จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 79
บทที่ 79 จัดการอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
ป๊าป
ฝ่ามือนี้ไม่ได้ตบโดนหานหยุนเทา ข้อมือของโจวไท่ถูกเขาจับเอาไว้ แล้วสะบัดออกอย่างแรง
โจวไท่ก้าวถอยหลังไปติดๆ จนเกือบล้มลง
“ฉันหวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ครั้งหน้าไม่มีข้อยกเว้นแน่ ถึงตอนนั้น อย่าหาว่าฉันโหดเหี้ยม”
หานหยุนเทาพูดจบก็เดินเข้าไปในอาคารโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
ใบหน้าของโจวไท่เป็นสีเขียวคล้ำ มองดูด้านหลังของหานหยุนเทาเขาก็โกรธจนแทบจะไฟลุก
เขาไม่เข้าใจ
ไอ้หมาเลียแข้งนั่นวันนี้ไปกินยาผิดอะไรมา ถึงได้กล้าพูดจาแบบนี้กับเขา!
……
ตอนเย็น โล่เฉินพาหานหยู่เยนกลับบ้าน
บริษัทของเขาอยู่ไม่ไกลจากบริษัทตระกูลหาน ตอนเลือกสถานที่ เขาคิดถึงตอนไปรับส่งหานหยู่เยนจากที่ทำงานแบบนี้ถึงค่อยสะดวกในการรับและส่ง
“เป็นอะไรไป สีหน้าผิดปกติ?”
หานหยู่เยนเพิ่งขึ้นรถ โล่เฉินก็สังเกตเห็น
“เป็นเพราะฉันอยู่ในรถหรือเปล่า?”
“อ๊า!”
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นจนหานหยู่เยนตกใจขึ้นมา เมื่อหันกลับไปก็เห็นเป็นเซี่ยซือหาน เธอลูบอกและพูด “พี่เซี่ยเป็นคุณนี่เอง คุณจะไปไหนคะ?”
โล่เฉินเอ่ยตอบ “แม่บอกว่าอยากเจอเธอไม่ใช่หรือ ไปวันไหนไม่สู้วันนี้”
“ได้ อีกเดี๋ยวแวะตลาดซื้อกับข้าวเพิ่มสักหน่อย”
เซี่ยซือหานยื่นศีรษะมาข้างหน้าและยิ้มถาม “ได้ยินมาว่าฝีมือของโล่เฉินยอดเยี่ยม จริงหรือเปล่า?”
“เป็นเรื่องจริง ครอบครัวของเราเคยชินกับอาหารที่เขาทำไปแล้ว ขาดเขาไม่ได้เชียว”
“ฉันคาดหวังนะเนี่ย”
โล่เฉินส่งสายตาให้เซี่ยซือหานนั่งลงดีๆ ก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง “พูดมาเถอะ มีเรื่องอะไรกังวลใจ เป็นคุณย่าที่ทำให้คุณลำบากใจหรือ?”
“ไม่ใช่ ฉันเองก็ไม่รู้จะพูดยังไง”
หานหยู่เยนมีท่าทียุ่งเหยิงอยู่ครู่หนึ่ง เธอเอ่ยถอนหายใจ: “เรื่องก็คือ หานหยุนเทาไปพูดคุยกับบริษัทซิงเฉินเกี่ยวกับโครงการใหญ่โครงการหนึ่ง กำไรสุทธิคาดว่ามากกว่า 100 ล้าน ดีกว่าโครงการปินหูอย่างยิ่ง”
“บริษัทซิงเฉิน นั่นไม่ใช่โล่เฉิง … ไม่สิ บริษัทของโล่เฉิงหรือ?”
“ใช่!”
