จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - บทที่ 176 ความคิดของแม่ยาย
อุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่จู่ๆก็เกิดขึ้นอยู่เหนือความคาดหมายของโล่เฉิน และกุญแจสำคัญคือเขายังไม่สามารถตรวจสอบหาผู้อยู่เบื้องหลังได้
โล่เฉินร้อนใจและเอ่ยสั่ง “พยายามตรวจสอบอย่างเต็มที่ที่สุด หากมีเบาะแสสักเล็กน้อยให้บอกฉัน ฉันกำลังถึงขั้นคิดว่า อาคารจำนวนมากที่ปินหูสามารถพังทลายลงได้พร้อมกัน แถมยังไม่มีเสียงระเบิด เป็นไปได้ว่าผู้ฝึกฝนจะเป็นคนลงมือทำ”
“อาจารย์ ผมเองก็เดาไว้แบบนี้เหมือนกัน แต่เมื่อพูดถึงผู้ฝึกฝน นี่ก็ยุ่งยากแล้ว การตรวจสอบก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก”
“พยายามให้ที่ดีที่สุดแล้วกัน”
ฟ่านหงชางเอ่ยถาม “อาจารย์ ตระกูลหานจ่ายค่าชดเชยสำหรับการบาดเจ็บล้มตายไม่ไหว ในช่วงสามวันที่ผ่านมาตระกูลหานวุ่นวายอย่างยิ่ง หรือจะให้ผมจ่ายให้ดีไหม?”
“รอก่อน เรื่องนี้ไม่รีบร้อน”
“ได้ครับ”
หลังจากวางสาย โล่เฉินก็จุดบุหรี่
ในใจมีความกังวลอยู่บ้าง
ถ้าหากคนที่ก่อเรื่องเป็นผู้ฝึกฝน แบบนั้นก็อันตรายแล้ว เห็นทีคงถึงเวลาหลอมเครื่องรางช่วยชีวิตบางอย่างแล้ว
การหลอมเครื่องรางไม่ใช่เรื่องง่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องราวที่มีพลังอันแก่กล้า ไม่ว่าจะเป็นทักษะการหลอมหรือว่าวัสดุในการหลอม ล้วนเป็นสิ่งที่หายากและต้องการพลังจิตที่แข็งแกร่ง
แม้แต่โล่เฉินที่มีพลังจิตมากมาย ก็ยังต้องปวดหัวกับการหลอมเครื่องราง
แต่ตอนนี้ เขาจำเป็นต้องทำมัน
หานหยู่เยน พ่อตาแม่ยายเธอล้วนต้องเครื่องรางในการปกป้อง นั่นเพราะโล่เฉินไม่สามารถอยู่กับพวกเขาได้ตลอด 24 ชั่วโมง
“โล่เฉิน”
ขณะเตรียมจะโทรหาฟ่านหงชาง แต่เสียงของหลิวเซียงหลันดังขึ้นมาจากด้านหลังก่อน
โล่เฉินหันกลับมา “แม่”
“นายมากับฉัน ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย” ใบหน้าของหลิวเซียงหลันดูเคร่งขรึม
โล่เฉินมีลางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาเดินตามเธอไปที่มุมห้องแล้วถามว่า “แม่ มีเรื่องอะไรครับ เกี่ยวข้องกับตระกูลหานใช่ไหม?”
