จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 55
บทที่ 55 หลิวเซียงหลันระบายความในใจ
“เจี้ยนเย่ ยินดีด้วยยินดีด้วย หยู่เยนได้แต่งงานมีความครัวอันเป็นสุขแล้ว”
“ฉันเห็นหยู่เยนตั้งแต่เด็กจนเติบโต ก็ทราบได้ว่าเธอคือนกฟีนิกซ์ที่กำลังรอที่จะโบยบิน เก็บตัวฟูมฟักอยู่นาน เมื่อออกมาก็ได้ดิบได้ดีเลย แสดงความยินดีด้วย ”
“พี่เซียงหลัน ช่วงนี้ใช้ครีมบำรุงผิวอะไรเหรอ รู้สึกว่าดูสวยงามขึ้นมากทีเดียว”
“จริงด้วยสิ คุณพี่ผอมลงเล็กน้อย รูปร่างก็เลยดูดีขึ้นไปอีก”
คนเรามันก็ดำรงชีวิตอยู่ในสภาพความเป็นจริงเช่นนี้แหละ
ก่อนหน้านี้ครอบครัวของหานเจี้ยนเย่ถูกกดขี่ข่มเหงมาโดยตลอด ไม่มีผู้ใดสนใจและยังถูกเยาะเย้ย ขณะนี้หานหยู่เยนใกล้ที่จะแต่งงานกับคนตระกูลโล่ ญาติพี่น้องทั้งหลายต่างก็โอบล้อมกันเข้ามา พูดประจบสอพลอ
แต่ว่า หลิวเซียงหลันชอบมากกับการที่ผู้อื่นมาประจบสอพลอเช่นนี้ คู่สามีภรรยาทั้งสองหน้าแดงปลาบปลื้ม ตอบรับในทุกคำชม
“เงียบได้แล้ว”
ทันใดนั้น มีเสียงตะโกนออกมา
หานหยุนเทาประคองคุณย่าเดินออกมา
หลิวเซียงหลันรีบไปอยู่ด้านหน้าเพื่อต้อนรับ ยิ้มและพูดว่า: “คุณแม่ ซิงเฉินได้ทำการมอบสินสอดแล้ว พรุ่งนี้หานหยู่เยนก็จะทำการหย่า ตามขนบธรรมเนียม พวกเราตระกูลหานก็ต้องตอบแทนตามมรรยาท ด้วยการไปที่บ้านตระกูลโล่”
“คุณแม่ พวกเราสองสามีภรรยาพาหยู่เยนไปที่จีนหลิงแล้วกัน ท่านผู้อาวุโสมีอายุมากแล้ว ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง” หานเจี้ยนเย่พูดขึ้น
“ไม่ต้อง”
คุณย่านั่งลงแล้วโบกมือ หลิวเซียงหลันกำลังที่จะสอบถามว่าจะวางแผนกันอย่างไร กลับเห็นเธอมองไปที่โล่เฉิงและได้ยิน คำกล่าวแสดงความขอโทษ:
“คุณชายโล่ ขอโทษด้วยจริง ๆ การแต่งงานในครั้งนี้ฉันไม่สามารถตอบตกลงได้”
เพียงคำพูดเดียว ทำให้เงียบสงบกันไปหมด
เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าตอบตกลงแล้วเหรอ ทำไมเพียงแค่ไม่กี่นาทีก็กลับคำพูดแล้ว?
มีทั้งคนที่ดีใจและคนที่ทุกข์ใจ
หานเจี้ยนกั๋วและอีกหลายคนเดิมทีก็ไม่หวังที่จะเห็นครอบครัวของหานเจี้ยนเย่กลับมารุ่งโรจน์ ตอนนี้คุณย่าได้กลับคำ ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเขา
หลิวเซียงหลันและสามีมีอารมณ์และสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที รีบถามขึ้นว่า: “คุณแม่ ท่านเป็นอะไรไป เมื่อครู่ไม่ใช่ตกปากรับคำแล้วหรอกเหรอ”
“ตระกูลหานของพวกเราเป็นตระกูลครอบครัวเล็กธรรมดา จะไปเหมาะสมกับตระกูลโล่แห่งจีนหลิงได้อย่างไร หยู่เยนก็เป็นหลานสาวแท้ ๆ ของฉัน ฉันไม่อาจทนเห็นเธออยู่ในห้องอย่างทุกข์ใจได้”
คุณย่าพูดด้วยเหตุผลถูกต้องและเป็นธรรม สายตาอันแหลมคมข่มไม่ให้หลิวเซียงหลันกล้าพูดอะไรออกมา
“คุณชายโล่ ความหวังดีของท่านฉันรับมันไว้ด้วยใจแล้ว เพียงขอให้ท่านเข้าใจด้วยว่า พวกเรา มิอาจเอื้อมจริง ๆ สำหรับสินสอด ขอให้คุณชายนำกลับไปด้วยเถิด”
เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างเร็ว
โล่เฉิงมีสีหน้าที่เศร้าหมอง แล้วหันมองไปที่พวกหานหยู่เยนทั้งสามคน มุมปากขมุบขมิบ: สมควรตายจริง ๆ ใช้แผนการใดกัน ถึงขนาดทำให้คุณย่ากลับคำได้
หรือเป็นเพราะตระกูลเสี้ยงออกหน้าแทนให้?
