จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 105 ดาราดังเติ้งเจียหลุน
บทที่ 105 ดาราดังเติ้งเจียหลุน
“เติ้งเจียหลุน? ดาราที่กำลังฮอตสุด ๆ อยู่ในตอนนี้น่ะเหรอ? ฉันล่ะชอบเรื่อง [ ประวัติลับของหรูเสว่ ] ที่เขาแสดงจริงๆเลย!” หวังเสี่ยวซีดูมีอาการคล้ายพวกบ้าผู้ชายขึ้นมาในทันที ดวงตาของเธอเปล่งประกายระยิบระยับ ราวกับมีดาวดวงเล็ก ๆ อยู่ในนั้น
จ้าวกางพูดขึ้นว่า “ถ้าเจ้าภาพที่อยู่เบื้องหลังการประมูลครั้งนี้คือควีนจิน ก็เป็นเรื่องปกติที่จะเชิญดาราดังอย่างเติ้งเจียหลุนมาล่ะนะ!”
หลี่เหยนหันไปมองจ้าวกางอย่างได้ใจ แล้วพูดว่า “ฉันยังได้ยินมาอีกว่า เติ้งเจียหลุนคนนี้เดินออกมาจากสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจว เมื่อสองสามเดือนก่อนเขากลับไปที่นั่น เพื่อคัดเลือกนักแสดงสำหรับละครเรื่องใหม่ แล้วเกิดไปต้องตาอีหลิงเข้า ”
“ตอนนั้นพ่อดาราดังคนนี้ ยังเคยพูดต่อหน้าสาธารณชนที่สถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจวเลยว่า นับจากนี้ไปอีหลิงเป็นคนของเขา ยังไม่พอนะ ฉันยังได้ยินมาอีกว่า สถานะของพ่อดาราดังคนนี้ไม่ธรรมดาเลย”
พวกจ้าวกางถึงกับแอบอึ้งค้างไปชั่วขณะ
ถ้าเติ้งเจียหลุนต้องตาต้องใจอีหลิง พอเห็นหลินหยุนกับอีหลิงเดินใกล้ๆกัน เขาจะต้องมองหลินหยุนเป็นศัตรูหัวใจอย่างแน่นอน
ด้วยอิทธิพลของเติ้งเจียหลุน หากหลินหยุนเกิดไปทำให้เขาขุ่นเคืองใจ ในอนาคตต่อจากนี้ ก็อย่าได้หวังว่า จะมีที่ยืนในสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจวอีกเลย
หวางเสี่ยวซียิ้มพลางพูดว่า “นี่เป็นเรื่องดีน่าดูเลยนะเนี่ย!”
ต่อจากนั้น เธอก็เบะปากอีกครั้ง แล้วพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “ไม่รู้ว่าหลินหยุนมันวางยาเสน่ห์อะไรใส่อีหลิงกันแน่ อีหลิงถึงได้ทุ่มเทเพื่อมัน จนถึงขั้นทิ้งขว้างรังเกียจพวกเราแบบนี้”
“ไม่รู้จริงๆว่าไอ้เศษสวะไร้ประโยชน์นั่นมันมีดีตรงไหน เอาแต่ทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ได้ทั้งวี่ทั้งวัน ไม่ใช่ว่าก็แค่ต่อยตีเป็นนิดๆหน่อยๆเองหรอกเหรอ? นอกนั้นเรื่องอื่นก็ไร้ค่าไร้ราคาสิ้นดี เสี่ยวหลิงหลิงไปถูกใจมันที่ตรงไหนกันนะ?”
