จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 56
บทที่ 56 แบบไหนถึงจะนับว่าเป็นผู้ชาย
คุณย่าจ้องมองหานเจี้ยนเย่เดินจากไป จิตใจก็ว้าวุ่นไปหมด เธอพูดขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจว่า: “คุณชายโล่ ขออภัยที่ให้คุณรับทราบเรื่องที่น่าขันเช่นนี้ เรื่องการแต่งงานก็คงขอยุติเท่านี้ สินสอดก็ขอให้คุณชายนำกลับไป หากมีโอกาสฉันจะไปที่บ้านตระกูลโล่เพื่อคารวะแสดงความขอโทษอย่างแน่นอน”
แน่นอนว่าคงเป็นตระกูลเสี้ยงที่เป็นผู้คอยบงการอยู่เบื้องหลัง
โล่เฉิงคาดเดาไว้ประมาณนี้
ในเมื่อตระกูลเสี้ยงเป็นผู้ลงมือ หากจะยื้อดึงดันต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาพูดพร้อมกับใบหน้าเย็นชาว่า: “งั้นก็เป็นไปตามนี้ ก็ตัวลากลับก่อน”
ออกมาจากบ้านเก่าแก่ของตระกูลหาน แล้วเลี้ยวที่หัวมุมเพื่อขึ้นรถ
“พี่เฉิง เป็นอย่างไรบ้าง? ”
คนขับรถคือโจวไท่คุณชายของตระกูลโจว เขาหัวเราะแหะแหะแล้วพูดว่า: “เมื่อครู่เห็นหานหยู่เยนร้องไห้แล้วเดินจากไป คิดว่าคงจะเป็นคุณนายใหญ่หานบีบบังคับให้เธอหย่าแล้วมาแต่งงานกับคุณ ที่น่าเยาะเย้ยที่สุดก็คือ คนของตระกูลหานไม่รู้ว่า คุณแค่ต้องการเล่นยั่วเย้าหานหยู่เยนก็เท่านั้น เมื่อเล่นจนเบื่อแล้วก็ถีบทิ้งไป”
“พูดพอแล้วยัง”
“เอ่อ? ” โจวไท่ตกใจ
โล่เฉิงขมวดคิ้ว บนรถมีคนใช้ผู้หญิงสวยงามคนหนึ่ง เขาจับเธอมากอดในอ้อมอก สองมือลูบคลำอย่างบ้าคลั่ง
“ไม่สำเร็จ คุณนายใหญ่หานเปลี่ยนใจกะทันหัน ปฏิเสธการแต่งงานในครั้งนี้ ไม่ต้องคิด ก็รู้ว่าเป็นฝีมือของตระกูลเสี้ยง”
โจวไท่พูดอย่างเสียใจว่า: “สมควรตาย ตระกูลเสี้ยงตั้งใจที่คิดจะเป็นปรปักษ์กับท่านจริง ๆ ”
โล่เฉิงยิ้มที่มุมปาก แล้วฉีกเสื้อผ้าของสาวคนใช้ออกราวกับว่าข้าง ๆ ไม่มีใคร พูดอย่างเย็นชาว่า: “ก็ไม่ถึงกับว่ามือเปล่ากลับออกมา จากการที่พูดและยั่วยุซ้ำไปมาหลายรอบ ทำให้พ่อแม่ของหานหยู่เยนคิดจะทำการหย่าร้าง และแม้ว่ายังไม่ได้จัดการไอคนที่ไม่ได้เรื่องคนนั้น แต่ได้จัดการสร้างเรื่องให้กับหานหยู่เยนฉันก็ดีใจแล้ว”
“คุณพี่ ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหนกัน? ”
“เมืองเจียงใกล้ที่จะทำการเปิดรับนักธุรกิจและดึงดูดการลงทุน จะมีการจัดสัมมนาทางธุรกิจ และก่อตั้งสหภาพธุรกิจการค้า ฉันจะต้องพยายามช่วงชิงมาให้ได้ เพื่อจัดการวางหมากเมืองเจียง”
โล่เฉิงหยุดชั่วขณะ “ไปพักผ่อนที่บ้านของนายเป็นการชั่วคราวก่อนแล้วกัน”
โจวไท่ดีอกดีใจ
นั่นหมายความว่าโล่เฉิงจะช่วยประคับประคองตระกูลโจว การที่เป็นตระกูลชั้นสองที่ยิ่งใหญ่ในเมืองเจียง ตระกูลโจวต้องการแทรกตัวเข้าสู่ชั้นที่หนึ่ง แต่ก็ไม่สำเร็จเสียที
