จักรพรรดิมังกร - บทที่ 810 อวดเก่งใครทำไม่เป็นบ้าง
“นายน้อยของนายเป็นใครกัน” หลี่โม่พูดนิ่งๆ
ชายวัยกลางคนที่เหมือนกับพ่อบ้านคนนั้นทำเป็นกระแอมทีหนึ่ง “นายน้อยไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ถ้าหากว่าพูดออกมา รับประกันว่านายตกใจแน่นอน”
หลี่โม่ไม่หวาดกลัว เพียงแค่มองดูอีกฝ่ายขี้โม้เงียบๆ
ชายที่เหมือนกับพ่อบ้านคนนั้นจึงได้เริ่มแนะนำ “นายน้อยของบ้านเราเป็นถึงหนึ่งในชายหนุ่มที่เก่งที่สุดของเมืองฮ่าน โจงจุ้นหย่วน ความสามารถเพียบพร้อม”
หลี่โม่ทำท่าดูถูกกับสิ่งนี้ หนึ่งในชายหนุ่มที่เก่งที่สุดของเมืองฮ่าน คาดว่าแค่เป็นคนก็สามารถถูกเลือกแล้ว แล้วอีกอย่างคนที่ถูกเลือกส่วนมากก็เป็นลูกคนรวยทั้งนั้น
พูดออกมาแล้วก็น่าขำ ชายหนุ่มฐานะธรรมดาคนอื่นเก่งขนาดนั้นยังไม่ถูกเลือก แต่ลูกคนรวยกลับถูกเลือก เป็นการเสียดสีที่ยิ่งใหญ่จริงๆ
ชายหนุ่มกระแอมทีหนึ่ง “พ่อบ้านจาง คุณไม่รู้หรอว่าผมเป็นใคร? ผมต้องถ่อมตนหน่อย”
พ่อบ้านจางยิ้ม เขารู้ว่านายน้อยพอใจ สองคนนี้คนหนึ่งพูด คนหนึ่งรับ เกือบจะเป็นสองกกอยู่ที่ตรงนี้แล้ว
ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มกับหลี่โม่ว่า “เพื่อนรักท่านนี้ เช็คเงินสดหนึ่งล้านอยู่นี่แล้ว ถ้ารู้จักคิดสักหน่อย ก็รีบเอาเงินแล้วไปซะ”
“ใช่แล้ว ยังไม่รีบเอาเงินแล้วไปให้พ้นอีก” พ่อบ้านจางเองก็พูดย้ำ
เมื่อหลี่โม่ได้ยินอย่างนั้นแล้ว รับเช็คหนึ่งล้านมา โจงจุ้นหย่วนเป็นแบบนี้แล้ว ก็ดีใจทันที เขามั่นใจว่าหลี่โม่จะรับเงินแล้วจากไป เมื่อนึกถึงนี่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะดีใจขึ้นมา
แม้แต่กู้หยุนหลันเองก็อึ้งไป เขามองหลี่โม่อย่างแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าหลี่โม่ทำอะไรกันแน่ หรือว่าอีกฝ่ายจะรับเงินแล้วจากไปจริงๆ?
แต่ว่าความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นมาในสมองของเธอแค่วินาทีเดียวก็หายไปแล้ว ถ้าหากว่าหลี่โม่เอาเงินแล้วจากไปตอนนี้ละก็ นั่นก็คงไม่ใช่หลี่โม่ที่เธอรู้จักแล้ว
พ่อบ้านจางยิ้มอย่างล้อเลียน “รับเงินแล้วจากไป นี่ถึงจะเป็นคนที่รู้จักคิดสิ”
ในเวลานี้เอง หลี่โม่ออกแรง เช็คเงินสดหนึ่งล้านนั่นก็กลายเป็นเศษกระดาษ จากนั้นหลี่โม่สะบัดมือ เศษกระดาษก็ร่วงหล่นลงพื้น
มีคนไม่น้อยแอบเห็นภาพนี้ ในใจต่างก็กำลังเลือดซิบ นี่มันเช็คหนึ่งล้านเชียวนะ อีกฝ่ายทำแบบนี้ ก็เหมือนกับว่าฉีกเงินหนึ่งล้านทิ้ง พวกเขาต่างก็คิดไม่ถึงว่าหลี่โม่จะใจกล้าขนาดนี้ ถึงได้ฉีกเช็คทิ้ง
โจงจุ้นหย่วนโมโหขึ้นมาในทันที ฉีกเช็คของเขาทิ้งต่อหน้า นี่มันเป็นการแหกหน้าเขาชัดๆ
พ่อบ้านจางสีหน้าขรึม ท่าทางเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาในทันที “ให้หน้าไม่เอา ทำให้คุณชายโจง นายตายแน่”
หลี่โม่ยิ้มแต่ไม่พูดอะไร ประโยคนี้เขาได้ยินมาหลายครั้งแล้ว แต่กลับเป็นว่าคนที่พูดแบบนี้กับเขา ไม่ก็พูดไม่ได้แล้ว ไม่ก็กลายเป็นคนต่ำต้อยไป
โจงจุ้นหย่วนเก็บกดความโมโหไว้ แล้วจู่ๆมุมปากก็ยกยิ้ม พูดว่า “ดีมาก นายกล้ามาก กล้าฉีกเช็คของฉันทิ้ง แต่ว่านายต้องรู้ว่าผลลัพธ์เป็นยังไงรู้มั้ย?”
