จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 25
บทที่ 25 สุภาพบุรุษจอมปลอม
จุ๊ๆ เจ้าหมอนี่!
เดิมทีนึกว่าเป็นการจับมือกันธรรมดา คาดไม่ถึงว่าจะมีพลังมหาศาลถูกส่งมา
โล่เฉินเงยหน้าเล็กน้อย และก็เห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยของผู้ชายคนนี้ที่อยู่ตรงหน้า นี่มันเป็นการยั่วโมโหต่อหน้าต่อตากันเลย!
พิบัติอมตะที่กินเวลามาสิบปี โล่เฉินทนทุกข์ทรมานมาสิบปีแล้ว
วันนี้แม้ว่าจะผ่านมันไปได้แล้ว แต่ว่าร่างกายยังคงซูบผอมอย่างเห็นได้ชัด แต่โล่เฉิงที่ออกกำลังกายมาเป็นเวลานาน เห็นได้ชัดว่าแข็งแรงมาก
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้โล่เฉิงรู้สึกว่ารังแกง่ายมาก
“พี่เฉิน เจอกันครั้งแรก ยินดีที่ได้รู้จัก”
โล่เฉิงพลางพูด พลางเพิ่มกำลังแรงของมือ
แต่แล้ว สีหน้าของโล่เฉินก็ปกติมาก
นี่มันยังไงกัน?
โล่เฉิงเข้าใจดี เขาใช้กำลังแรงแบบนี้คนธรรมดาทนไม่ได้อย่างแน่นอน แต่คนไร้ประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ทำไมไม่เป็นอะไรเลย!
ในขณะที่เขากำลังสงสัย มือก็ได้ส่งความเจ็บปวดมาทำให้ใบหน้าเขาตึงไปหมด เหมือนพลังของคลื่นทะเล เหมือนกับจะบีบกระดูกมือให้แหลกละเอียด
โล่เฉิงตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี รีบดึงมือกลับมา
“ยินดี ยินดี”
โล่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินไปนั่งข้างๆหานหยู่เยน
นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ใครก็ไม่ทันได้สังเกต โล่เฉิงนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่จะทำต่อไป เขาจึงได้ยิ้มเจื่อนๆขึ้นมา
เขาเดินไปนั่งลงตรงข้ามกับโล่เฉิน ยังได้รินชาให้โล่เฉินหนึ่งแก้ว มีมารยาทมาก
“พี่เฉิน ได้ยินมาว่าพี่แต่งงานกับหยู่เยนมาสามปีก็ดูแลรับผิดชอบแต่เรื่องงานบ้าน แบบนี้มันไม่ได้นะ ลูกผู้ชายต้องออกไปลุยงานข้างนอก พอดีในเมืองเจียงผมมีบริษัทอยู่บริษัทหนึ่ง หากพี่เฉินไม่รังเกียจผมสามารถจัดตำแหน่งผู้จัดการให้พี่ทำ!”
โล่เฉินดื่มชา ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง ก็ตอบกลับทันที ไม่ต้องแล้ว: “ตำแหน่งใหญ่โตแบบนี้ผมทำไม่ได้หรอก!”
“นายเศษฝุ่น ดูพฤติกรรมของนายสิ ดวงน้อยอุตส่าห์หวังดีแนะนำงานให้นาย นายทำเหมือนเป็นอาเสี่ย ไม่ดูน้ำหน้าตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว นิสัยอะไรเนี่ย”
เศษฝุ่น ดวงน้อย
โล่เฉินยิ้มเจื่อนๆ คำเปรียบเทียบเมื่อกี้ของพี่ชายคนนี้ คิดไม่ถึงว่าแม่ยายก็สามารถเรียนแบบมาใช้ทันทีเลย
“แม่ครับ ผมไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้จัดการ หากทำให้บริษัทของคุณชายโล่เสียหาย มันก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่”
หลิวเซียงหลันคิดๆดูแล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผล
เป็นผู้จัดการแม้ว่าจะมีรายได้พิเศษมากมาย แต่ว่าหากทำให้บริษัทเกิดปัญหา บ้านเธอก็คงไม่มีปัญญาชดใช้
เมื่อเป็นแบบนี้ หลิวเซียงหลันยิ่งมีอคติต่อโล่เฉินมากขึ้น หากไม่มีคนอยู่เธอก็ด่าไปแล้ว
“นายนี่มันไร้ประโยชน์จริงๆ ดูดวงน้อยซิ อายุน้อยๆแต่เปิดบริษัทไปหลายบริษัทแล้ว เขาอุตส่าห์จะให้นายไปทำงานในตำแหน่งผู้จัดการนายก็ไม่มีปัญญาทำ ทำไมฉันถึงมีลูกเขยที่ไร้ประโยชน์อย่างนายด้วยนะ!”