ตอนนี้ ถือว่าเป็นโอกาสอันดี
“พี่ ฉันจะต้อนรับดูแลคุณเป็นอย่างดี”
โจวไท่ได้กดปุ่มที่แผงควบคุมส่วนกลาง ตอนกลางของรถปรากฏแผ่นกั้นออกมา แยกส่วนหน้าและส่วนหลังของรถออกจากกัน กลายเป็นสองช่วงส่วน
ผ่านไปไม่นาน ช่วงส่วนด้านหลังก็มีเสียงร้องครวญของสาวคนรับใช้
……
หลิวเซียงหลันกลับมาถึงบ้าน ก็ได้จัดเก็บกระเป๋าเดินทางแล้วพาหานหยู่ถิงไปนั่งรถบัสเดินทางออกจากเมืองเจียง ทุกอย่างเหมือนกับเป็นการตัดขาดเยื่อใยไมตรี
หานหยู่ถิงเก็บตัวอยู่ในผ้าห่มและร้องไห้อย่างหนัก
โล่เฉินก็ไม่รู้ว่าจะปลอบใจเช่นไร ทำได้เพียงแค่โอบกอดเบา ๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เสียงร้องไห้ก็ค่อย ๆ หยุดลง
“โล่เฉิน ฉันไม่ต้องการให้พ่อกับแม่ต้องหย่าร้างกัน”
“ฉันเข้าใจ”
โล่เฉินเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของหานหยู่เยน มองไปที่ดวงตาที่บวมแดง เขาปวดใจอย่างมาก
“รถยนต์โรลส์-รอยซ์ได้ขายทิ้งไปแล้ว เงินก็โอนเข้าบัญชีธนาคารเรียบร้อย คุณมีเงินอยู่ในมือประมาณยี่สิบห้าล้านกว่า คุณจะจัดการอย่างไรก็ตามแต่ใจของคุณเลย”
“แต่ถ้าหากฉันให้ทุกคนทราบถึงเงินจำนวนนี้ แล้วจะอธิบายให้พ่อกับแม่ฟังอย่างไรดี หากทุกคนรับรู้จะส่งผลกระทบกับคุณอย่างมากไม่ใช่เหรอ? หานหยู่เยนกังวลใจเป็นอย่างมาก”
โล่เฉินตื่นเต้นดีใจและอบอุ่นใจเป็นอย่างมาก
ในเวลานี้ หานหยู่เยนยังคงที่จะเป็นห่วงเป็นใยเขา
“ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก คุณอยากจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ ฉันจะสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไข สำหรับเรื่องการอธิบาย……ก็บอกไปว่าถูกรางวัลลอตเตอรี่”
“แบบนี้มันดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือนะ? ”
โล่เฉินหัวเราะฮ่า ๆ “อยู่ดี ๆ ก็มีเงินเพิ่มขึ้นยี่สิบห้าล้าน เรื่องนี้คงเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน พ่อกับแม่ก็ไม่ใช่คนโง่สักหน่อย รู้แน่นอนว่าคุณมีความลับปิดบังอยู่ บอกเหตุผลให้กับพวกเขาไป หากฉลาดล่ะก็ พ่อกับแม่ก็คงจะไม่สอบถามอีก”
“ฉันทำตามที่คุณบอกแล้วกัน” หานหยู่เยนถือกระเป๋า พูดอย่างเร่งรีบว่า: “ตอนนี้ไปซื้อลอตเตอรี่กันเถอะ รีบไปกันหน่อย”
“ตอนนี้กี่โมงแล้ว ร้านขายลอตเตอรี่ปิดแล้ว และหากว่าตอนนี้ไปซื้อก็คงไม่สมเหตุสมผล ฉันจะปลอมแปลงใบลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลในช่วงก่อนหน้านี้ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนจัดการให้คุณวางใจเถอะ”
หานหยู่เยนพยักหน้า
ตัวเธอเองก็รู้สึกแปลกเช่นกัน ตอนนี้เธอเชื่อมั่นและไว้วางใจในตัวโล่เฉินอย่างไม่มีเงื่อนไข รู้สึกว่าไม่มีเรื่องอะไรที่โล่เฉินทำไม่ได้
