จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - บทที่ 175 การกลับมา อุบัติเหตุครั้งใหญ่ หายนะของหานหยู่เยน
- Home
- จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี
- บทที่ 175 การกลับมา อุบัติเหตุครั้งใหญ่ หายนะของหานหยู่เยน
ขามาฉู่โจว โล่เฉินขับรถ BMW สีแดงของหานหยู่ถิง แน่นอนว่ารถย่อมทิ้งไว้ให้เธอใช่ ขากลับเขากลับไปพร้อมลู่เฟิง ถือเป็นเรื่องสบายอย่างยิง”
การเดินทางมาฉู่โจวในครั้งนี้ให้ผลลัพธ์ที่ดี
ตระกูลนิ่ง ตระกูลเหยียน ละตระกูลโจ่ เขาได้รู้จักเพื่อนมากมาย
โล่เฉินเองก็พอใจอย่างมาก
เมื่อกลับมาที่เมืองเจียงก็เป็นเวลาใกล้เที่ยง
โล่เฉินไปที่ถนนคนเดินและซื้อของขวัญ เตรียมสร้างความประหลาดใจให้พ่อตา แม่ยาย และหานหยู่เยน
แต่เมื่อกลับถึงบ้าน เขาก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในบ้าน
เขาโทรหาหานหยู่เยน จากนั้นก็ได้ยินเสียงอันอ่อนโยนดังขึ้นตามมาอย่างรวดเร็ว “โล่เฉิน เกิดอะไรขึ้น มีเรื่องอะไรหรือ?”
“หยู่เยนคุณไม่สบายหรือเปล่า?”
โล่เฉินเฉียบไวอย่างยิ่ง เขาได้ยินถึงความผิดปกติบางอย่างจากน้ำเสียงของเธอ
หานหยู่เยนตอบกลับ “ไม่เป็นไรไม่เป็นไร แค่งานยุ่งนิดหน่อย ว่าแต่ คุณไปที่ฉู่โจวสนุกดีไหม คุณจะกลับมาเมื่อไหร่?”
“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”
“อยู่ที่บริษัท”
“ผมกลับมาที่เมืองเจียงแล้ว ตอนนี้อยู่ที่บ้าน ผมจะไปหาคุณที่บริษัทเดี๋ยวนี้” โล่เฉินรีบออกจากประตู
สายยังไม่ได้ตัดการเชื่อมต่อไป
หานหยู่เยนพูดด้วยความประหลาดใจ “คุณกลับมาแล้ว ทำไมไม่บอกล่วงหน้า”
“หยู่เยน คุณไม่ได้อยู่ในบริษัทใช่ไหม สรุปคุณอยู่ที่ไหน โรงพยาบาล?”
“โล่เฉิน ฉัน ฉัน…”
มีเสียงแทรกขึ้นในโทรศัพท์ จากนั้นเสียงของหลิวเซียงหลันก็ดังขึ้น
“โอ้ย เอามาให้ฉัน ฉันพูดเอง… โล่เฉิน ตระกูลหานเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ หยู่เยนป่วย ตอนนี้โรงพยาบาลประชาชน เธอไม่อยากให้นายเป็นกังวล อยากจะให้นายอยู่เที่ยวเล่นที่ฉู่โจวก่อน ก็เลยไม่ได้บอกนาย”
“แม่ ผมจะไปโรงพยาบาลเดี๋ยว รอผม”
โล่เฉินรีบร้อนจนเหงื่อท่วม เขารีบนั่งแท็กซี่ไปโรงพยาบาล
เข้าไปในห้องผู้ป่วย
เขาเห็นใบหน้าเล็กๆ ที่ซีดเซียวไร้สีเลือดของหานหยู่เยน เธอดูอ่อนแออย่างยิ่ง ราวกับว่ากำลังป่วยหนัก
“ที่รัก”