เว่ยเทียนหมิงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “บางทีเขาอาจจะมีที่พึ่งพิงอื่น เพียงแต่พวกเรายังไม่รู้ก็ได้”
เซี่ยหยู่เวยมองหลินหยุนที่กำลังคุยกับอีหลิง ในดวงตาปรากฏความเย็นชาสายหนึ่งสาดฉายวูบ ” ถ้างั้นคราวนี้เรามาคอยดูกัน ว่าเขาจะรับมือกับเติ้งเจียหลุนยังไง”
เมื่อมองไปที่เงาร่างของหลินหยุนกับอีหลิงที่ยืนอยู่ด้วยกัน แม้ว่าเซี่ยหยู่เวยจะไม่ถือว่าหลินหยุนเป็นสามีของเธอ แต่ในใจ กลับยังมีความรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“หลินหยุน นายรู้ว่าฉันไม่เห็นนายอยู่ในสายตา ก็เลยเบนเข็มไปหาอีหลิงแทนสินะ น่าเสียดายแล้วที่นายไม่ได้รู้จักสถานะที่แท้จริงของอีหลิงเลยสักนิด เธอไม่ใช่คนระดับที่นายจะสามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้!”
“เห็นแก่ความที่เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ครั้งนี้ฉันจะขอใช้เติ้งเจียหลุนมาสั่งสอนนายสักหน่อยแล้วกัน นายจะได้เข้าใจสถานะของตัวเองขึ้นมาบ้าง ว่าอย่าได้คิดทำอะไรที่มันเกินตัวแบบนั้นอีก”
จู่ๆเซี่ยหยู่เวยก็พูดแนะขึ้นว่า “ต่อให้เติ้งเจียหลุนจะมองว่าอีหลิงเป็นสมบัติต้องห้ามของตัวเอง แต่ก็ไม่แน่ว่าเขาจะรู้นี่ว่าอีหลิงก็มาที่นี่ด้วย ฉันว่าเราน่าจะไปบอกให้เขารู้สักหน่อยก็ดีนะ”
แววตาของหลี่เหยนสว่างวาบ “หยู่เวยพูดถูก พวกเรามาเตรียมการล่วงหน้ากันเถอะ ดาราดังน่ะไม่ใช่พวกกระจอกๆหรอกนะ”
หลินหยุนกับอีหลิงกำลังคุยกันอยู่อีกด้าน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอก
มีคนตะโกนว่า “ซุปเปอร์สตาร์เติ้งเจียหลุนมาแล้ว!”
หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวกลุ่มหนึ่งก็ถือกล้องคู่กายวิ่งกรูกันเข้ามา ซึ่งต้องชื่นชมในความเป็นมืออาชีพของแต่ละคนมาก ทั้งที่เดินเบียดกันขนาดนั้น ยังสามารถเดินได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วไม่มีสะดุดสักนิด
ตามด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเครื่องแบบก็มาเปิดทาง หลังจากนั้นชายหนุ่มรูปหล่อในชุดสีขาว ล้อมรอบด้วยบอดี้การ์ดในชุดสูทสีน้ำเงินหลายคน ก็เดินเข้ามาในสถานที่จัดงาน
ทุกคนในสถานที่จัดงานต่างฮือฮา แต่เพราะคนที่มาที่นี่ในวันนี้ ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตทั้งสิ้น หลายคนที่เคยได้ขึ้นเตียงกับดาราตัวเล็ก ๆ ก็มีอยู่ไม่น้อย ในสายตาของพวกเขา ดาราเหล่านี้ก็เป็นแค่เครื่องมือที่ใช้ในการหาเงินก็เท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ ฉากประเภทแฟนคลับที่คลั่งไคล้ไล่ตามหวีดดาราจึงไม่เกิดขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้น บรรดาคนวัยรุ่นที่ตามมาด้วย กลับไม่ได้เก็บอารมณ์ได้ดีขนาดนั้น
ยังคงมีเสียงกรีดร้องอย่างตื่นเต้นดังขึ้นในที่จัดงานเป็นระยะ ทำให้เกิดความปั่นป่วนเล็ก ๆ อยู่สองสามนาที
เมื่อเห็นเติ้งเจียหลุน หลินหยุนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า อีหลิงที่ยืนอยู่ข้างๆเขาหายใจผิดปกติไป
“หลินหยุนไปนั่งตรงนั้นกันเถอะ ฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยแล้ว” อีหลิงพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
แทนที่จะบอกว่าเหนื่อย ควรต้องใช้คำว่าหนีจึงจะถูกต้องกว่า
แต่หลินหยุนก็ไม่ได้พูดอะไร แค่ตอบรับด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า
“ได้”
จากนั้นทั้งสองก็เดินไปที่นั่งอีกด้านด้วยกัน
หลังจากเติ้งเจียหลุนมาถึงที่จัดงาน เขาไม่ได้เดินตามพนักงานต้อนรับไปที่หลังเวทีทันที แต่ยืนอยู่กลางฮอลล์แล้วกวาดสายตามองดูสถานที่จัดงานทั้งหมด
ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเย็นชา ดูเหมือนพยายามจะระงับโทสะ
มุมหนึ่งของสถานที่จัดงาน หวางเสี่ยวซีพูดด้วยท่าทีกังวลว่า “พวกเราเอาข่าวของอีหลิงไปบอกเติ้งเจียหลุนแบบนี้ ถ้าอีหลิงรู้เข้าจะไม่ตำหนิพวกเราแย่หรอกเหรอ?”