“ถ้างั้นฉันจะไปทำกับข้าว รอคุณกลับมา”
“ตกลงตามนี้คุณภรรยา”
โล่เฉินออกมาจากประตูบ้าน เดินเล่นอยู่ในหมู่บ้าน แล้วก็ได้โทรศัพท์ไปหาฟ่านหงชาง พูดถึงเรื่องดังกล่าว
ปลอมแปลงใบลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัล มันง่ายดายมาก เพียงแค่ไม่ไปตรวจสอบก็พอแล้ว
“โอ้ว? ”
ในสวนดอกไม้ตรงใจกลางของหมู่บ้าน โล่เฉินบังเอิญเห็นพ่อตาของตนเอง
หานเจี้ยนเย่นั่งพิงต้นไม้ใหญ่อยู่ ในมือถือขวดเหล้า บริเวณรอบข้างเต็มไปด้วยก้นบุหรี่ ดวงตาแดงก่ำบ่งบอกได้อย่างชัดเจนถึงอารมณ์ความเสียใจของเขา
โล่เฉินวิ่งเข้าไปหา “คุณพ่อ ท่านมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ฉันประคองท่านกลับบ้าน”
“โล่เฉินอา ฉันไม่นับว่าเป็นผู้ชายจริง ๆ ใช่ไหม”
“คุณพ่อ ท่านไม่ควรที่จะพูดแบบนี้” โล่เฉินทราบดีว่าพ่อตามีสภาพจิตใจที่ทรมาน จึงนั่งลงเพื่อปลอบใจ “ท่านเป็นคนดีมาก เอาใจใส่คนในบ้าน รักภรรยา นิสัยดี เป็นแบบอย่างของผู้ชายที่ดีทั่วไป”
“ผู้ชายที่ดี? ”
หานเจี้ยนเย่หัวเราะเยาะตัวเอง และซดเหล้าขาวต่อ “โล่เฉิน อยู่เป็นเพื่อนคุยกับฉันหน่อยได้ไหม”
“ได้แน่นอน คุณพ่อ ส่งเหล้ามาให้ฉัน หากดื่มจนเมาแล้วจะคุยกันได้อย่างไร ใช่ไหม”
โล่เฉินแย่งขวดเหล้ามาไว้ที่ตนเอง หานเจี้ยนเย่ก็จุดบุหรี่สูบ
แววตาเคว้งคว้าง สีหน้ากำลังระลึกถึงอดีต มีรอยยิ้มอันอ่อนโยนที่บริเวณมุมปาก
“ฉันกับแม่ของหยู่เยนพบกันครั้งแรกที่มหาวิทยาลัย ตอนนั้นอยู่กันในห้องสมุด ฉันยังจดจำได้อย่างแม่นยำว่า เป็นช่วงเช้าหลังคาบเรียนที่สอง เวลาประมาณสิบโมงครึ่ง”
“วันนั้นเธอใส่กระโปรงยาวสีฟ้า มัดผม ดูเรียบง่าย มัธยัสถ์ใจกว้าง เธอสวยงามมาก มหาวิทยาลัยมีการคัดเลือกดาวประจำมหาวิทยาลัยเป็นการภายใน เธอลงสมัครคัดเลือก แม้ว่าสุดท้ายจะไม่ได้รับคัดเลือกให้เป็นดาวมหาวิทยาลัยก็ตาม แต่ภายในใจของฉันนั้นเธอคือดาวมหาวิทยาลัย คือผู้หญิงที่สวยงดงามที่สุด”
“ครั้งแรกที่ได้พูดคุยกัน คือตอนอยู่ในโรงอาหาร เป็นช่วงเวลาหัวค่ำหลังเลิกเรียนจึงมากินข้าว เธอลืมนำตั๋วอาหารติดตัวมา……ในสมัยนั้นยังไม่มีบัตรโรงอาหาร ทุกคนใช้ตั๋วอาหารมาแลกกับข้าว”
หานเจี้ยนเย่หัวเราะ และพูดต่อว่า: “ฉันรวบรวมความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต นำตั๋วอาหารของตัวเองยื่นไปให้เธอ เธอจะจ่ายเงินให้ฉัน ฉันบอกว่าไม่มีเงินทอน จึงเสนอขึ้นว่าแลกวิธีการติดต่อของกันและกันไว้ รอมีโอกาสจึงค่อยนำเงินมาคืน”
“คุณพ่อ ท่านก็ฉลาดมากเหมือนกันนะ” โล่เฉินยิ้มแล้วพูด