“คุณแม่ ท่านทำแบบนี้ไม่ได้นะ หยู่เยนแต่งงานกับคนในตระกูลโล่ถึงจะมีความสุข ท่านทำแบบนี้ประหนึ่งเป็นการตัดอนาคตชีวิตของหยู่เยน ท่านจะใจร้ายใจดำแบบนี้ไม่ได้”
หลิวเซียงหลันตะโกนร้องเสียงดัง
เห็นกันอยู่ว่ากำลังจะร่ำรวยรุ่งเรือง แต่ชั่วเวลาเพียงครู่เดียว ความฝันทุกอย่างกลับพังทลายลง ใครจะยอมรับกับความจริงนี้ได้
เหมือนกับที่ว่า
ธนาคารโอนเงินเข้าบัญชีสิบล้าน ไม่กี่นาทีจากนั้นก็ส่งข้อความมา บอกว่าระบบเกิดความผิดพลาด ต้องคืนเงินทั้งหมดกลับ หลงเหลือเพียงเก้าเหมาเก้า
ฟากหนึ่งคือสวรรค์ ฟากหนึ่งคือนรก
“แกกำลังสงสัยในตัวของฉันอยู่เหรอ? ”
คุณย่าพูดอย่างเรียบง่ายเบา ๆ เพียงคำเดียว แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงการขู่ขวัญที่รุนแรง
ดวงตาสองข้างของหลิวเซียงหลันแดงก่ำ กัดริมฝีปาก แล้วก็หัวเราะเสียงดังออกมา “ท่านไม่ต้องการที่จะเห็นครอบครัวของเรารุ่งโรจน์ขึ้นอีกครั้ง เจี้ยนเย่ก็เป็นลูกชายของท่าน หยู่เยนเป็นหลานสาวของท่าน ทำไมท่านถึงได้ลำเอียงขนาดนี้”
“อะไรที่บอกว่ามิอาจเอื้อม อะไรที่บอกว่ากังวลหยู่เยนจะทุกข์ใจ ทั้งหมดล้วนเป็นคำโกหก หานหยุนเทาพูดอะไรกรอกหูท่านแล้วล่ะสิ คิดไม่ถึงว่าท่านจะเชื่อได้ถึงขนาดนี้! ”
“ท่านแก่จนเลอะเลือนไปหมดแล้ว”
ทุกคนในตระกูลหานต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ทั้งหมดขยับถอยหลังไปหนึ่งก้าว เพื่อหลีกออกจากครอบครัวของหานเจี้ยนเย่
กังวลว่าจะถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วม
“กำเริบเสิบสาน! ”
หานเจี้ยนเย่เดินก้าวขึ้นมาด้านหน้า ตบหน้าของหลิวเซียงหลัน “ไอคนเนรคุณ กล้าที่จะพูดแบบนี้กับแม่ของฉัน แกไม่สมควรที่จะอยู่ในตระกูลหานอีกต่อไป! ”
“ฮาฮาฮา ใครเป็นคนของตระกูลหาน!”