“ตระกูลหานมาถึงวาระแล้ว และหยู่เยนอาจจะ…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของหลิวเซียงหลันก็แดงขึ้นอีกครั้ง เธอเอ่ยสะอื้น “อุบัติเหตุครั้งใหญ่ขนาดนี้ หยู่เยนคงหนีไม่พ้น และอาจจะต้องติดคุก”
“แม่คุณวางใจเถอะ หยู่เยนจะไม่เป็นไร ผมรับประกัน”
หลิวเซียงหลันถอนหายใจ คิดว่าคำพูดของโล่เฉินคือการปลอบใจ เธอสูดจมูกและพูดอย่างเคร่งขรึม “ฉันหวังว่านายจะหย่ากับหยู่เยนซะ”
ดึง
หัวใจของโล่เฉินสั่นไหว ไม่สามารถยอมรับได้
“แม่ ทำไมครับ! ผมพยายามอย่างหนักแล้ว คุณเองก็เห็น นอกจากนี้ หยู่เยนตอนนี้ต้องการผม หากหย่าในเวลานี้ ถือเป็นระเบิดครั้งใหญ่สำหรับทั้งผมและหยู่เยน”
“นายอย่าเพิ่งตื่นตกใจ ฟังฉันก่อน”
หลิวเซียงหลันตบไหล่โล่เฉินและพูดอย่างจริงใจว่า “เป็นอย่างนี้จริงๆ นายเปลี่ยนไปมากอย่างยิ่ง ทุกอย่างอยู่ในสายตาของฉัน ฉันไม่อาจพูดได้ว่าชอบนายมากขนาดไหน แต่อย่างน้อยๆก็ไม่รังเกียจเหมือนเมื่อก่อน”
“เมื่อพูดถึงตระกูลหาน อุบัติเหตุครั้งนี้ต้องทำให้ตระกูลหานล้มละลายอย่างแน่นอน แค่ค่าชดเชยสำหรับการบาดเจ็บล้มตายก็มหาศาลแล้ว ถ้านายกับหยู่เยนไม่หย่ากัน บริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ของนายก็ถือเป็นทรัพย์สินส่วนกลางระหว่างสามีภรรยา ถึงตอนนั้นมันก็ถูกยึดโดยรัฐบาลไปด้วย”
“อันที่จริงฉันโทรถามเซี่ยซือหานแล้ว เธอบอกว่าตำรวจไปที่บริษัทเมื่อวานนี้ แต่ว่าเจิ้งข่ายมาได้ทันเวลาและพาตำรวจออกไปได้ทัน ถึงได้ยังไม่เกิดเรื่อง”
“นายหย่ากับหยู่เยน บริษัทก็ถือเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของนาย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหยู่เยน แบบนี้บริษัทจะปลอดภัย”
โล่เฉินยิ้มอย่างขมขื่น “แม่ บริษัทนี้สำคัญกว่าหยู่เยนเหรอ?”
หลิวเซียงหลันอธิบาย “แน่นอนว่าหยู่เยนสำคัญ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่พวกนายต้องหย่า”
“คุณหมายถึงอะไร?”
“ถ้าหยู่เยนไม่ติดคุก จากนี้ไปเธอจะต้องพึ่งพานายในการทำมาหากินในอนาคต ถ้าหยู่เยนติดคุก นายก็ต้องทำงานหนักขึ้นและหาเงินให้ได้มากๆจากสตรีมเมอร์ไม่กี่คนนั้น บนโลกนี้ เงินคือทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ ใช้เงินสร้างเส้นสาย แบบนี้หยู่เยนก็อาจจะออกมาได้เร็ว ๆ ”
ดวงตาของหลิวเซียงหลันลุกเป็นไฟ เธอพูดอย่างเคร่งขรึม “ตอนนี้นายเข้าใจแล้วใช่ไหม ว่าภาระของนายหนักมาก บริษัทของนายจะสูญเสียไปง่ายๆไม่ได้ นั่นคือความหวังของเรา”
โล่เฉินแอบถอนหายใจ แม่ยายของเขาคิดไปไกลแล้ว
แนวทางนี้ เป็นไปได้ในทางทฤษฎี
แต่ในความเป็นจริง รัฐบาลไม่ได้โง่ และต้องถูกสอบสวนต่อแน่
ไม่แน่ว่าตอนนี้หานหยู่เยนอาจเป็นบุคคลที่รัฐบาลจับตามองไปแล้ว หากพวกเขาจะหย่ากันตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็ไม่อนุญาต
“อ้อใช่ ยังมีอีกอย่างหนึ่ง”
“แม่ คุณว่ามาเถอะ”
หลิวเซียงหลันหรี่ตาและจ้องไปที่โล่เฉิน ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “นายชอบหยู่เยน ย่อมสมควรไม่อยากเห็นหยู่เยนอยู่ในคุก ดังนั้นหลังจากการหย่าร้าง ทางที่ดีนายอย่าได้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือทำเป็นไม่รู้จัก หอบเงินหนีไป ดังนั้นเพื่อป้องกันเรื่องพวกนี้ พรุ่งนี้พวกเราจะทำข้อตกลงกัน”
“เอ่อ ข้อตกลง?”
“เนื้อหาของข้อตกลงนั้นง่ายมาก หลังจากการหย่า ถ้าหยู่เยนต้องถูกจำคุก งานแรกของนายคือการรีบหาทางพาหยู่เยนออกไปโดยเร็วที่สุด ผลกำไรของบริษัทห้ามใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตและต้องผ่านการยินยอมจากฉัน ให้ฉันเป็นผู้ดูแลการเงินของบริษัทพวกนาย ”
โล่เฉินหัวเราะเงียบๆ
“หัวเราะอะไร ทางที่ดีนายอย่าได้มีความคิดเจ้าเล่ห์อะไร อย่าลืมล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันให้ทุนเดิมกับนาย นายไหนเลยจะมีเงินทุนไปตั้งบริษัท ตอนนี้ครอบครัวเดือดร้อนลำบาก นายอย่าคิดฝันจะหนีไปเฉยๆ”
“แม่ เรื่องนี้คุณบอกหยู่เยนแล้วยัง?”