“ไม่ถึงขนาดนั้น พอดีในตอนนั้นสมองของฉันหมุนปฏิบัติงานรอบทิศทาง ภายนอกมองดูแล้วสงบสำรวมแต่ในใจตื่นเต้นมาก นายไม่รู้หรอกว่าหลันหลันสวยงดงามมากขนาดไหน เธอคือเทพธิดาในฝันของฉัน ได้พูดคุยกับเธอเพียงคำเดียวฉันก็อิ่มอกอิ่มใจแล้ว” หานเจี้ยนเย่มีท่าทางภาคภูมิใจเล็กน้อย แล้วก็สูบบุหรี่เต็มปอด
สำหรับเรื่องความสวยงามของแม่ยายแล้ว โล่เฉินไม่เคยคลางแคลงใจมาก่อน
สามารถให้กำเนิดผู้หญิงที่สวยงามอย่างหานหยู่เยน อย่างหานหยู่ถิง ผู้เป็นแม่จะไม่สวยงามได้อย่างไรกัน
“อู้อู้”
“ลมพัดมาเป็นระยะ ผสมกับกลิ่นหอมของดอกไม้”
แสงจันทร์จากที่อึมครึมครึมกลายเป็นแสงที่อบอุ่นนุ่มนวล
โล่เฉินรับรู้และสัมผัสได้เป็นอย่างดี จากทุกคำพูดของหานเจี้ยนเย่แสดงออกถึงความรักอันสุดซึ้งที่มีต่อหลิวเซียงหลัน แม้ว่าตอนนี้จะแต่งงานกันมายี่สิบกว่าปีแล้ว เขายังคงที่จะเชิดชูชื่นชมเหมือนเมื่อครั้งวัยรุ่น
“คนที่ตามจีบหลันหลันมีมากมายทีเดียว ขนาดฉันฝันก็ยังไม่กล้าที่จะคิดว่าเธอจะมาตกหลุมรักในตัวฉัน พูดอย่างไม่กลัวคนอื่นจะมองว่าเป็นเรื่องขำขัน ในตอนแรกนั้นฉันคิดว่าหลันหลันเป็นผู้หญิงที่ไม่ดี โลภหวังอยากได้ทรัพย์สินเงินทองของตระกูลหาน”
“อะไรนะ? หากคุณแม่มาได้ยินคำพูดนี้ คงจะทุบตีท่านเป็นแน่”
หานเจี้ยนเย่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “นายห้ามไปบอกเธอเชียวนะ แต่หลังจากนั้นฉันก็มาครุ่นคิด ตระกูลหานของฉันมีอะไรดี ลูกคนรวยตามจีบเธอก็ไม่น้อย คนมีเงินตามจีบเธอก็มากมาย หน้าตาของฉันก็ธรรมดา แน่นอนว่าเธอคงจะชอบในความเป็นตัวตนของฉัน! ”
“แบบนี้สิถึงจะใช่ โชคดีที่ท่านคิดทำความเข้าใจได้แล้ว”
“ที่จริงในช่วงที่คบหาดูใจเป็นแฟนกันนั้นฉันก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง รู้สึกไม่ค่อยจะปลอดภัย มักที่จะกังวลว่าเธอจะจากฉันไป ดังนั้นฉันจึงปฏิบัติเอาใจเชื่อฟังหลันหลันทุกอย่าง ประมาณว่าเธอเป็นเจ้านายใหญ่ ฟังคำสั่งเธอทุกอย่าง”
โล่เฉินลูบคลำที่จมูก พูดอย่างอึดอัดว่า: “คุณพ่อ นับตั้งแต่ตอนนั้นท่านก็ได้ทำมันจนคุ้นเคยติดเป็นนิสัยไปแล้ว”
“ถุย ใครบอกว่าไม่ใช่ล่ะ คิดคิดดูแล้วในตอนนั้นควรที่จะเข้มแข็งสักหน่อย แต่ทำมันไม่ลงอะ”
ดวงตาของหานเจี้ยนเย่ส่องประกาย “โล่เฉิน นายคงไม่เข้าใจหรอก การที่รักใครสักคนมาก นายจะกลัวว่าหากพูดเสียงดังหรือพูดใส่อารมณ์ไปเกรงว่าจะทำให้เธอตกใจ แม้แต่การกอดก็กลัวว่าหากกอดแรงเกินไปก็เกรงว่าเธอจะเจ็บ”
“ฉันเข้าใจ”
“ถุย”
หานเจี้ยนเย่เหลือบตาขาว พูดต่อว่า: “ในวันแต่งงานนั้น ตอนที่เธอเดินออกมาในชุดแต่งงาน ตอนนี้ฉันยังกล้าพูดอย่างไม่ลังเลใจว่า เธอคือผู้หญิงที่สวยงดงามที่สุดในโลกนี้”
“ตอนนี้ไม่สวยแล้วเหรอ? ”