“แม่คะ พูดให้มันน้อยๆหน่อยเถอะค่ะ!”
หานหยู่เยนลูกขึ้น สีหน้าดูแย่มาก
หลิวเซียงหลันถลึงตาใส่ แล้วก็กล่าวอย่างเย็นชา: “กับข้าวซื้อมาแล้ว โล่เฉิงจะอยู่ทานข้าวเที่ยงด้วย รีบไปทำกับข้าวเลย”
“ครับแม่”
หานหยู่เยนกล่าว: “โล่เฉิน ฉันไปช่วยคุณ”
“หยู่เยน เธอมานี่ แม่มีเรื่องจะคุยกับลูก”
หลิวหลันเซียงดึงตัวของหานหยู่เยนไปยังห้องนอน หานเจี้ยนเย่กับหานหยู่ถิงก็เดินตามไปด้วย โล่เฉินไปถึงห้องครัว โล่เฉิงก็เดินตามเข้าไป
มองกวาดไปรอบหนี่ง โล่เฉิงทำเสียงจื้อๆในปาก: “ห้องครัวสกปรกมาก อาหารที่ทำออกมาผมรู้สึกว่าไม่สะอาด กินมันไม่ลง”
“คุณจะพูดอะไรกันแน่?” โล่เฉินพลางเด็ดผักพลางถาม
“คุณรู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างผมกับหยู่เยนแล้วใช่มั้ย”
โล่เฉินนิ่งไปสักพัก “ความสัมพันธ์ที่แท้จริง? ไม่ใช่เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยเหรอ หรือว่ายังมีความสัมพันธ์อย่างอื่นอีก”
โล่เฉิงหัวเราะเห่อๆ แล้วกล่าว: “คุณมันไร้เดียงสาเกินไป ไม่ปิดบังนะ ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย หยู่เยนเคยแอบรักผม หากไม่ใช่ตอนนั้นผมต้องรีบไปต่างประเทศ หยู่เยนก็จะกลายเป็นคนของผมนานแล้ว”
แอบรัก?
โล่เฉินรู้สึกประหลาดใจ เขาได้คาดเดาว่าฐานะของโล่เฉิงก็ไม่ธรรมดา ต้องไม่ใช่ตระกูลชั้นสองอย่างตระกูลหานอย่างแน่นอน
ฐานะคุณชายใหญ่ หน้าตาก็ไม่เลว พูดจาก็เก่ง สาวๆในมหาวิทยาลัยตอนนั้นใสซื่อแค่ไหน ถูกหลอกก็เป็นเรื่องธรรมดา
“งั้นผมก็ต้องขอบคุณคุณที่ไปต่างประเทศได้เวลาที่เหมาะสม ทำให้หยู่เยนหลบพ้นผู้ชายเลวๆคนหนึ่ง”
โล่เฉิงสีหน้ามืดมน หัวเราะแปลกๆแล้วกล่าว “คนอย่างผมมีจุดเด่นอยู่ข้อหนึ่ง ก็คือสิ่งที่ผมอยากได้ ก็ต้องได้ ต่อให้ผ่านไปหลายปี มันก็ไม่เปลี่ยนแปลง”
“พูดตรงๆว่าจะแย่งก็ได้แล้ว ต้องอ้อมค้อมขนาดนี้เลยเหรอ ทำตัวเหมือนกะเทยไปได้”
สีหน้าของโล่เฉินไม่สะทกสะท้าน กำลังยุ่งกับการหั่นผัก
“คุณ!”