หลิวเซียงหลันน้ำตาไหลออกจากเบ้าตา กุมแก้มที่แดงก่ำ ชี้ไปที่หน้าของแต่ละคน ตะโกนพูดว่า: “พวกแกมันคือคนที่คอยประจบสอพลอผู้มีเงินมีอำนาจ เมื่อครู่ทำตัวเหมือนสุนัขที่คอยเลียอยู่ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้กลัวกันไปหมดแล้ว”
“พวกแกติดตามอยู่กับคนแก่เลอะเลือนผู้นี้ ลองมองดูเธอสิ ภายใต้การนำการดูแลของเธอตระกูลหานแข็งแกร่งยิ่งใหญ่ขึ้นหรือไม่ ไม่มีความสามารถแล้วยังจะมาทำว่าตัวเองเป็นซูสีไทเฮาอีก เชื่อมั่นในตัวของคนโง่อย่างหานหยุนเทา น่าสมเพชสิ้นดี ตระกูลหานภายใต้การนำของเธอจะต้องพบกับความพินาศย่อยยับอย่างแน่นอน! ”
โครม
นี้ไม่เพียงแค่การชี้หน้าเรียกชื่อด่าและดูถูกเท่านั้น ยังจะเป็นการสาปแช่งตระกูลหานด้วย
ญาติพี่น้องทั้งหลายก้มศีรษะลงโดยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ทุกคนรับรู้ได้ถึงความโมโหอันรุนแรงของคุณย่า หานหยู่เยนและหานหยู่ถิงต่างก็ตกใจจนตัวสั่นกันไปหมด
เพียะ
หานเจี้ยนเย่สีหน้าซีดเซียว ตบหน้าหลิวเซียงหลันอีกครั้ง “แกบ้าไปแล้ว พูดแบบนี้กับแม่ได้อย่างไรกัน รีบคุกเข่าลงขอโทษเดี๋ยวนี้! ”
“แกตบหน้าฉัน! ”
“ฉัน……” หานเจี้ยนเย่มองดูที่ฝ่ามือของตนเอง พูดอะไรไม่ออก
ใบหน้าของหลิวเซียงหลันเต็มไปด้วยน้ำตา ตะโกนพูดว่า: “แกไอคนสารเลว ฉันแต่งงานอยู่กับแกมายี่สิบกว่าปี ไม่เคยเสวยสุขแม้แต่วันเดียวยังไม่พอ ยังจะถูกกดขี่ข่มเหงอีก แกก็เป็นลูกชายของเธอเช่นกัน เธอลำเอียงขนาดนี้แกไม่รู้จักที่จะไปต่อสู้ช่วงชิงบ้างเหรอไง! ”
“เป็นเพราะว่าฉันไม่ได้เกิดลูกผู้ชาย เป็นเพราะว่าฉันมีเพียงลูกสาวสองคน? แต่ลูกสาวทั้งสองคนของฉันนั้นแย่ขนาดนั้นเชียวเหรอ หานหยุนเทาเป็นผู้ชายแล้วยังไงกัน โง่เขลาเบาปัญญา สนใจและถนัดแต่เรื่องอบายมุข ไม่มีความสามารถที่จะทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน”
“หานเจี้ยนเย่ แกเป็นผู้ชายภาษาอะไร ครอบครัวของเรานี้ใครเป็นคนที่คอยประคับประคองค้ำจุน หากว่าไม่ใช่หยู่เยน แกผู้เป็นคุณชายคนที่สองแห่งตระกูลหานไม่รู้ว่าจะไปตายอยู่ที่ไหนแล้ว โล่เฉินที่ว่าไม่ได้เรื่องแล้ว แกยิ่งไม่ได้เรื่องกว่าโล่เฉินหลายเท่านัก……”
เพียะ
การตบหน้าครั้งนี้ รุนแรงและมีเสียงดังกว่าเมื่อครู่อีก
หานเจี้ยนเย่หายใจเหนื่อยหอบ ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด “คุกเข่าลง ขอโทษคุณแม่เดี๋ยวนี้! ”
หลิวเซียงหลันหน้ามืด แล้วก็หัวเราะขึ้นอีกครั้ง แต่รอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความสิ้นหวัง
“สมัยก่อนนั้นฉันก็เคยสวยงดงาม คนรวยตามจีบฉันมากมายเป็นว่าเล่น แต่ฉันกลับที่จะเลือกคุณ ยี่สิบกว่าปีมานี้ ฉันอดทนต่อคำดูหมิ่นเหยียดหยาม ฝ่ายทางครอบครัวของฉันก็ไม่มีการไปมาหาสู่กัน ฉันก็ร้องไห้กัดฟันต่อสู้และยืนหยัดมาโดยตลอด”
