จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - บทที่ 185 ตกตะลึง! ค่าชดเชย 100 ล้าน
ก่อนที่โล่เฉินจะรักษาสภาพของหญิงชราให้คงที่ เขาใช้วิธีบางอย่างเพื่อผนึกร่างของหญิงชราเอาไว้ ไม่ให้เธอพูดหรือขยับตัวได้
แต่ว่า เธอยังคงได้ยินอยู่
ดังนั้น เมื่อครู่ที่โล่เฉินกล่าวคำ “สุนทรพจน์” ออกไปล้วนเข้าไปหยุดอยู่ในใจของหญิงชราทั้งสิ้น
“คุณย่า ดูคุณพูดเข้าสิ เดี๋ยวก็บอกว่าผมเป็นคนตระกูลหาน เดี๋ยวก็บอกว่าผมเป็นคนนอก ผมโล่เฉินไม่ใช่สินค้า นึกจะเรียกมาก็มาจะไล่ให้ไปก็ไป!”
โล่เฉินลุกขึ้นและเหลือบมอง เขาแอบแสดงพลังอันน่าเฉียบขาดน่าเกรงขาม และพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่งตั้งเจ้าบ้านคนใหม่ จะต้องเป็นหยู่เยนเท่านั้น นอกจากนี้ มีเพียงแค่หยู่เยนเป็นเจ้าบ้านคนใหม่เท่านั้น ตระกูลหานถึงสามารถเอาชนะความยากลำบากในตอนนี้ได้ และอาจล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ ฟื้นฟูรุ่งโรจน์ขึ้นมา!”
“ไร้สาระ ช่างไร้สาระทั้งนั้น!” หญิงชราลุกขึ้นนั่งด้วยความช่วยเหลือของหานเจี้ยนกั๋ว มุมปากยังมีคราบเลือดติดอยู่
เธอตบขอบเตียงและตะโกนอย่างโกรธเคืองว่า “พวกแกมันเด็กอกตัญญู เนรคุณ พวกแกไม่รู้สึกผิดต่อบรรพบุรุษเลยหรือไง ฟังฉันให้ดี จับโล่เฉินเอาไว้ โอนย้ายบริษัทไปให้หานเจี้ยนกั๋ว ฉันสัญญาว่าพวกแกจะได้ทำงานในบริษัท”
บรรดาญาติๆนิ่งเงียบ ไม่มีใครเคลื่อนไหว
หญิงชราหนังตากระตุก เธอตะโกน “ไอ้พวกสารเลว ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง ใครให้ความกล้ากับพวกแก ถึงได้กล้าไม่ฟังคำสั่งของฉัน”
“แม่ เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว คุณสูญเสียการสนับสนุนไปแล้ว อายุของคุณก็มากแล้ว สุขภาพร่างกายไม่ดี ถึงเวลาต้องถอยออกมาแล้ว ความสามารถของหยู่เยนนั้นชัดเจนสำหรับทุกคน เธอเป็นที่หนึ่งในตระกูลหาน ให้เธอเข้ามาแทนที่คุณและเป็นเจ้าบ้านคนใหม่ของตระกูลหานเถอะ”
หานเจี้ยนเย่ก้าวไปข้างหน้าและพูดอย่างใจเย็นอย่างยิ่ง
“ไอ้ลูกเลว!”
หญิงชราโกรธมากจนแทบจะอาเจียนเป็นเลือดอีกครั้ง เธอคว้าหมอนและทุบมันลงไป จากนั้นก็กรีดร้องว่า “ฉันอยู่หนึ่งวัน เจ้าบ้านตระกูลหานก็คือฉัน ต่อให้ฉันตายไป หยุนเทาก็จะสืบทอดมัน!”
หานหยู่เยนก้มหน้าลงต่ำ นิ่งเงียบไม่พูดจา ปวดร้าวในใจ
โล่เฉินอารมณ์เสียอย่างมาก เขาพูดอย่างเย็นชา “คุณต้องการให้ตระกูลหานพังพินาศหรือไง? หยู่เยนเป็นเจ้าบ้านคนใหม่ ตระกูลหานก็จะสามารถรอดจากหายนะได้”
“ผายลม!”
“คุณไม่เชื่องั้นหรือ? ก็ดี”
โล่เฉินส่งข้อความและในไม่ช้าก็ได้รับการตอบกลับ: อยู่บนถนน สิบนาทีถึง
“รอสิบนาที!”
“รออะไร ไอ้ขยะอย่างแกมีคุณสมบัติอะไรที่จะพูดไร้สาระที่นี่ มาเป็นตัวตลกโลดเต้นอะไรอยู่ได้ หยู่เยน เป็นเธอยุยงมันหรือไง เธอทำแบบนี้คู่ควรเป็นทายาทของตระกูลหานงั้นหรือ!” หญิงชราจับจุดอ่อนของหานหยู่เยนอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ โล่เฉินไม่ปล่อยให้เธอสมหวัง
“หยู่เยน แข็งใจขึ้นสักหน่อย ถ้าหากคุณยอมโอนอ่อน ตระกูลหานก็จะต้องล่มสลายจิงๆแล้ว อย่าลืมคำพูดที่คุณท่านหานพูดกับคุณ คุณคือผู้นำการฟื้นฟูความรุ่งโรจน์กลับสู่ตระกูลหาน!”
บูม
ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไป
หญิงชราถามย่างเสียงแหบแห้ง “หมายความว่ายังไง?”
“คุณย่า หนึ่งวันก่อนที่คุณปู่จะจากไปท่านได้อยู่กับฉันตามลำพังไม่ใช่หรอกหรือ เรื่องนี้คุณเองก็รู้ คุณปู่ขอให้ฉันเป็นผู้นำพาตระกูลหานให้ยืนหยัดขึ้นมา และมีเพียงฉันเท่านั้นที่ทำได้!”
เหล่าญาติๆกระซิบกระซาบกันไปมา
หานเจี้ยนกั๋วกัดฟันของตน เขาตระหนักได้ว่าวันนี้ทุกอย่างอาจคว้าน้ำเหลว และไม่เพียงแค่นั้น หานหยู่เยนอาจได้ขึ้นตำแหน่งจริงๆอีกด้วย
สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ออกก็คือ โล่เฉินเอาความมั่นใจมาจากไหน ว่าตระกูลหานจะรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ได้
เกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่!
“เป็นไปไม่ได้!”
หญิงชราตะคอก “พูดจาไร้สาระ หยู่เยน แต่เดิมฉันคิดว่าเธอเป็นเด็กดี ไม่คิดเลยว่าเธอจะทะเยอทะยานขนาดนี้”
“ยังมีแก โล่เฉิน”
“หยุนเทาบอกกับฉันไว้ตั้งนานแล้ว ว่าที่แกทนรับกับความอัปยศอดสูมานานสามปีบางทีก็อาจเป็นเพราะเพื่อที่จะเอาชนะตระกูลหาน แต่ฉันไม่สนใจ มาคิดดูในตอนนี้ ฉันควรจะฆ่าแกไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้ซะ”
หญิงชราเต็มไปด้วยสีหน้าเจ็บใจ เธอตะโกนขึ้นราวกับคนบ้า
ธรรมดาญาติๆ ที่ต่างใจร้อนก็ตื่นตระหนกขึ้นกันอีกครั้ง
“คุณลุงคุณป้า เชื่อผมเถอะ รออีกไม่กี่นาที พวกคุณก็จะเห็นความหวัง ตระกูลหานก็จะมีอนาคตที่สดใสเช่นกัน ทุกคนจะอยู่ได้อย่างสงบสุข”
โล่เฉินตะโกนขึ้น
ทันใดนั้น หานหยุนเทาก็คิดอะไรบางอย่างได้ เขาพูดด้วยความตกใจว่า “โล่เฉิน แกคงไม่ได้โทรหาตำรวจหรอกนะ ให้ตำรวจมาจับคน!”
“อะไรนะ!”
ก้อนหินหนึ่งก้อนก่อเกิดคลื่นนับพัน
จู่ๆ ทั้งหมดก็สูญเสียความควบคุมไป
“เวรเอ๊ย นี่แกกล้าแจ้งตำรวจ”
“ฉันรู้สึกเอะใจมาตั้งนานแล้ว ตระกูลหานมาถึงทางตัน ไหนเลยจะไปมีอนาคตที่สดใสขึ้นมาได้!”
“สมควรตาย ทุกคนรีบหนี!”
“ห้ามปล่อยโล่เฉินไป”
กลุ่มคนตะโกนอย่างเร่งรีบ หลิวเซียงหลันและหานหยู่เยนตื่นตระหนก โล่เฉินและหานเจี้ยนเย่ยืนอยู่ข้างหน้า พยายามอย่างเต็มที่เพื่อปลอบพวกเขา
หญิงชราแสยะยิ้มออกมา เธอตะโกน “ใช่ใช่ใช่ รีบจับตัวโล่เฉิน ห้ามปล่อยไอ้ขยะหนีไป ทางที่ดีหักขาของมันไปซะ!”
ในอีกด้านหนึ่ง หานหยุนเทาและหานหยาง มองหน้ากันและเห็นกรรไกรในห้อง พวกเขาไม่ได้เข้าไปในฝูงชนที่วุ่นวาย แต่ค่อยๆเคลื่อนตัวไปทางโล่เฉิน
ทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของหานหยุนซี เธอค่อยๆเก็บโทรศัพท์มือถืออย่างเงียบ ๆ
เมื่อครู่นี้ตอนที่หานหยุนเทาและหานหยางปะปนเข้าไปกับฝูงชนพร้อมกรรไกร ถูกเธอถ่ายวิดีโอเอาไว้อย่างเงียบๆ
ทุกคน ล้วนมีความความคิดของตัวเอง
“ทุกคนใจเย็นลงก่อน”
“เชื่อผมเถอะ ผมไม่ได้โกหก และไม่ได้โทรแจ้งตำรวจ”
โล่เฉินและหานเจี้ยนเย่ตะโกน แต่ว่าทั้งชายและหญิงที่เสียสติไปแล้วไหนเลยจะฟังได้ยิน และบีบบังคับให้ครอบครัวของพวกเขาเข้าไปที่มุมหนึ่ง
ทันใดนั้น หานเจี้ยนเย่ก็อุทาน “โล่เฉินระวัง”
“หึ”
โล่เฉินสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม เขาเห็นมันอย่างชัดเจนมาตั้งนานแล้ว โล่เฉินเตะและสะบัดมือออกไปจนหานหยุนเทาและ หานหยางล้มลงไปกับพื้นและร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เนื่องจากคนมีจำนวนมากเกินไป ดังนั้นทั้งสองจึงถูกเหยียบซ้ำเข้าทันที
“อ๊าก!”
“จะตายแล้ว – จะตายแล้ว”
“ไสหัวออกไป”
ฉากที่วุ่นวายสงบลงเล็กน้อยในชั่วขณะ หานหยุนเทาและหานหยางตอนนี้สีหน้าฟกช้ำบวมเป่ง น่าสมเพชอย่างยิ่ง
หญิงชราตะโกนขู่ “อย่ามัวแต่อึ้งกันอยู่ รีบหักขาไอ้ขยะซะ จัดการมัน แบบนี้พวกแกถึงจะได้เงินมา ฆ่ามันซะ!”
ดวงตาของโล่เฉินเป็นประกายหนาวเหน็บ
แต่ไหนแต่ไรมา เขารังเกียจหญิงชราอย่างยิ่ง แต่เนื่องจากมีหานหยู่เยน เขาจึงไม่เคยแสดงออกอะไร อีกทั้งยังเรียกเธอว่า “คุณย่า” ไปด้วย
แต่ตอนนี้ยายแก่คนนี้กลับต้องการฆ่าเขา ใจดำอำมหิตเสียยิ่งกว่าอะไร
“มีคนกำลังมา!”
ไม่รู้ว่าใครตะโกนร้องขึ้นมา ญาติๆที่ปิดล้อมโล่เฉินตกใจ ความตื่นตระหนกแพร่กระจายออกไป
“ตำรวจมาแล้ว!”
“จบแล้ว ทุกอย่างมันจบแล้ว”
“ทั้งหมดนี้เกิดจากไอ้โล่เฉิน หักขาของมันซะ”
ในเวลานี้เอง ด้านนอกสวนก็มีเสียงหัวเราะแปลก ๆ ดังขึ้นมา “ไอ้หย่า โล่เฉิน นายนี่ช่างน่าสังเวชจริงๆ จะถูกหักขาแล้วหรือไง”
บอดี้การ์ดที่แข็งแกร่งสองคนเปิดประตู เจิ้งข่ายสองมือไพล่หลังเดินก้าวเข้ามา
“คุณชายเจิ้ง!”
ผู้คนต่างตกใจ ไม่มีใครกล้าอวดดี
เจิ้งข่ายกวาดไปรอบๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก “ตระกูลชั้นสามก็คือตระกูลชั้นสาม ล้วนเป็นพวกคนหยาบคาย ถ้าไม่ใช่เพราะหานหยู่เยน ฉันคงไม่มาเหยียบที่ผุพังแบบนี้”
เพราะหานหยู่เยน?
ทุกคนประหลาดใจอีกครั้ง
หานเจี้ยนกั๋วคิดอะไรบางอย่างได้ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก หญิงชราเองก็กระวนกระวายไม่แพ้กัน เธอกัดริมฝีปากของตนแน่น
โล่เฉินตะโกนขึ้น “ผมจะถามทุกคนอีกครั้ง ถ้าตระกูลหานสามารถรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ไปได้ พวกคุณยังยินดีจะอยู่ในตระกูลหานหรือไม่?”
เสียงเงียบไปไม่กี่วินาที
“ยินดี”
ชายร่างใหญ่เป็นคนแรกที่พูดขึ้น ชื่อของเขาคือหานตงเล่ เป็นพวกชอบตีเนียน ขี้เกียจตัวเป็นขน
หากไม่มีตระกูลหาน เขาก็อาจจะต้องไปเก็บขยะ
หานตงเล่เริ่มขึ้น จากนั้นเสียงก็ดังวุ่นวายขึ้น
“ยินยอม!”
“แน่นอนว่าต้องยินยอม!”
“พวกเราเป็นทายาทของตระกูลหาน จะทนเห็นตระกูลหานล่มสลายได้อย่างไร”
……
โล่เฉินพอใจมาก เขาเอ่ยถามอีก “แล้วอย่างนั้น เจ้าบ้านคนใหม่ในใจของพวกคุณคือใคร?”
ยังต้องพูดอีกหรือไง!
เมื่อครู่นี้เจิ้งข่ายไม่ได้เพิ่งชี้ชัดไปแล้วหรือไงกัน
หานตงเล่เป็นคนแรกที่พูดขึ้นอีกครั้ง เขาตะโกน “แน่นอนว่าเป็นหยู่เยน นอกจากเธอแล้วใครจะมีคุณสมบัติเป็นเจ้าบ้านคนใหม่ของตระกูลหานได้อีก หานหยุนเทาไอ้ขยะนั่น วันๆเอาแต่กินดื่มเที่ยวเล่น ไม่มีความสามารถอะไรสักนิด”
“ไม่ผิด หยู่เยนเป็นเจ้าบ้านคนใหม่!”
“พวกเราทุกคนสนับสนุนหยู่เยน”
โล่เฉินพยักหน้า เขาจูงมือหยู่เยนไปที่เตียงและมองลงไปที่หญิงชรา
ในเวลานี้ ใบหน้าของหญิงชรากลายเป็นสีเทา
หานเจี้ยนกั๋วสองพ่อลูกตอนนี้ก็โกรธจนแทบตาถลน
“พวกคุณไม่เชื่อหรือไง? อย่างนั้นตอนนี้ก็ฟังให้ดีๆ” โล่เฉินมองไปที่เจิ้งข่าย
เจิ้งข่ายอารมณ์เสียเล็กน้อย
แต่ก็ไร้ทางเลือก
หลังจากคุณท่านป๋อกลับมาที่บ้านตระกูลเจิ้ง เขาก็ชื่นชมโล่เฉินยกใหญ่ อีกทั้งยังบอกว่าตนเป็นเพื่อนเก่าแก่กับโล่เฉินไปแล้ว
สิ่งนี้อาจทำให้หนังศีรษะของตระกูลเจิ้งถึงกับชาขึ้นมา
พ่อเจิ้งหลังจากรู้เรื่องการพนันระหว่างเจิ้งข่ายกับโล่เฉินเข้าก็กลับไม่ได้ตำหนิเจิ้งข่ายแต่อย่างใด อีกทั้งยังต้องการใช้โอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับโล่เฉินเอาไว้
ดังนั้น เจิ้งข่ายก็เลยมาที่นี่
ไม่เพียงแค่นั้น พ่อเจิ้งยังต้องหารให้เจิ้งข่ายเพิ่มการลงทุนในบริษัทโล่เฉิน อีกไม่กี่วันพวกเขาเตรียมจะลงเงินถึงสี่ห้าสิบล้าน
ความพินาศ กลายเป็นเป้าหมายในการประจบประแจงอีกฝ่าย
เป็นเรื่องปกติที่เจิ้งข่ายจะมีความแค้นอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ คนที่สามารถทำให้คุณท่านป๋อยกย่องชื่นชมได้ โล่เฉินถือว่ามีความสามารถจริงๆ
“บางที ทั่วทั้งเมืองเจียงอาจถูกโล่เฉินหลอกไปหมดแล้ว ผู้ชายคนนี้มีดีจริงๆไม่ใช่เรื่องโกหก คุณท่านป๋อยังบอกอีกว่าต้องเก็บเรื่องของโล่เฉินเป็นความลับ…..ในนั้นมีอะไรที่เปิดเผยไม่ได้กันแน่?”
เจิ้งข่ายคิดในใจ
โล่เฉินดีดนิ้วแล้วตะโกนอีกครั้ง “คุณชายเจิ้ง กำลังคิดอะไรอยู่?”
“อ้อ”
เจิ้งข่ายได้สติกลับมา เขาเอ่ยปาก “ฉันชื่นชมในความสามารถของหานหยู่เยนมาก บวกกับที่ฉันได้ลงทุนในบริษัทของโล่เฉินไป เอาเป็นว่านี่ถือว่ามีโชคชะตาต่อกันอยู่บ้าง”
“ดังนั้น ฉันจึงตัดสินใจ”
“ฉันจะแบกรับค่าชดเชยการบาดเจ็บล้มตายทั้งหมดของตระกูลหาน ตอนนี้ฉันได้ให้คนไปจัดการแล้ว และเริ่มต้นเจรจากับครอบครัวของผู้ตาย คาดว่ามีค่าชดเชยราว 100 ล้าน หากไม่เพียงพอพวกคุณก็ไม่จำเป็นต้องกังวล ตระกูลเจิ้งของฉันจะยังคงออกให้”
เงียบสนิท
ทุกคนกำลังอ้าปากค้างกว้าง
หานตงเล่และคนอื่นๆ กำลังคาดเดาว่า เจิ้งข่ายจะก่อตั้งบริษัทและปล่อยให้หานหยู่เยนไปจัดการ พวกเขาคนตระกูลหานเองก็สามารถเข้าไปอยู่ในบริษัทได้
แต่ตอนนี้
พวกเขาได้ยินอะไรกัน
เจิ้งข่ายนำเงินออกมาโดยตรง และแก้ไขปัญหาค่าชดเชยแก่ผู้บาดเจ็บล้มตาย
นี่…
ตระกูลเจิ้งบ้าไปแล้วใช่ไหม!