หานหยู่เยนหงุดหงิดใจ “แต่เดินหานหยุนเทาคุยโครงการมา สร้างประโยชน์ให้กับบริษัท นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่เมื่ออีกฝ่ายเป็นบริษัทซิงเฉิน ฉันจึงเอาแต่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ”
โล่เฉินเองก็จมอยู่ในความคิดเช่นกัน
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เรียบเรียงเรื่องราวได้
“สมองของหานหยุนเทาเปลี่ยนเป็นฉลาดขึ้นมาแล้ว รู้จักกดคุณค่าของคุณลง หยู่เยน แต่เดิมโครงการที่อยู่ในมือคุณ เป็นโครงการใหญ่เพียงโครงการเดียว ตอนนี้หานหยุนเทากำโครงการอีกอันไว้ในมือ เกรงว่าคุณย่าจะมีความคิดขึ้นมาแล้ว”
“โล่เฉิน คุณหมายความว่าคุณย่าจะไม่เห็นความสำคัญของฉันแล้วหรือ?”
โล่เฉินส่ายหัว “ไม่เพียงเท่านั้น โครงการปินหูมีกำไรมหาศาล มีกำไรใครจะไม่เอา เพียงแต่ คุณค่าของคุณลดลง ส่วนหานหยุนเทาก็จะได้รับตำแหน่งของเขากลับคืนมา”
“อืม -”
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด อย่างเร็วพรุ่งนี้ คุณย่าจะประกาศการคืนตำแหน่งรองผู้จัดการทั่วไปให้กับหานหยุนเทา”
หานหยู่เยนกำหมัดแน่น ในใจไม่ยินยอม
โล่เฉินผ่านเวลามาหลายพันปี อุบายใดบ้างที่เขาไม่เคยเห็น ความคิดของหานหยุนเทาแค่เขาใช้สมองสักนิดก็มองออกได้แล้ว
“จากนี้ไป หานหยุนเทาน่าจะได้รับโครงการเพิ่มเติมจากโล่ซิงเฉินมากยิ่งขึ้น โครงการของเขายิ่งมากขึ้นเท่าไหร่ คุณค่าของคุณในใจของคุณย่าก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็จะกลับไปเป็นเช่นจุดเริ่มต้น ไม่เอ่ยถึง ไม่มีใครสนใจ”
“นี่คือผลลัพธ์ที่หานหยุนเทาต้องการ”
“อย่าลืมว่า ช่วงเวลาไม่นานมานี้ ครอบครัวของเราทำให้คุณย่าเสียหน้าไปแล้วหลายครั้ง อย่างเช่นเรื่องผู้รับผิดชอบโครงการนั่น คุณย่าถึงกับต้องยอมถอยให้เป็นครั้งแรก ในใจของเธอกำลังมีเมล็ดแห่งความบาดหมางอยู่”
“หรือกล่าวคือ เมื่อคุณสูญเสียคุณค่าไป ทั้งหมดก็จะถูกคิดบัญชีขึ้นมา หาเหตุผล อย่างน้อยๆ ก็ต้องให้คุณต้องถูกขับออกจากตระกูล จากนั้นพวกเราก็จะตกต่ำลง แล้วโล่ซิงเฉินจะออกหน้าขึ้นมา เป้าหมายของเขาตั้งแต่ต้นจนจบก็คือคุณ!”
หานหยู่เยนยิ่งฟังก็ยิ่งแตกตื่น จนสุดท้ายแทบอยากจะร้องไห้
“โล่เฉิน อย่างนั้นฉันจะทำยังไงดี? ฉันสู้หานหยุนเทาไม่ได้ … ไม่ ฉันมั่นใจว่าฉันไม่แพ้เขา แต่ฉันสู้โล่ซิงเฉินไม่ได้ เบื้องหลังเขาคือตระกูลจีนหลิงโล่ ขนโครงการมาสู้แบบนี้ ใครกับจะไปรับไหว”
“ไม่ต้องตกใจ มีผมอยู่”
สีหน้าของโล่เฉินเรียบเฉย แต่ในใจกลับเกิดสัญชาตญาณการต่อสู้ขึ้นมา
เปลือกหน้า
นี่คือการแข่งขันระหว่างหานหยู่เยนและหานหยุนเทา
แต่ความจริงแล้ว
นี่คือการต่อสู้ของเขากับโล่ซิงเฉิน
ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็มาดูกันสักหน่อยว่าใครจะแข็งแกร่งมีฝีไม้ลายมือมากกว่ากัน
“โล่เฉิน คุณใจเย็นขนาดนี้ได้ยังไง พวกเราจะทำอย่างไร?” หานหยู่เยนเป็นกังวลอย่างยิ่ง เธอเพิ่งมีความก้าวหน้าในอาชีพการงาน เพิ่งจะได้แสดงฝีมืออย่างยอดเยี่ยม
เธอไม่อยากเสียโอกาสนี้ไป
“หานหยุนเทาได้โครงการอะไรมา?”
