จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 3
บทที่ 3 ของขวัญที่มาสาย
สินสอด?
โล่เฉินสงสัยเล็กน้อย หรือว่าจะเป็นฟ่านหงชางเป็นคนส่งไป
“ก็ไม่รู้ว่าเป็นคุณชายตระกูลร่ำรวยไหน แล้วชอบคุณหนูคนไหนของตระกูลหาน หานหยู่เยนทำนัยน์ตาเปล่งประกาย แล้วพูดขึ้น “โล่เฉิน คุณรู้ไหมว่าส่งสินสอดอะไรมาบ้าง?”
“ดูสิ”
“พวกปิ่นทองรูปหงส์ เสื้อหยกถักทอง ไข่มุกราตรี หยกเขียวเจไดต์ ทองคำเพชร…….ยังไงสิ่งที่ควรมีก็มีหมด และสิ่งที่ทำให้น่าทึ่งที่สุดก็คือเงินสินสอด”
หานหยู่เยนตบหน้าอก ยังคงรู้สึกตกตะลึง แล้วพูดขึ้น “เงินเก้าล้านเก้าแสนเก้าหมื่นเต็มๆ ใส่กล่องใหญ่มาสามกล่อง ตอนนั้นตอนเปิดออก โอ้พระเจ้า บ้านเก่าแก่เงียบกริบไปเป็นเวลาหนึ่งนาทีกว่าๆ ดังนั้นทุกคนไม่รู้ว่าจะทำยังไง”
“ไม่ได้บอกว่าเป็นสินสอดจากใคร? ”
“ไม่ แต่ว่า……..”
หานหยู่เยนเปลี่ยนเรื่องคุย แล้วมองไปยังโล่เฉินพลางพูดขึ้น “คนที่ส่งสินสอดมามีแซ่ว่าโล่ ไม่ได้มีชื่อ และไม่ได้บอกว่าจะส่งสินสอดให้ใคร ดังนั้นตอนนี้ตระกูลหานจึงครึกครื้นกันใหญ่ โดยเฉพาะผู้หญิงพวกนั้นที่ไม่ได้แต่งงาน แต่ละคนแก่งแย่งชิงดีกัน แล้วทะเลาะกันจนหน้าแดงหูแดง”
“สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดคือ หานหยุนเทาไอ้สารเลวพวกนั้นอยากจะถือโอกาสนี้มาข่มเหงพวกเรา พอแล้วจริงๆ แม่เลยไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนจริงๆ แม้แต่ข้าวยังกินไม่เสร็จก็ลากตัวฉันกับพ่อกลับมา”
“ดูท่าแล้วอารมณ์แบบนี้ของแม่ยังคงอยู่อีกหลายวัน ถ้าเธอด่าคุณ คุณก็ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วกัน อย่าไปสนใจ ลำบากคุณแล้ว”
โล่เฉินส่ายหัว ตอนนี้เขาแน่ใจแล้ว
สินสอดก็คือฟ่านหงชางเป็นคนส่งไป ไอ้หมอนี่ไม่รู้ว่าเส้นเอ็นเส้นไหนผิดเพี้ยนไป กลับส่งมอบสินสอดแล้วยังจะส่งไปที่บ้านเก่าแก่ของตระกูลหานอีก แล้วยังไม่พูดที่มาอย่างชัดเจน
นี่ไม่ใช่ว่ายุให้ทั้งตระกูลหานทะเลาะกันชัดๆ!
แน่นอน โล่เฉินก็คาดเดาออก ฟ่านหงชางอาจจะอยากให้เขาได้เชิดหน้าชูตา
แต่ฐานะตัวเองในตอนนี้ ต่อให้บอกว่าตัวเองเป็นคนส่งสินสอด ใครจะไปเชื่อ!
โล่เฉินยิ้มอย่างขมขื่น ดูๆ แล้วทำได้เพียงหาโอกาสอธิบายทีหลัง
“อิจฉาไหม? ”
“อะไรนะ? ” หานหยู่เยนตะลึงงัน
โล่เฉินพูดขึ้น “คุณสวยขนาดนี้ มีความสามารถที่โดดเด่น นิสัยก็ดี ถ้าไม่ใช่แต่งงานกับผมแล้ว ก็สามารถไปแก่งแย่งกับผู้หญิงคนอื่นในตระกูลหานแล้ว ตามคุณสมบัติที่คุณมา มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะชนะ และยังสามารถแต่งเข้าไปในตระกูลร่ำรวย”
หายหยู่เยนพึมพำด้วยเสียงเรียบ “อิจฉาก็มีอยู่บ้าง แต่แค่รู้สึกแปบเดียวในตอนนั้นเท่านั้น ตอนนี้ไม่ได้อิจฉาแล้ว”
“ทำไม? ” โล่เฉินประหลาดใจ
“งานแต่งงานต้องเหมาะสมกันทั้งสองฝ่าย ไม่มีต้นทุนต่อให้แต่งเข้าใจไปตระกูลร่ำรวย ก็ต้องมีชีวิตที่ไม่เป็นสุขแน่นอน กลับทำให้ตัวเองไปขังไว้ในกรง ฉันรู้ตัวดี ชีวิตแบบนี้ในตอนนี้ก็ดีแล้ว งานบ้านถูกคุณสะสางอย่างเป็นระเบียบ ฉันจะได้ไปยุ่งกับการงานอย่างเต็มที่”
โล่เฉินนิ่งเงียบไป สักพักถึงจะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ทำไมถึงไม่ลองคิดดู สินสอดนั้นเป็นสินสอดที่ให้คุณ? ”
หานหยู่เยนกลอกตามองบน “คุณเอ๋อไปแล้วใช่ไหม ฉันแต่งงานแล้ว คุณชายตระกูลร่ำรวยที่ไหนจะเอาฉันที่เป็นผู้หญิงที่เคยแต่งงานแล้ว ใครก็ได้แต่ไม่มีทางเป็นฉัน”
นั่นมันไม่แน่
ภายในใจของโล่เฉินแอบคิด ปากกลับไม่ได้พูด
“ใช่แล้ว คือว่า…….”