หลิวเซียงหลันส่ายหัว “ยัง หยู่เยนไม่ค่อยสบาย ฉันจะคุยกับเธอตอนเย็นๆ”
“ได้ครับ ตอนนี้ผมยังไม่สามารถรับปากคุณได้ ถ้าหากหยู่เยนตกลงที่จะหย่า ผมก็จะรับปาก แต่ถ้าเธอไม่ตกลง ผมก็ทำอะไรไม่ได้”
“ทางด้านหยู่เยนฉันจะจัดการเอง”
หลิวเซียงหลันเร่งเร้า “เอาล่ะ นายควรไปที่บริษัทดูสักหน่อย อย่าได้มีปัญหาอะไรเชียว เมื่อวานเซี่ยซือหานบอกว่าเจิ้งข่ายหาต้องการพบนายแต่นายไม่ได้อยู่ที่นั่น”
“รู้แล้วครับ”
เมื่อย้อนกลับไปในห้องผู้ป่วย โล่เฉินค่อยก็ค่อยๆส่งสัญญาณให้หานหยู่เยนหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอ หลังจากออกจากโรงพยาบาล เขาก็รวบรวมสิ่งที่หลิวเซียงหลันพูดและส่งเป็นข้อความให้เธอ
และบอกเธอว่า อย่าได้ตกลงที่จะหย่า
มีเขาอยู่ ทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี
“โล่เฉิน ฉันเชื่อคุณ”
คำตอบกลับเพียงไม่กี่คำ ทำให้ในใจของโล่เฉินมีความสุข
ความไว้วางใจนี้ ทำให้เขาพอใจอย่างมาก
เมื่อรีบไปที่บริษัท ก็พบว่าตอนนี้ทุกคนกำลังอยู่ว่างๆ
เซี่ยซือหาน ส้งเชี่ยงและคนอื่น ๆ ไม่ได้ไลฟ์สตรีม เมื่อเห็นโล่เฉิน เหล่าหญิงสาวถึงค่อยได้จิตวิญญาณกลับมาในที่สุด
“พี่เฉิน ในที่สุดคุณก็กลับมา”
“มีเรื่องอะไรจะพูด รีบว่ามาเถอะ” โล่เฉินนั่งลง
เซี่ยซือหานเอ่ย “คุณควรทราบเกี่ยวกับอุบัติเหตุของตระกูลหานแล้ว ตอนนี้ตระกูลหานชดใช้ค่าเสียหายจำนวนมหาศาลไม่ไหว ทรัพย์สินของตระกูลถูกยึดไปหมดแล้ว คุณเองก็เป็นคนตระกูลหาน บริษัทนี้ก็ไม่อาจรักษาเอาไว้ได้”
“ตำรวจมาที่นี่แล้วเมื่อวาน แต่ถูกเจิ้งข่ายไล่พวกเขาออกไปก็เลยซื้อเวลาไปได้บ้าง”
“แล้วตอนนี้จะทำยังไงดี?”
พวกผู้หญิงพูดขึ้นมาตามๆกัน สีหน้าดูเป็นกังวล
ทันใดนั้น หมี่หลานก็ลุกขึ้น ยื่นโทรศัพท์มือถือของเธอมาและพูดว่า “คุณชายเจิ้งต้องการคุยกับนาย”
“กดแฮนด์ฟรี”
หมี่หลานขมวดคิ้วและกดแฮนด์ฟรี
“โล่เฉิน แกไปตายที่ไหนมา!”