“ไอเด็กคนนี้อย่ามาต่อล้อต่อเถียง” หานเจี้ยนเย่โยนบุหรี่หนึ่งมวนให้โล่เฉิน แล้วตัวเองก็จุดบุหรี่สูบอีกมวน “ตอนที่คลอดหานหยู่เยนนายรู้ไหมว่า ตอนนั้นคุณหมอบอกว่าคลอดยาก ฉันตกใจเกือบตาย”
“จะเก็บผู้ใหญ่หรือจะเก็บเด็กเล็กเอาไว้ พยาบาลได้มีถามไหม? ”
“ถามแล้ว”
“แล้วตอบไปว่าอย่างไร”
หานเจี้ยนเย่ลูบใบหน้าของตน พูดอย่างไม่มั่นใจว่า “โล่เฉิน ห้ามบอกหยู่เยนนะ ตอนนั้นฉันบอกไปว่าให้เก็บผู้ใหญ่เอาไว้ แม้ว่าจะต้องขอโทษกับลูกน้อย แต่ว่า……”
พูดถึงตรงนี้
หานเจี้ยนเย่ร้องไห้หนักทันที “ในชีวิตนี้ พ่อแม่จะต้องตายจากไป เด็ก ๆ จะเติบโตขึ้น แล้วแต่งงานออกไปมีครอบครัว มีเพียงแต่หลันหลัน เธอจะอยู่เป็นเพื่อนกับฉันไปจนแก่เฒ่า จนหมดสิ้นอายุขัย ฉันไม่รู้ ฉันไม่กล้าที่จะคิด หากขาดเธอไปแล้วชีวิตของฉันจะเป็นอย่างไร”
โล่เฉินโอบไปที่ไหล่ของหานเจี้ยนเย่ พูดปลอบใจว่า: “คุณพ่อ ท้ายสุดก็สมหวังยินดีกับทุกเรื่อง ไม่ว่าจะผู้ใหญ่หรือลูกน้อยต่างก็ปลอดภัยและอยู่กันอย่างมีความสุข”
“โล่เฉิน ฉันต้องขอโทษแม่ของนายด้วย เธอเสียสละเพื่อฉันมากมาย ทั้งที่รู้อยู่ว่าการคลอดลูกครั้งแรกนั้นประสบปัญหาการคลอดยาก เกือบจะเสียชีวิต แต่เธอก็ยังที่จะคลอดลูกเพื่อฉัน ต้องการคลอดลูกชายให้ฉัน เพื่อจะทำให้ฉันมีหน้ามีตาขึ้นในตระกูลหาน”
“ฉันไม่ได้ให้เธอมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย แต่กลับให้เธอต้องมาทนทุกข์ไม่ได้รับความเป็นธรรม นายเห็นมือสองข้างของเธอแล้วใช่ไหม จากเดิมที่ขาวนุ่มนวล ตอนนี้นั้น……”
“ฉันมันแย่ไม่ได้เรื่องได้ราวจริง ๆ หลันหลันพูดไว้ไม่มีผิด ฉันเป็นผู้ชายภาษาอะไรกัน! ”
อารมณ์ความรู้สึกที่จริงแท้จริงใจของมนุษย์ โล่เฉินสามารถรับรู้และสัมผัสได้อย่างที่สุด
ห้าพันปีมานี้ เขาประสบพบเจอมานักต่อนัก
แต่อารมณ์ความรู้สึกแบบนี้ทำให้จิตใจของเขาซาบซึ้งในทุกครั้ง เขาไม่เข้าไปปลอบใจแล้ว ปล่อยให้หานเจี้ยนเย่ปลดปล่อยระบายออกมาอย่างเต็มที่ แบบนี้ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“เธอต้องการหย่า ต้องการจะจากฉันไป ฉันไม่รู้ว่าฉันจะอย่างไร”
“ฉันคงจะตายเป็นแน่”
หานเจี้ยนเย่เอามือกุมหน้า ร้องไห้เสียงดัง
ทันใดนั้น โล่เฉินล้วงโทรศัพท์ออกมา แล้วปิดการอัดเสียง ในสมองมีความคิดที่ดีบังเกิดขึ้นแล้ว
“คุณพ่อ ท่านเชื่อในตัวฉันไหม”
“นายพูดอะไร? ”
หานเจี้ยนเย่เงยหน้าขึ้น น้ำมูกและน้ำตาผสมปนเปกัน หัวเราะอย่างขำขัน
โล่เฉินจริงจังเป็นอย่างมาก ดวงตามีแววตาที่ส่องประกาย “คุณพ่อ ฉันสามารถทำให้แม่กลับใจได้ และยังจะทำดีกับท่านมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนด้วย แต่ท่านต้องเชื่อมั่นในตัวฉันก่อน ต้องฟังคำสั่งของฉันทุกอย่าง พวกเราจะจัดฉากแสดงละครร่วมกัน”