“สามีของฉันไม่มีความสามารถ ไม่เป็นไร อยู่เย็นเป็นสุขด้วยกันก็ดีแล้ว ลูกสาวของฉันมีความสามารถมากกว่าผู้อื่นก็พอ จะกดขี่ข่มเหงหยู่เยน ก็ไม่เป็นไร ฉันเชื่อมั่นว่าหยู่เยนสามารถแต่งงานมีคู่ครองที่เป็นคนดีได้ มีลูกเขยที่ได้มาแบบไม่ได้คัดเลือก ฉันก็ฝืนทนไม่ถือโกรธใด ๆ
เพราะนี่เป็นสิ่งคุณท่านได้เตรียมการเอาไว้ ฉันก็อดทนอีก ซึ่งฉันเชื่อว่าสักวันหนึ่งชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน”
“เป็นดั่งที่คาดหวังไว้จริง ๆ ลูกสาวของฉันเจริญก้าวหน้าแล้ว คุยงานโครงการใหญ่สำเร็จ แต่ผลที่ออกมาคือ เธอไม่ได้รับรางวัลโบนัสและไม่ได้รับหน้าที่การงานที่เหมาะสม แต่กลับถูกคนบางคนที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้หยู่เยนถูกขับไล่ออกจากบริษัท”
“โอเค ฉันเป็นคนต่ำต้อยและคำพูดไม่มีน้ำหนัก ฉันยอมรับได้ แต่ว่าวันนี้ เธอ……”
หลิวเซียงหลันชี้ไปที่คุณย่า น้ำตาไหลพราก “เธอเป็นผู้ทำลายความหวังเดียวอันสุดท้ายที่เหลืออยู่ เธอทำไมทำแบบนี้ เธอมีสิทธิอะไร! ”
“คุณแม่”
หานหยู่เยนและหานหยู่ถิงสะอึกสะอื้น หยดน้ำตารินไหลออกมา
ญาติพี่น้องทุกคนสงบเงียบ
มีบางคนก็ยังคงยืนหยัด มีบางคนแอบถอนหายใจ มีบางคนแสดงท่าทีเหยียดหยาม
ภายในห้องโถง มีเพียงเสียงร้องไห้ของแม่และลูกผู้หญิงรวมสามคนเท่านั้น
“อวู้”
เสียงของโล่เฉินที่ปลดปล่อยอารมณ์หดหู่ภายในจิตใจออกมา
สามปีมานี้ การดูหมิ่นของหลิวเซียงหลันที่มีต่อเขา ที่จริงเขาไม่เคยที่จะถือสาอะไรเลย เขารู้ว่าหลิวเซียงหลันแบกรับภาระอันหนักอึ้ง และรองรับความกดดันไม่น้อยทีเดียว
สามีของตนไม่มีความสามารถ ทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่ตัวของลูกสาว
แต่การที่เขาเป็น “ลูกเขยที่ไม่ได้เรื่องได้ราว” ทำให้หลิวเซียงหลันได้รับความสะเทือนจิตใจเป็นอย่างมาก การดุด่าดูหมิ่นโล่เฉิน อาจจะเข้าใจความหมายได้ว่าเธอรักในตัวลูกสาวของตน
ยี่สิบกว่าปีมานี้ ความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า ความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า ความอดกลั้นครั้งแล้วครั้งเล่า
ในวันนี้ ความหวังเดียวอันสุดท้าย ก็ถูกคุณย่าทำลายลงอย่างไม่เหลือเยื่อใย หลิวเซียงหลันไม่ทรมานเสียใจอย่างหนัก ก็ถือว่าดีพอแล้ว
“หยู่เยน หยู่ถิง พวกเธอจำไว้ให้ดีนะ จะต้องมีความก้าวหน้าในชีวิต พวกเธอมีความสามารถเหนือคนทั่วไป ไม่ขาดเวทีในการแสดงความสามารถ ตระกูลหานไร้เยื่อใยไม่มีความเมตตา พวกเธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรำลึกจดจำ”
หานหยู่เยนเบิกตาโต พูดด้วยเสียงสั่นว่า: “คุณแม่ คุณ คุณพูดอะไร? ”
หลิวเซียงหลันหันสายตา มองไปที่หานเจี้ยนเย่ น้ำเสียงสงบลง “ที่จริงแล้วคุณยังเป็นคนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ตอนที่ตามจีบฉันนั้น คุณก็ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ขี้ขลาด ถูกพวกลูกคนรวยต่อว่าสองสามคำ เมื่อพบกับฉันก็ต้องเดินอ้อมหลีกหนี ก่อนที่จะแต่งงาน ฉันก็เคยรับทราบถึงสถานการณ์ของตระกูลหานมาก่อน ฉันรู้ว่าแต่งงานกับคุณแล้วชีวิตจะไม่สุขสบายมากนัก แต่ฉันก็ยังเลือกที่จะแต่งงานกับคุณ”
ฟู่
หานเจี้ยนเย่เหมือนถูกทิ่มแทงหัวใจ
“ยี่สิบกว่าปีมานี้ ฉันเหนื่อยและท้อแท้แล้ว ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเคลียร์ให้จบ”
โครม
หานเจี้ยนเย่สมองโล่งว่างเปล่า ขยับเขยื้อนลำคอ อ้าปากกว้างเพื่อต้องการที่จะพูดอะไรบ้าง แต่กลับไม่มีเสียงพูดใด ๆ ออกมา
“พรุ่งนี้ เจอกันที่สำนักงานทะเบียนเขต หลายปีแล้วที่ไม่ได้กลับไปเยี่ยมครอบครัวพ่อแม่ของฉัน ฉันจะกลับไปเยี่ยมสักหน่อย”
คำพูดนี้ทำให้หานหยู่เยนและน้องสาวหวาดผวายกใหญ่ กอดหลิวเซียงหลันแล้วร้องไห้
“คุณแม่ คุณจะทำอะไร ห้ามหย่ากับคุณพ่อเด็ดขาด ฉันรับรองว่าจะมีความเจริญก้าวหน้าแน่นอน ฉันจะทำให้แม่และพ่อมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย”
หลิวเซียงหลันผลักลูกสาวทั้งสองคนออก แล้วไปจูงมือของหานหยู่ถิงพูดว่า “กลับไปที่เยี่ยมครอบครัวทางฝ่ายของแม่กับแม่กันนะ หยู่เยนยังมีงานค้างอยู่ที่บริษัท ก็คงไม่ต้องกลับไป แต่ฟังคำที่แม่พูดนะ โครงการนั้นเธอจะต้องเป็นผู้ควบคุม หากตระกูลหานไม่สนับสนุนหรือช่วยเหลือ ก็นำโครงการดังกล่าวออกมา ทำไมจะต้องไปรองรับสายตาที่เหยียดหยามจากหล่อนด้วย”
ตุ้บ
เป็นอีกคำพูดที่ทำให้ทุกคนตะลึง
ณ เวลานี้ ไม่มีใครกล้าที่จะมองไปที่หลิวเซียงหลัน ญาติพี่น้องทุกคนต่างก็ยอมศิโรราบต่อความเด็ดเดี่ยวของหลิวเซียงหลันกันหมด
ค่อย ๆ ก้าวเดินออกไป
หลิวเซียงหลันและหานหยู่ถิงออกมาจากบ้านเก่าแก่แล้ว หานหยู่เยนร้องไห้และวิ่งตามออกมา
โล่เฉินเป็นห่วงอย่างมาก จึงตามติดออกมาเช่นกัน
ท้องฟ้าเป็นสีเทาสลัว ย่างเข้าสู่ช่วงหัวค่ำ
ดวงจันทร์ตระหง่านอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีดวงดาวเลยสักดวงเดียว แสงจันทร์สีซีดขาวดูเศร้าวังเวงยิ่งนัก
“ฮือฮือฮือ”
ลมเย็นพัดเข้าใส่อย่างรุนแรง จนทำให้หานเจี้ยนเย่โซซัดโซเซ
“คุณแม่ เซียงหลันแค่ตื่นเต้นไปหน่อย จึงพูดในสิ่งที่ผิด คุณแม่ยกโทษให้อภัยกับเธอได้ไหม? ”
“เธอ……”
หานเจี้ยนเย่กลับตัวอย่างกะทันหัน
ฟู่
จิตใจของคุณย่าสั่นหวั่นไหว เป็นครั้งแรกที่เห็นลูกชายคนเล็กที่ไม่ได้เรื่อง มีแววตาที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้
เมื่อกระพริบตา แล้วมองอีกครั้ง
ไม่หลงเหลือแล้ว
“คุณแม่ คุณคงยกโทษให้อภัยเซียงหลันได้ ใช่ไหม? ”
คุณย่าสูดลมหายใจ พูดด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์: “ยกโทษให้ได้ การที่ขัดขวางไม่ให้หยู่เยนแต่งงานกับคนในตระกูลโล่ คงจะทิ่มแทงจิตใจเซียงหลันพอสมควร ฉันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนที่จิตใจดำคับแคบที่ไหนกัน ไม่ถือสาลืมมันไปเถอะ แต่ครั้งหน้าห้ามเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก! ”
หานเจี้ยนเย่กุมมือคำนับ แล้วรีบวิ่งออกจากบ้านเก่าแก่ไปโดยไม่หันกลับมามอง