“มีเรื่อง? ”
พอเห็นท่าทางที่หานหยู่เยนเหมือนอยากพูดอะไรออกมา โล่เฉินจึงพูดขึ้นต่อ “ไม่เป็นไร ถ้าคุณจะหย่า ผมจะไม่ปฏิเสธ ตอนนี้เราสามารถไปอำเภอได้เลย”
“ไม่ใช่ ฉันอยากจะขอโทษคุณ” หานหยู่เยนทำหน้ารู้สึกผิด “แม่ตบหน้าคุณไปสองทีตอนอยู่บ้านเก่าแก่ คุณอย่าเก็บไปคิดนะ ตอนนั้นเธอแค่อยากจะช่วยพ่อ เลยขาดสติไป ถ้าคุณรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถตบฉันคืน”
“เพราะเรื่องนี้? ”
โล่เฉินส่ายหัวพลางยิ้ม “ไม่เป็นไร ผมไม่ถือสา”
“ขอบคุณนะ”
หานหยู่เยนกัดริมฝีปาก และน้ำตาคลอเล็กน้อย
สามปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะโดนด่าโดนข่มเหงมากแค่ไหน ไม่ว่าจะถูกดูหมิ่นแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าก็คงสีหน้าที่เคล้าด้วยรอยยิ้ม ไม่เคยแม้แต่คำพร่ำบ่นอะไรกับเลย
ภายในใจของเขามีดวงอาทิตย์อาศัยอยู่หรอ?
ถ้าบอกว่าไม่รู้สึกซาบซึ้ง คงจะเป็นเรื่องโกหก
ทุกคนต่างก็บอกว่าโล่เฉินเป็นสวะ หานหยู่เยนไม่ได้คิดว่าเป็นแบบนี้ ไอ้สวะคนหนึ่งต้องอดทนกับเรื่องมากมายขนาดนี้ ก็คงจะเป็นบ้านไปแล้ว แม้กระทั่งยังป่วยเป็นโรคทางจิต
แต่โล่เฉิน สามปีมานี้ยังคงใจเย็น เหมือนไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย
นี่ศรัทธาในความบึกบึนอะไรหรือเปล่า!
ในความเป็นจริง มีความลับหนึ่งที่หานหยู่เยนไม่เคยบอกใครเลย ทุกครั้งในชีวิตของเธอได้เกิดเรื่องแย่ๆ การถูกหาเรื่องในการงาน ตอนที่เธออดทนไม่ไหวต่อไป……
รอยยิ้มอันแจ่มใสของโล่เฉินสามารถให้พลังกับเธออย่างน่าแปลก รักษาแผลใจของเธอ ทำให้เธอสามารถผ่านความยากลำบากไปได้
ชีวิตที่ทุกข์ยากลำบาก สองสามีภรรยาประคับประคองกันไป
“โล่เฉิน ขอบคุณจริงๆ ”
หานหยู่เยนจึงพูดออกมาอย่างตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ น้ำเสียงอ่อนโยน พูดจบเธอก็หน้าแดง นัยน์ตาหลบไปทางอื่น
“คุณไม่เหมือนคนอื่นจริงๆ ทุกคนต่างก็ด่าว่าผมเป็นไอ้สวะ คุณมักจะขอบคุณผม ขอบคุณผมอะไร ผมไม่ได้ทำอะไรนี่”
“คุณไม่เข้าใจ”
หานหยู่เยนลุกขึ้น แล้วเดินไปตรงประตูและหันกลับมาทันที พร้อมยิ้มอย่างเบิกบาน “โล่เฉิน คุณต้องสู้ๆ ฉันก็จะพยายาม ชีวิตของพวกเราจะค่อยๆ ดีขึ้น ฉันเชื่อว่าอย่างนี้”
“เหอะ ได้”
ในห้องที่ว่างเปล่า คำพูดของหานหยู่เยนยังคงไม่จางหายไป
โล่เฉินเหม่อลอยไปสักพัก จากนั้นมุมปากก็เผยยิ้มหวานๆ ออกมา เขาตัดสินใจควักมือถือออกมา
ไม่กี่วินาทีผ่านไป เสียงของฟ่านหงชางดังขึ้นจากมือถือ “อาจารย์ครับ มีเรื่องอะไรกับผมไหมครับ? ”
“หงชาง ฟังไว้ดีๆ ฉันต้องการให้นาย..