“บริษัทซิงเฉินซื้อที่ดินทางตะวันออกของเมืองมาผืนหนึ่ง ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สัญญาที่หานหยุนเทาเซ็นกับโล่ซิงเฉิน โครงการออกแบบบ้านและการก่อสร้างที่อยู่อาศัย”
โล่เฉินครุ่นคิด เขาเอ่ยปลอบ “ผมรู้แล้ว คุณไม่ต้องกังวลไป คุณจัดการดูแลโครงการของคุณให้ดีก็พอ เรื่องอื่นผมจัดการเอง”
หานหยู่เยนพยักหน้าอย่างว่าง่าย รู้สึกสบายใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อกลับมาบ้าน ก็เกิดเรื่องเอะอะขึ้นอีกครั้ง
หานหยู่ถิงเห็นเซี่ยซือหานเข้ามาก็ไม่ยอมปล่อยให้เธอเข้าประตู สุดท้ายหานหยู่เยนจึงต้องขังเธอไว้ในห้องนอน
บนโต๊ะอาหารค่ำ หลิวเซียงหลันยิ่งมองก็ยิ่งชมชอบเซี่ยซือหานมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ซือหาน โล่เฉินช่วยชีวิตหนูไว้ ในสมัยโบราณ ถึงกับต้องยกชีวิตอุทิศตัวให้อีกฝ่ายเชียวนะ แต่โล่เฉินแต่งงานแล้ว บุญคุณนี้สามารถตอบแทนกลับมาให้ด้วยการทำงานทดแทน ถ้าบริษัทอื่นมาซื้อตัวหนู หนูอย่าไปเชียวนะ แบบนั้นถือว่าเนรคุณ”
หลิวเซียงหลันเอ่ยเปรยๆ และยิ้มกว้าง “ป้าดูแล้วหนูน่ะเป็นเด็กดี ไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้นหรอกเนอะ?”
“คุณป้าไม่ต้องกังวล เว้นแต่ว่าโล่เฉินจะไล่หนูออก หนูจะยังคงอยู่ในบริษัทตลอดไปแน่ค่ะ” เซี่ยซือหานชะงักไปชั่วครู่และกล่าวว่า “อีกทั้งยังมีข่าวดีอีกข่าว ฉันมีแฟน ๆ มาติดตามสองหมื่นคนแล้วบนแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมdouyu”
“จริงหรือ?”
โล่เฉินและหานหยู่เยนประหลาดใจอย่างยิ่ง
เพียงไม่ถึงสองวัน ไม่มีการโปรโมตอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างเติบโตตามธรรมชาติ แต่กลับมีแฟนๆ ติดตามถึงสองหมื่นคนไปแล้ว
ต้องถือว่านี่เป็นยุคที่มองกันตรงหน้าตาเสียจริงๆ
“เมื่อวาน ฉันไลฟ์สตรีมไป 3 ชั่วโมง เงินให้ของขวัญก็มากกว่าสองพันแล้ว นี่ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีอย่างยิ่ง ลองคำนวณดูแล้ว หากแฟน ๆ ของฉันมีถึงสองแสนคน หรือสองล้านคนขึ้นไป เงินของขวัญก็จะเยอะมาก”
“ดีดี”
หลิวเซียงหลันมีความสุขอย่างยิ่ง เธอจับมือของเซี่ยซือหานและพูดว่า “ซือหาน ตอนนี้หนูก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรมากมายให้ทำ เอาเวลาไปไลฟ์สตรีมให้มากขึ้นอีกหน่อยดีไหม สามชั่วโมงน่ะน้อยเกินไป ใช้เวลาตามการทำงานปกติ วันละแปดชั่วโมง เอาไปไลฟ์สตรีมเถอะ”
ปากของโล่เฉินกระตุก แม่ยายของเขาช่างไม่เกรงใจแล้วจริงๆ
หานหยู่เยนทนมองต่อไปไม่ได้ เธอขมวดคิ้วและพูดว่า “แม่ พูดอะไรน่ะ พี่เซี่ยเพิ่งจะเริ่มต้น มีการวางแผนเอาไว้หมดแล้ว แม่ไม่เข้าใจก็อย่าเข้าไปยุ่งมั่วซั่ว”
“ทำไมฉันจะไม่เข้าใจ! ตอนนี้เป็นของยุคอินเทอร์เน็ต สิ่งที่ต้องการก็คืออัตราการเข้าชม เวลาไลฟ์สตรีมเยอะขึ้น อัตราการเข้าชมก็จะยิ่งสูง หากเกิดโชคดีมีคนใหญ่คนโตมาถูกตาต้องใจเข้า แบบนี้ก็ดังขึ้นมาได้ทันที”
เซี่ยซือหานกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “คุณป้าไม่ต้องกังวลนะคะ หนูจะทำงานหนัก”
“รู้จักเรื่องราวจริงๆ มา กินให้เยอะหน่อย หยู่ถิงยัยเด็กนั่นอายุยังน้อยไม่รู้ความ เข้าใจหนูผิด หนูอย่าได้ใส่ใจเลยนะ ถ้าเธอยังมาหาเรื่องหนูอีก หนูมาบอกป้า เดี๋ยวป้าจัดการเธอเอง”
หลิวเซียงหลันทำทุกวิถีทาง เธอปฏิบัติต่อเซี่ยซือหานราวกับเธอเป็นต้นไม้เงินจริงๆ
หลังมื้ออาหาร โล่เฉินก็ใช้ข้ออ้างไปส่งเซี่ยซือหานเพื่อมุ่งไปที่ตึงซิงหยุน
“อาจารย์ คุณมาแล้ว”
“บริษัทซิงเฉินซื้อที่ดินทางตะวันออกของเมืองเอาไว้ผืนหนึ่ง นายมีวิธีเอามันกลับมาไหม?”
ฟ่านหงชางคิดอยู่พักหนึ่งและกล่าวว่า “รัฐบาลขายมันไปแล้ว เอากลับมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อีกทั้งยังมีตระกูลจีนหลินโล่”
เมื่อเห็นโล่เฉินขมวดคิ้ว ฟ่านหงชางก็ครุ่นคิดและเอ่ยขึ้น “อาจารย์ ผมสามารถลองดูได้ เมืองเจียงและเมืองรอบ ๆ ผมมีอิทธิพลอยู่แน่ๆ ตระกูลโล่อยู่ที่จีนหลิง แต่ผมเป็นคนท้องที่ ผมจะลองไปคุยกับผู้นำของหนึ่งเมืองเจียงดู บางทีอาจจะมีวิธี”
“เรียกหงเหลยถิงให้ไปด้วย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า อาจารย์รอบคอบอย่างยิ่ง ตอนนี้หงเหลยถิงเป็นถึงฮ่องเต้เจ้าถิ่น ผู้นำเองก็ยังต้องไว้หน้าเขาถึงสามส่วน พวกเราสองคนไปคุยก็ไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่อะไร”
ฟ่านหงชางพูดจบ ราวกับว่าคิดอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา จากนั้นจึงลุกขึ้นไปหยิบกล่องของขวัญในตู้และส่งให้โล่เฉิน
“นี่คืออะไร? ” โล่เฉินถาม
“เป็นของขวัญจากหลินชิงอี๋ลูกสาวของอัยการสูงสุดหลินหยุนเซียว ผู้หญิงคนนั้นขี้อายน่าดู ไม่กล้าส่งของขวัญให้คุณโดยตรงแต่ให้ผมเอามามอบให้คุณแทน”
โล่เฉินหัวเราะ ไม่ได้สนใจอะไร “ลำบากแล้ว เธอมาด้วยตัวเองหรือ?”