โล่เฉิงโมโหมาก
ก่อนที่เขาจะมาได้วางแผนไว้แล้ว ว่าจะทำให้ลูกเขยที่ไร้ประโยชน์ของตระกูลหานอับอาย
แต่เมื่อมาปะทะกันจริงๆแล้ว รู้สึกว่าทุกหมัดที่ปล่อยออกไปเหมือนชกนุ่น ไม่มีประสิทธิภาพที่ต้องการแล้วไม่พอ ยังรู้สึกว่าทำให้ตัวเองเหนื่อยไปด้วย
“ให้พูดกันตรงๆใช่มั้ย ได้ งั้นผมจะให้คุณสิบล้าน รีบหย่ากับหยู่เยน ผมต้องการเธอ”
“สิบล้านเหรอ?”
โล่เฉิงเห็นแบบนี้ นึกว่าได้ผล ยิ้มจนตาหยีแล้วกล่าว: “ไม่ผิด สิบล้าน สำหรับคุณแล้วตัวเลขนี้มันมหาศาลทีเดียว สำหรับตระกูลหานก็เป็นบุญวาสนาที่ยิ่งใหญ่”
“หมายความว่ายังไง?”
“สามปีที่ผ่านมาคุณใช้ชีวิตยังไง ตระกูลหานรังแกคุณทุกวิถีทาง คุณไม่เคยคิดมากบ้างเลยเหรอ? ไม่คิดว่าสักวันหนึ่งจะลุกขึ้นยืน แล้วเหยียบย่ำพวกเขาไว้ใต้ฝ่าเท้า?”
คำพูดของโล่เฉิงนั้นมีพลังดึงดูดมาก มีเงินสิบล้านนี้ “คุณก็จะสามารถทำได้ อย่างไรเสียทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลหาน ก็มีแค่ยี่สิบล้าน”
“จื๊ดๆ สิ่งที่คุณพูดมันน่าสนใจจริงๆ”
“คนที่รู้สถานการณ์ปัจจุบันและตามทันคือคนที่ฉลาด เห็นแก่หยู่เยนผมถึงได้ให้ชีวิตใหม่กับคุณ ผมเชื่อว่าคุณจะตกลง แน่นอน ต่อให้คุณไม่ตกลง หยู่เยนก็ต้องเป็นของผม”
โล่เฉิงมั่นใจอย่างมาก ยืนพิงอยู่ที่ขอบประตู แล้วกล่าว: “คนหนึ่งเป็นคนที่ทุกคนรู้ว่าไร้ประโยชน์ อีกคนหนึ่งเป็นคนที่เธอเคยแอบรัก หยู่เยนจะเลือกยังไงคุณก็น่าจะรู้ดี”
“อืม ผมเข้าใจแล้ว”
“ฮ่าๆๆ ไม่เลวนี่ คุณมันก็ไม่ได้โง่ดักดาน”
โล่เฉินหยุดงานในมือลง ชายตามองแล้วกล่าว: “พูดจบก็ไสหัวออกไป อย่ามารบกวนผมทำกับข้าว”
“คุณปฏิเสธ? ตลกละ”
เสียงหัวเราะของโล่เฉิงหัวหยุดลงทันที “สีหน้าเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย หรือว่าคุณจะชอบหยู่เยนเข้าแล้ว? คุณน้าหลันบอกกับผมสามปีมานี้ หยู่เยนไม่ได้ให้คุณแตะต้องตัวเธอ เฝ้ามองดูภรรยาที่สวยงามแต่กลับไม่ได้สัมผัส รสชาติแบบนี้คงทรมานน่าดูเลยใช่ป่ะ”
“อยากจะใช้การกระทำทำให้หยู่เยนทราบซึ้งเหรอ? อย่าไร้เดียงสาไปหน่อยเลย ในสังคมนี้ เขามองกันที่ฐานนะ ตำแหน่ง อำนาจ เงินทอง พี่ชาย ขอเตือนนายหน่อย อย่าทำให้หยู่เยนเสียเวลาแห่งความสุขเลย”
น้ำเสียงของโล่เฉินเย็นชา หันหน้าไปสบตาอีกฝ่าย แล้วค่อยๆกล่าวขึ้น “หากคุณจริงจังต่อหยู่เยน ฉันก็ยอมถอยอยู่แล้ว ไม่รบกวนพวกคุณหรอก น่าเสียดาย คุณไม่ใช่”
“โอ้? โล่เฉิงมึนงง ทำไมถึงพูดแบบนี้?”