“ผลลัพธ์ก็คือชดใช้ให้คุณชายโจงหนึ่งล้าน” พ่อบ้านจางอยู่กับโจงจุ้นหย่วนมานานแล้ว เขาเดาความคิดของคุณชายโจงได้ในทันที จึงพูดต่อ
กู้หยุนหลันขมวดคิ้ว แม้ว่าหนึ่งล้านจะเป็นจำนวนเล็กน้อย แต่ว่าโครงการของเธอยังไม่คืนทุน ถ้าหากว่าต้องหาเงินหนึ่งล้าน คาดว่าน่าจะลำบากมาก
เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว หลี่โม่ก็ใจร้อนไปแล้ว ถ้าหากว่าใจเย็นหน่อย ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
เมื่อทุกคนได้ยินว่าหลี่โม่ต้องชดใช้เงินหนึ่งล้าน พวกเขาต่างก็ส่งสายตาสงสารมาให้ พูดได้เพียงว่าอีกฝ่ายอวดเก่งเกินไป นี่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ
พวกเขาต่างก็ไม่เข้าใจว่าหลี่โม่เอาความใจกล้ามาจากไหน ถึงได้กล้าฉีกเช็คเงินหนึ่งล้านทิ้ง หนึ่งล้าน นี่เทียบเท่ากับเงินเดือนครึ่งชีวิตของคนคนหนึ่งเลยนะ
โจงจุ้นหย่วนไม่กลัวว่ากู้หยุนหลันจะช่วยอีกฝ่ายจ่ายเงิน ถ้าหากว่ากู้หยุนหลันเป็นคนจ่าย เขาก็สามารถใช้โอกาสนี้มาดูถูกหลี่โม่ว่าเป็นแมงดา ถึงตอนนั้นชื่อเสียงของหลี่โม่ก็ยิ่งแย่มากขึ้นอีก
“ถ้าวันนี้นายไม่ให้ฉันหนึ่งล้าน นายก็อย่าคิดจะไปเลย” โจงจุ้นหย่วนพูดยิ้มเยาะ
หลี่โม่ยิ้ม “หนึ่งล้าน อยู่ในบัตรใบนี้ ฉันจะโอนให้นายเดี๋ยวนี้แหละ”
“นายมีเงินนั้นหรอ?” เมื่อโจงจุ้นหย่วนได้ยินอย่างนี้แล้ว เหมือนกับว่าเขาได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลก เขาไม่คิดว่าเวลานี้แล้วหลี่โม่จะยังล้อเล่นอีก
เขาดูจากการแต่งตัวทั้งตัวที่ไม่ถึงหนึ่งพันของหลี่โม่แล้ว เขาตัดสินว่าอีกฝ่ายเป็นแค่คนจนคนหนึ่ง ถ้าหากว่ามีหนึ่งล้านจริงๆ เสื้อผ้านี้ก็คงจะแพงมากขึ้นแล้ว
หลี่โม่โอนเงินในทันที เมื่อโจงจุ้นหย่วนได้รับข้อความเงินเข้า เขาก็ชะงักไป เขาไม่คิดว่าหลี่โม่จะโอนเงินให้เขาจริงๆ ผลลัพธ์นี้ทำเอาเขาตะลึงไปเล็กน้อย
เขาขยี้ตา เขาสงสัยว่าตัวเองตาลายไปหรือเปล่า หนึ่งล้านจริงๆด้วย หรือว่าหลี่โม่มีเงินหนึ่งล้านจริงๆงั้นหรอ
โจงจุ้นหย่วนยิ้มเยาะ “เงินนี้คงจะเมียนายเป็นคนให้ละสิ”
เมื่อกี้ทุกคนเองก็คิดว่าหลี่โม่มีเงินโอนไปจริงๆ แล้วพวกเขาก็เชื่อมโยงว่าหลี่โม่เป็นสามีของกู้หยุนหลัน และคิดว่าหลี่โม่คงได้หลายอย่างมาไม่น้อย