โล่เฉินไม่เคยหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อน เขารีบพุ่งเข้าไปที่เตียงราวกับสายฟ้าแลบ และโอบหานหยู่เยนเข้าไว้ในอ้อมแขนอย่างแนบแน่น
ในเวลาเดียวกัน พลังทิพย์ก็ไหลเวียน เขากำลังตรวจดูเธอ
หานหยู่เยนรู้สึกสับสนเล็กน้อย ไม่คิดว่าโล่เฉินจะมีปฏิกิริยาตอบสนองใหญ่โตขนาดนี้
หานเจี้ยนเย่สองสามีภรรยามีสีหน้าแปลกๆ หลิวเซียงหลันคิดจะแยกโล่เฉินออกมา แต่หานเจี้ยนเย่หยุดเอาไว้
เมื่อคิดว่าตระกูลหานใกล้จะถึงจุดจบแล้ว และทำได้เพียงพึ่งพาบริษัทของโล่เฉิน หลิวเซียงหลันก็ถอนหายใจออกมา ถือว่าเป็นการตอบรับ
“โล่เฉิน คุณ คุณปล่อยก่อน ฉันสบายดี ฉันแค่เหนื่อยและเครียดมากเกินไป ก็เลยเป็นลมไปในบริษัท ร่างกายอ่อนแอ”
“โอ้ ได้ได้”
โล่เฉินยังไม่ได้ตรวจสอบว่าหานหยู่เยนเป็นโรคอะไร หัวใจที่พุ่งขึ้นมาจุกอยู่ที่คอของเขาค่อยๆกลับลงไปอย่างช้าๆ
เขาคลายแขนออกและเอ่ยถามอย่างขอโทษ “เมื่อกี้ผมหุนหันไปหน่อย ทำคุณเจ็บรึเปล่า”
“ไม่เท่าไหร่ ไม่เป็นไร”
ด้วยการหล่อเลี้ยงของพลังทิพย์ สีหน้าของหานหยู่เยนค่อยๆดีขึ้นเล็กน้อย และเริ่มมีสีแดงก่ำ
ความผิดปกตินี้ถูกหานเจี้ยนเย่ค้นพบแล้ว
เขามองไปที่โล่เฉินและถอนหายใจในใจ: หยู่เยนยัยหนูนี่ เห็นทีจะชอบโล่เฉินจริงๆแล้ว ธรรมชาติเปลี่ยนแปลงคนจริงๆ
“คุณบอกว่าจะอยู่เที่ยวเล่นที่ฉู่โจวต่ออีกสักหน่อยไม่ใช่หรือ ทำไมกลับมาเร็วจัง?”
“ผมคิดถึงคุณ”
หานหยู่เยนกลอกตา เธอพูดอย่างอารมณ์ไม่ดี “พ่อแม่ยังอยู่ที่นี่นะ อย่ามาเล่นลิ้นกับฉัน”
โล่เฉินยิ้มแหะๆและพูดว่า “ผมอยู่ที่ฉู่โจวมาห้าวันแล้ว นานมากแล้ว รู้จักเพื่อนมาบางคน ถือว่าเที่ยวเล่นได้สนุกมาก”
“แบบนั้นก็ดีแล้ว”
“อ้อใช่ เมื่อกี้แม่บอกว่าตระกูลหานมีอุบัติเหตุครั้งใหญ่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” โล่เฉินเอ่ยถามและเอ่ยตัดสินไป “หยู่เยน ที่คุณล้มป่วยก็เพราะอุบัติเหตุครั้งใหญ่ของตระกูลหานสินะ”
หานหยู่เยนพยักหน้าและกัดริมฝีปากสีแดงของเธอ
หลิวเซียงหลันถอนหายใจ “ตระกูลหานใกล้จะจบเห่แล้ว ตอนนี้เหล่าญาติๆกำลังโวยวายสร้างปัญหาอยู่ที่บ้านเก่าแก่ของตระกูลหาน บอกว่าต้องการเอาเงินไปสักหน่อยเพื่อหาทางหนีทีไล่ ตระกูลหานวุ่นวายไปหมด บริษัทเองก็ปิดตัวไป ทั้งหมดเจ๊งแล้ว”
“จบเห่แล้ว? นี่เพิ่งไม่กี่วัน ก่อนผมจะไปยังดีๆอยู่เลยไม่ใช่หรือ กำลังเฟื่องฟู”
หานหยู่เยนร้องไห้ออกมา
โล่เฉินรู้สึกปวดใจ เขาเข้าไปปลอบโยนอย่างนุ่มนวล