“ใช่ เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วเพิ่งจะไป”
“อาการเป็นยังไง?”
ฟ่านหงชางตอบ “ใบหน้าแดงก่ำขึ้นไม่น้อย จิตใจก็ดูแจ่มใสขึ้น รอให้ครบรอบครึ่งเดือนเมื่อไหร่ อาจารย์ลงมือคลายคาถาก็น่าจะไม่มีปัญหา”
“นายจัดคนไปจับตาดูตระกูลหลินเอาไว้”
“เพื่ออะไรหรือครับ? ”
โล่เฉินเอ่ย “คาถายังไม่ได้รับการแก้ไข ฉันกลัวว่านักพรตนั่นจะมาตามหา เสียรากยู่หลงไป นักพรตนั่นจะต้องโกรธอย่างยิ่งแน่ เผลอๆ อาจจะลงมือกับตระกูลหลินด้วย”
ฟ่านหงชางแล้วรู้สึกมีเหตุผลอย่างมาก เขาพยักหน้าและเอ่ย “อาจารย์วางใจ ผมจะจัดการให้”
“เอาล่ะ นายกับหงเหลยถิงรีบไปคุยกับรัฐบาลเถอะ จัดการโดยเร็วที่สุด”
โล่เฉินออกจากตึงซิงหยุน พร้อมกับกล่องของขวัญในมือ
คาดไม่ถึงว่า เขาจะพบกับคนรู้จักเข้าเสียก่อน
“อาจารย์โล่.”
พวกเธอก็คือเสี้ยงฉ่ายเอ่อและเสี้ยงเหยาเหยาสองพี่น้อง ดูเหมือนว่าจะมาที่ตึกซิงหยุนเพื่อทานอาหาร ทั้งคู่แต่งตัวอย่างสวยงาม ดึงดูดสายตาของผู้ที่สัญจรไปมา”
อัตราการหันกลับมามองสูงลิบลิ่ว
“อืม”
โล่เฉินตอบกลับเรียบๆ สีหน้าไร้การแสดงออก
เรื่องครั้งนั้นในงานเลี้ยงวันเกิดของเสี้ยงหยวน โล่เฉินยังคงอารมณ์เสียไม่วาย ไม่ใช่เพราะเขาตระหนี่ แต่เป็นเพราะสงสารที่เห็นหานหยู่เยนต้องเจ็บปวด
เสี้ยงฉ่ายเอ่อไม่ได้คิดอะไร แต่สีหน้าก็เต็มไปด้วยความรู้สึกละอายใจ
แต่เสี้ยงเหยาเหยาเมื่อเห็นท่าทางตอบกลับอย่างเย็นชาเข้าก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก นิสัยหยิ่งทะนงของตัวเองทำให้อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก
“วางมาดอะไรกัน ก็แค่เป็นศิลปะการป้องกันตัวอยู่หน่อยเท่านั้นเองไม่ใช่หรือไง ไม่ได้เป็นที่หนึ่งในปฐพีสักหน่อย คนที่เก่งกว่านายมีอีกตั้งมากมาย ในจีนหลิง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจังหวัดยังไม่กล้าไม่ไว้หน้าพวกเราตระกูลเสี้ยง เมืองเล็กๆ อย่างเมืองเจียง ขนาดไก่ยังไม่อยากจะออกไข่แบบนี้ แต่ละคนกลับดูอวดเก่งกันนัก”