“ความจริงใจไม่ได้อาศัยปากพูดอย่างเดียว และก็ไม่ได้วัดกันที่เงิน หากคุณรักหยู่เยนจริง ตอนนั้นก็จะไม่มีทางไปต่างประเทศ พูดอีกอย่างหากคนมีธุระต้องไปต่างประเทศจริงๆ ก็คงไม่กลับมาเอาป่านนี้!”
ด้านในใจของโล่เฉินกำลังลุกเป็นไฟ
ไอ้หมอนี่ตั้งแต่เจอกัน แม้ว่าจะไม่ได้เยาะเย้ยโดยตรง แต่ก็ใช้คำพูดและการกระทำต่างๆดูแคลนและเหน็บแนมเขา
แย่งเมียคนอื่น ยังเต็มไปด้วยท่าทีที่ภูมิใจ
โดยเฉพาะเมื่อเอ่ยถึงเงินสิบล้าน น้ำเสียงเหมือนกับพระราชาสั่งทาส อีกอย่าง ตามประสบการณ์ของโล่เฉินและหนังสือที่อ่านมา :
ต่อให้เขาหย่ากับหานหยู่เยน เงินสิบล้านนี้ก็ไม่ได้หรอก โล่เฉิงมีเป็นหมื่นวิธีที่จะนำเงินก้อนนี้กลับคืนไป
ต่อหน้าและลับหลัง ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
เป็นสุภาพบุรุษจอมปลอม โดยแท้จริง!
คนแบบนี้ น่ากลัวมากกว่าคนอย่างหานหยุนเทา ยิ่งทำให้คนขยะแขยง
พรึบๆๆ
โล่เฉิงปกมือ ส่ายหัวแล้วกล่าว: “พูดได้ดี แต่ผิดอย่างมาก จริงใจเหรอ? สังคมสมัยนี้ ความจริงใจจะมีราคาเท่าไหร่เชียว”
“ไม่ว่ายังไง คุณก็ไม่มีปัญญาซื้อ” โล่เฉินสีหน้าเยือกเย็น
โล่เฉิงหัวเราะด้วยความตลก สีหน้าเย้ยหยัน กล่าว “น้องชาย คุณนี่มันช่างไร้เดียงสาได้น่ารักจริงๆ คุณต้องเข้าใจ ว่าเราไม่ใช่คนในโลกใบเดียวกัน……”
พูดมาถึงตรงนี้ เขาจงใจกระทืบเท้า ในเวลาเดียวกันก็ใช้มือชี้ขึ้นไปข้างบน
“คนหนึ่งอยู่บนฟ้า คนหนึ่งอยู่บนพื้นดิน!”
“อย่าใช้สายตาที่มองโลกของคุณมามองเรื่องของผม ในโลกใบนี้ ไม่มีอะไรที่เงินซื้อไม่ได้ หากมี ก็คือเงินยังทุ่มไปพอ”
“ท่าทางเย่อหยิ่ง สายตาที่ดูถูก เหมือนกับที่จักรพรรดิปฏิบัติต่อสามัญชน
โล่เฉินรู้สึกตลกมาก แต่ก็หัวเราะไม่ออก
เหมือนพวกมดแมลงเลย อวดเก่งต่อหน้าช้าง ยังไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่โลกแคบ เหมือนกบที่อยู่ในกะลา
“คุณฟังให้ดี คุณจะไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นผมไม่ยุ่ง แต่หากกล้าคิดไม่ดีกับหยู่เยน ผมจะทำให้คุณเสียใจ!” โล่เฉินกล่าวตักเตือน
“ทำให้ผมเสียใจเหรอ?”
สีหน้าของโล่เฉิงเต็มไปด้วยความดูแคลน เขาเดินขึ้นมาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย กล่าวอย่างรุนแรง: “บอกความจริงนายก็ได้ ครั้งนี้ที่กูกลับมาก็เพื่อจะมาเอาหยู่เยนให้อยู่หมัด เมื่อก่อนไม่สำเร็จ ตอนนี้จะชดเชยมันกลับมาทั้งหมด ไม่หย่าใช่มั้ย ก็ดี เมียที่มีผัว เล่นแล้วกันก็ยิ่งตื่นเต้น”
“พวกคุณคุยอะไรกัน จะเล่นอะไรเหรอ?”
ทันใดนั้น ที่ห้องรับแขกก็มีเสียงถามดังขึ้น