หานเจี้ยนเย่เช็ดตาของตน ในใจรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เขาอธิบายว่า “โครงการปินหูพังทลายลงแล้ว”
“โครงการปินหู?” เป็นไปไม่ได้ บริษัทเฉิงหยู่ให้ความสำคัญกับหยู่เยนอย่างมาก โครงการนั้นไม่น่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น”
อะไรล้วนพังลงได้ ยกเว้นโครงการปินหู
ฟ่านหมิงเป็นคนของเขาเอง
หลิวเซียงหลันเอ่ย “ไม่ใช่ปัญหาของบริษัทเฉิงหยู่ แต่เป็นปัญหาของตระกูลหานเอง โครงการปินหูนั่น อาคารทั้งหมดพังทลายลง และมีคนงานเกือบร้อยคนถูกฝังไว้”
“อะไรนะ?” โล่เฉินขนพองสยองเกล้าขึ้นมา
หานเจี้ยนเย่ปาดน้ำตาและเอ่ยว่า “เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อน ตอนนี้ทีมค้นหาและกู้ภัยยังคงทำงานอยู่ ปัจจุบันได้รับการยืนยันแล้วว่ามีผู้เสียชีวิต 37 คน 23 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส จำนวนยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะกรณีใด นี่ล้วนถือเป็นหายนะครั้งใหญ่”
“ไม่ต้องพูดถึงผลกระทบอื่นๆ เพียงแค่ค่าชดเชยสำหรับผู้ตายและผู้บาดเจ็บตีเป็นตัวเลขก็มหาศาลนับไม่ถ้วน ตระกูลหานของเราจ่ายไม่ไหวหรอก!”
“หยู่เยนเป็นคนรับผิดชอบโครงการปินหู เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ หยู่เยนไหนเลยจะรับเอาไว้ได้ไหว พวกเรามาดูหยู่เยนสามวันแล้ว กลัวว่ายัยหนูคนนี้จะคิดทำเรื่องโง่ๆ” หลิวเซียงหลันถอนหายใจ
โล่เฉินรู้สึกปวดใจมากขึ้นเรื่อยๆ
เอาโอวหานหยู่เยนและให้เธอพิงเข้าเอาไว้ หานหยู่เยนไม่ได้ปฏิเสธ
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ น่าจะสะเทือนไปทั้งประเทศ ทำไมฉันถึงไม่ได้ยินข่าวอะไรในฉู่โจวเลย?”
หานเจี้ยนเย่ส่ายหัว “ไม่รู้แน่ชัด บางทีอาจเพราะมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากเกินไป รัฐบาลกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่ไม่ดี ก็เลยปิดกั้นข่าวเอาไว้มั้ง อ้อใช่ ผู้อำนวยการอาวุโสของตระกูลหานทั้งหมดถูกจับกุม ยกเว้นท่านย่าและฉัน ตอนนี้ที่อยู่ในบ้านบ้านเก่าแก่ของตระกูลล้วนเป็นหญิงวัยกลางคนทั้งหมด ต้องการแบ่งเงินของตระกูล”
เมื่อก้มหน้าลงมองไปยังท่าทางที่เหี่ยวแห้งของหานหยู่เยน ในใจของโล่เฉินก็ทุกข์ทนแทบตาย
จิตอาฆาตในใจของเขากระเพื่อมขึ้น
เป็นหานหยุนเทาที่เล่นตุกติกงั้นหรือ?