หลี่โม่รู้ดีว่าไม่ว่าจะพูดอะไร คนพวกนี้ก็ไม่มีทางเชื่อคำพูดเขา
โจงจุ้นหย่วนจงใจหยอกล้อกู้หยุนหลันต่อหน้า พูดกับกู้หยุนหลันว่า “คืนนี้เราไปเดทกันเถอะ ฉันรู้จักกับเจ้าของบาร์แห่งหนึ่ง ฉันสามารถเหมาพื้นที่ได้”
กู้หยุนหลันปฏิเสธทันที อย่างแรก เธอไม่สนใจโจงจุ้นหย่วน อย่างที่สอง ในใจของเธอมีแค่หลี่โม่เท่านั้น และที่สำคัญที่สุด เธอไม่ชอบสถานที่แบบพวกบาร์ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเหมาทั้งหมดก็ไม่มีประโยชน์
หลี่โม่มองดูโจงจุ้นหย่วนที่หน้าด้าน จึงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไอ้นี่จงใจอยากจะใส่เขาไว้บนหัวให้กับเขาถึงจะยอมหยุด
โจงจุ้นหย่วนยิ้ม “ประธานกู้ ผมเชื่อว่าคุณไม่มีทางปฏิเสธหรอก ต้องรู้ไว้ว่า เพื่อนของคุณอยู่ในกำมือของผม”
ทันใดนั้น โจงจุ้นหย่วนเปิดวิดีโอในโทรศัพท์ และในวิดีโอ มีคนคนหนึ่งถูกเชือกมัดไว้ สีหน้าเจ็บปวดอย่างมาก และข้างกายของผู้หญิงคนนั้น ยังมีพวกชายหนุ่มบึกบึนจ้องมองอยู่
เมื่อกู้หยุนหลันเห็นหญิงสาวในวิดีโอ สมองก็อื้อขึ้นมา จางชิ่งไปอยู่ในนั้นได้ยังไงกัน? จางชิ่งเป็นเพื่อนสนิทในมหาลัยของเธอ จนถึงตอนนี้ก็ยังติดต่อกันอยู่ เพียงแค่เจอหน้ากันน้อยเท่านั้น
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าโจงจุ้นหย่วนจะจับจางชิ่งมาข่มขู่เธอ หลี่โม่เคยเจอเพื่อนสนิทของกู้หยุนหลัน แต่เขาเห็นว่าในวิดีโอเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง ขณะเดียวกันเขาก็มองดูสีหน้าของกู้หยุนหลัน เขาก็รู้แล้วว่าคนคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของกู้หยุนหลันจริงๆ
“นายทำอะไรกับเธอ?” กู้หยุนหลันขมวดคิ้วถาม
โจงจุ้นหย่วนยิ้มชั่วร้าย “ตอนนี้เธออยู่ที่บาร์ ถ้าหากว่าเธอให้ความสำคัญกับความเป็นเพื่อนสนิทระหว่างพวกเธอจริงๆ ก็ไปบาร์กับฉันเถอะ ถึงตอนนั้นพวกเธอก็ได้เจอหน้ากันแล้ว”
เมื่อกู้หยุนหลันได้ยินอย่างนั้นแล้ว ก็ตกเข้าสู่ความลังเล หลี่โม่เอ่ยปากพูดว่า “ฉันไปกับเธอเอง”
“นายไปกับฉันทำไม?” โจงจุ้นหย่วนพูดอย่างไม่พอใจ