“คุณชายเจิ้ง มีเรื่องอะไรไหม ตอนนี้ผมกำลังยุ่งมาก ตระกูลหานเกิดเรื่องขึ้นคุณเองก็น่าจะรู้แล้ว”
เจิ้งข่ายพูดอย่างเย็นชาว่า “ภรรยาของแกเป็นผู้รับผิดชอบโครงการปินหู นอกจากจะประสบภัยพิบัติแล้ว บริษัทของนายก็อาจจะถูกปิดเพื่อตรวจสอบไปด้วย เงิน 15 ล้านที่ฉันลงทุนไปอาจสูญหายไปฟรีๆ ฉันจะให้ทางรอดกับนายเส้นหนึ่ง ขายบริษัทให้ฉันพร้อมกับสตรีมเมอร์ แล้วฉันจะให้นายห้าล้าน”
“ห้าล้าน นี่คือเงินช่วยชีวิต”
“หานหยู่เยนมีแนวโน้มที่จะติดคุก ด้วยเงินห้าล้านนี้นายสามารถเอามันไปติดต่อทั้งคนทั้งบนและล่างเอาไว้ได้ ถึงแม้จะหลุดออกมาไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถลดโทษลงได้ อย่างมากอาจติดคุกแค่สองหรือสามปี”
โล่เฉินไม่ตอบ แต่พูดถึงหลักการข้อหนึ่งขึ้นมา
“คุณชายเจิ้ง ความแข็งแกร่งของตระกูลหยางลดลงอย่างมาก ตอนนี้ตระกูลเจิ้งน่าจะเป็นตระกูลที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเมืองเจียง คุณในฐานะคุณชายอันดับที่สอง เรื่องได้ทีขี่แพะไล่แบบนี้คุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเลย คุณช่วยผมหน่อย”
“ช่วยนาย? ต้องการให้ออกเงิน?”
เจิ้งข่ายหัวเราะเยาะ “แน่นอน ค่าชดเชยความเสียหายสำหรับตระกูลเจิ้งของฉันไม่นับเป็นอะไรสักนิด ต่อให้คนงานเหล่านั้นจะตายทั้งหมด ถ้าคิดเป็น 100 คน หนึ่งล้านต่อคนก็เป็นเงินเพียง 100 ล้าน นี่เป็นเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
“ใช่สิครับ คุณชายเจิ้งช่วยผมหน่อยเถอะ”
“บอกเหตุผลฉันมาซิ ว่าทำไมฉันต้องช่วยนาย? เงินร้อยล้านหยวนนี้จะต้องไม่สูญไปเปล่าๆ” เจิ้งข่ายพูดอย่างสนุกสนาน
โล่เฉินเดาะลิ้นของเขาและพูดว่า “ผมเป็นหนี้บุญคุณตระกูลเจิ้งหนึ่งครั้ง วันหน้าหากตระกูลเจิ้งมีปัญหา ผมสามารถยื่นมือเข้าช่วยครั้งหนึ่ง!”
ปลายสายอีกข้างเงียบไปครู่หนึ่ง
จากนั้น
“นี่นายกำลังล้อเล่นกับฉันหรือไง? พอเถอะ ฉันไม่มีเวลามาคุยกับนาย ไปที่สำนักงานบริหารอุตสาหกรรมและการค้าเดี๋ยวนี้ และลงนามในสัญญาโอนบริษัทต่อหน้าผอ. สำนักงานบริหารอุตสาหกรรมและการค้า”
ตู๊ดตู๊ดตู๊ด
สายถูกตัดการเชื่อมต่อไป
หมี่หลานเร่งเร้า “โล่เฉิน ไปกันเถอะ ฉันจะขับรถไปกับนาย”
“พี่เฉิน คุณจะโอนย้ายบริษัทจริงๆ เหรอ?” ส้งเชี่ยงกังวล
ไม่เพียงแต่ส้งเชี่ยง เฉินโก่ ชิวจู๋ เสี่ยวเหมยและคนอื่นๆล้วนเป็นกังวล เพราะพวกเธอรู้ดีว่าคุณชายตระกูลเจิ้งเป็นเพลย์บอย
หากพวกเธอและบริษัทเซ็นสัญญาไป บริษัทถูกโอนย้าย เจิ้งข่ายก็จะกลายเป็นเจ้านายของพวกเธอ นี่เท่ากับการตกไปอยู่ในเงื้อมมือของมารร้าย
สำหรับ เซี่ยซือหาน และ ฮาตา คังมิงปู กลับมีสีหน้าเฉยเมย
พวกเธอทั้งสองไม่มีสัญญา ดังนั้นจึงสามารถออกจากบริษัทได้ตลอดเวลา
“อย่ากังวล ฉันไม่ปล่อยให้พวกเธอตกอยู่ในอันตราย ฉันจะไปที่สำนักงานบริหารอุตสาหกรรมและการค้าคุยกับเจิ้งข่าย พวกเธอรอฟังข่าวจากฉัน”
โล่เฉินขึ้นรถของหมี่หลาน
ไร้คำพูดใดตลอดทาง
เมื่อมาถึงสำนักงานบริหารอุตสาหกรรมและการค้า หมี่หลานก็เอ่ยอย่างเย็นชาขึ้นมาประโยคหนึ่ง “โล่เฉิน นายควรรับปากคุณชายเจิ้งไปซะ หากไม่รับปาก บริษัทก็จะถูกพรากไป ถึงตอนนั้นแล้วนายก็จะไม่มีอะไรเลย”