“นอกจากโครงการปินหูแล้ว ทางหานหยุนเทาเองก็เกิดเรื่องขึ้นเช่นกัน”
ประโยคนี้ ขัดจังหวะความคิดของโล่เฉินลง
หานเจี้ยนเย่เอ่ยต่อ “บริษัทซินเฉิงยกเลิกความร่วมมือแล้ว การออกแบบที่ดินทางตะวันออกของเมืองไม่ได้เป็นของตระกูลหาน อีกต่อไป การลงทุนทั้งหมดของบริษัทได้เสียเปล่าและขาดทุนไปไม่น้อยเช่นกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับฝั่งปินหูแล้ว ถือว่าเล็กน้อยอย่างยิ่ง”
หลิวเซียงหลันเอ่ยรับ “ภัยพิบัติที่ใหญ่ที่สุดก็คือหยู่เยนถูกคนด่าว่า และต้องการขับไล่ออกจากตระกูล แต่น่าประหลาดใจคือ คุณย่าหานกลับไม่ได้ทำอย่างนั้น”
“แพะรับบาป”
“อะไรนะ?” หานเจี้ยนเย่สองสามีภรรยา รวมทั้งหานหยู่เยนที่กำลังงีบหลับอยู่ล้วนตกตะลึงไป
ดวงตาของโล่เฉินเย็นชาขึ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “โครงการปินหูเป็นความรับผิดชอบของหยู่เยน ตอนนี้คุณย่าหานต้องการให้หยู่เยนเป็นแพะรับบาปและรับผิดชอบเรื่องทั้งหมด”
ครืน
ฟ้าร้องสนั่นไปทั่ว
หานหยู่เยนตะลึงจนแทบจะเป็นลมไป เธอร้องไห้ออกมาและส่ายหัวอย่างแรง “ไม่มีทาง ไม่มีทาง คุณย่าต้องไม่ทำอย่างนั้น”
“โครงการปินหูไม่ใช่ความผิดของฉันจริงๆ ตึกนั่นไม่สามารถถล่มได้ ต้องมีใครบางคนทำให้เสียหาย มีคนตั้งใจใส่ร้ายฉัน”
“ฮือฮือฮือ ทำยังไง ฉันควรทำยังไงดี?”
หลิวเซียงหลันโอบหานหยู่เยน สองแม่ลูกร้องไห้อย่างขมขื่น
หานเจี้ยนเย่หมุนตัวและแอบเช็ดน้ำตาของตนเงียบๆ
ครอบครัวที่อยู่ดีๆ และกำลังก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ทุกอย่างกลับคืนสู่หายนะเหมือนก่อนหน้า ซ้ำร้ายยังอาจถึงขั้นต้องเข้าคุก
โล่เฉินรู้สึกเศร้าใจมาก เขาลุกขึ้นและเดินออกจากห้องผู้ป่วยอย่างเงียบๆ ก่อนจะโทรหาฟ่านหงชางที่ทางเดิน
ตู๊ดตู๊ดตู๊ด
“ฮัลโหล อาจารย์”
“ทำไมไม่บอกฉัน!”
ที่ปลายสาย ฟ่านหงชางตัวสั่น เขารีบตอบกลับไปว่า “อาจารย์ ผมก็เหมือนกับภรรยาของคุณ ไม่อยากให้คุณกังวล นอกจากนี้อาจารย์ บอกคุณไปก็ไม่มีประโยชน์ ผมตรวจสอบมาสามวันแล้ว แต่ยังไม่พบเบาะแสใดๆเลย”
“ตอนนี้ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนสร้างความเสียหาย”
“อาจารย์ ผมกำลังพยายามอย่างเต็มที่ในการตรวจสอบ และขอให้รัฐบาลเมืองเจียงปิดข่าวอุบัติเหตุนี้ลง และปิดกั้นข่าวสารลงอย่างสมบูรณ์ ไม่เช่นนั้นคนทั้งประเทศจะตกใจ เมืองเจียงจะกลายเป็นจุดสนใจของประเทศ และไม่เอื้ออำนวยต่อคุณ อีกทั้งยังมีโอกาสถูกเปิดเผยได้มาก”
โล่เฉินใจเย็นลง
เขาระงับความโกรธของตนเอาไว้
แน่นอนว่า ความโกรธนี้ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ฟ่านหงชาง แต่เป็นผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังการวางแผนใส่ร้ายหานหยู่เยนและการทำลายล้างของตระกูลหาน
เป็นใครกัน?
“บริษัทซินเฉิง โล่ซิงเฉินมีอะไรผิดปกติหรือไม่?”
“ไม่มีครับ” ฟ่านหงชางตอบกลับอย่างแน่ใจ “เชิงบวกว่า โล่ซิงเฉินยกเลิกความร่วมมือกับหานหยุนเทา เกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากเหตุการณ์ที่ปินหู เขาคิดว่าตระกูลหานถูกทำลายลงแล้ว และความร่วมมือก็ไร้ความหมาย”
ไม่ใช่โล่ซิงเฉิน แล้วเป็นใคร
ฉู่โจวตระกูลซู?
ไม่ถูกต้อง
เมื่อสามวันก่อน โจ่ถิงฟางยังไม่ได้ถอนสินสอด ตระกูลซูไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาทำลายตระกูลหาน