินของพี่เป็นเฉินที่อยู่บนดิน(เฉินที่แปลว่าเศษฝุ่น) ของผมเป็นเฉิงที่อยู่บนฟ้า”
มุมปากของชายคนนี้ยิ้มอย่างมีเจ้าเล่ห์ แววตาลึกซึ้ง ความหมายที่แฝงอยู่ในแววตาลึกซึ้งมาก
โล่เฉินขมวดคิ้ว ข้างในไม่พอใจ แต่ว่าทุกคนมองดูอยู่ เขาจะชักสีหน้าไม่ได้ แบบนี้จะทำให้เขาดูเหมือนคนใจแคบ
“สวัสดี”
ยื่นมือไปจับ
ทันใดนั้น แววตาของโล่เฉินก็เปล่งประกายความเย็นชาออกมา