เซี่ยหยู่เวยจับแขนเธอไว้พลางปลอบเบาๆว่า “ไม่ต้องกังวลหรอกน่า พวกเราทำเพื่ออีหลิงอยู่ต่างหาก ถ้าเธอเกิดรู้สึกจริงจังกับหลินหยุนขึ้นมาจริงๆล่ะก็ มันอาจจะทำให้เธอต้องเจ็บปวดก็ได้นะ พวกเราก็แค่ตัดไฟเสียแต่ต้นลม เตือนให้อีหลิงได้รู้โฉมหน้าที่แท้จริงของหลินหยุนก็แค่นั้นเอง”
พูดจบ เซี่ยหยู่เวยก็พูดในใจ “หลินหยุน เติ้งเจียหลุนคนนี้ไม่ใช่ดาราธรรมดา ๆ หรอกนะ ฉันจะดูว่านายจะรับมือยังไง ถ้านายโดนเติ้งเจียหลุนทำให้อับอายขายขี้หน้า จนต้องมุดแผ่นดินหนีเมื่อไหร่ อีหลิงก็คงจะตาสว่างได้ซะที!”
พวกเซี่ยหยู่เวยต่างก็คิดกันไปว่า อีหลิงแค่ถูกดึงดูดด้วยภาพลวงตา ที่หลินหยุนสร้างขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น เมื่อไหร่ที่หลินหยุนพ่ายแพ้ต่อหน้าอีหลิงสักครั้ง อีหลิงก็จะหมดความสนใจในตัวหลินหยุนไปเองอย่างแน่นอน
แต่การที่พวกเขามุ่งเป้าไปที่หลินหยุน ไม่ใช่เพราะหวังดีกับอีหลิงด้วยใจจริง เหตุผลที่มากไปกว่านั้นก็คือ พวกเขาแค่ทนไม่ได้ ที่ได้เห็นไอ้ตัวไร้ประโยชน์ที่เคยทำได้แค่เกาะแข้งเกาะขาร้องขอความเมตตาจากพวกเขา จู่ๆก็เหินทะยานขึ้นมาเหยียบพวกเขาทุกคนไว้ใต้ฝ่าเท้าชนิดจมดินลงไปได้ต่างหาก
ก็เหมือนขอทานสักคน ที่เคยใช้ชีวิตด้วยการขอทานจากคุณทุกวัน แล้วจู่ๆวันหนึ่ง ขอทานนั่นก็ขับรถหรู พร้อมโอบกอดสาวงามมาปรากฏตัวต่อหน้าคุณนั่นแหละ
แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับคุณมากนัก แต่ความรู้สึกของช่องว่างขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นนั้น มันก็เป็นอะไรที่ยากจะรับได้จริงๆ
อีกทั้งพวกของเซี่ยหยู่เวยพวกนี้ ต่างก็เป็นคนที่แสนจะเย่อหยิ่งทะนงตนอย่างหาใดเปรียบ ยิ่งเพิ่มพูนความรู้สึกว่ารับไม่ได้ขึ้นเป็นเท่าทวี
ดังนั้น พวกเขาจึงรู้สึกว่าทั้งหมดนี้ต้องเป็นของปลอม เลยคิดแต่จะโจมตีหลินหยุนให้พ่ายแพ้ แล้วเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของหลินหยุนออกมาให้ได้
ก็เหมือนกับครั้งแรกที่คุณเห็นขอทานคนนี้ขับรถหรู แล้วโอบกอดสาวงาม คุณจะคิดว่าต้องเป็นของปลอมแน่ๆ เลยอยากบอกสาวงามว่า ไอ้หมอนั่นเป็นแค่ขอทานคนนึง
ในสถานที่จัดงาน เติ้งเจียหลุนกวาดตามองอย่างบึ้งตึงไปรอบหนึ่ง ในที่สุดก็เห็นหลินหยุนกับอีหลิงที่ยังไปไม่ทันถึงที่นั่งของพวกเขา
เติ้งเจียหลุนแตกต่างจากคนดังคนอื่นๆ ที่ต้องคอยระวังเนื้อระวังตัว ระวังนั่นระวังนี่ตลอด เวลาที่อยู่ต่อหน้าสาธารณชน เขาจะทำอะไรล้วนไม่เคยแคร์สายตาคนอื่น เพราะเขาคิดจะใช้ชีวิตตามแบบนิสัยคนดังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น สถานะที่แท้จริงของเขา จะคนดังหน้าไหนๆก็ทำได้แค่เงยหน้ามอง แล้วทำตาปริบๆแค่นั้นแหละ
เติ้งเจี๋ยหลุนเดินตรงไปหยุดตรงหน้าพวกหลินหยุน
“ศิษย์น้องอีหลิง เจอรุ่นพี่ทั้งทีก็จะไปโดยไม่คิดจะทักทายหน่อยเลยเหรอ? นี่ดูแล้วไม่ค่อยจะมีมารยาทเท่าไหร่เลยนะ!” ขณะที่เติ้งเจียหลุนพูดไป ดวงตาที่เรียวเล็กของเขาก็ฉายแสงดุดันวาววับราวกับเสือที่กำลังจ้องตะครุบเหยื่อก็ไม่ปาน
อีหลิงขมวดคิ้วน้อยๆ หากพูดตามจริงแล้ว นับตั้งแต่รุ่นพี่คนนี้พูดที่โรงเรียนต่อหน้าสาธารณชนว่าเธอเป็นคนของเขา เธอก็คอยหลีกเลี่ยงเขา ราวกับคนหลีกเลี่ยงโรคระบาดน่ารังเกียจ
แต่ด้วยเหตุผลหลายประการ เธอก็ไม่สามารถหักหน้าเติ้งเจียหลุนแบบน่าเกลียดจนเกินไป แถมเรื่องนี้จะทำให้การปฏิเสธของเธอเป็นอะไรที่ไม่เจ็บไม่คัน ในทางตรงกันข้าม มันจะไปทำให้ความหยิ่งผยอง อยากเอาชนะของเติ้งเจียหลุนเพิ่มสูงขึ้น
“พวกเราไม่ได้คุ้นเคยอะไรกันมากมาย ไม่จำเป็นต้องทักทายกันก็ได้” พูดจบ อีหลิงก็ดึงหลินหยุนเตรียมจะเดินอ้อมไปอีกด้าน
เติ้งเจียหลุนไม่ได้โกรธ แต่ยังคงยืนขวางอยู่ตรงหน้าอีหลิง จ้องมองอย่างจาบจ้วงไม่มีการปิดบังสักนิด “รอให้ฉันเสร็จจากธุระทางนี้แล้ว จะให้พ่อไปที่บ้านเธอเพื่อคุยเรื่องสู่ขอ ถึงตอนนั้นเธอจะยังบอกอีกมั้ย ว่าเราไม่คุ้นเคยกัน?”
มีความตื่นตระหนกในดวงตาของอีหลิง เธอพูดอย่างโกรธเคืองว่า “เติ้งเจียหลุน นายเป็นบ้าอะไร! นายอย่าฝันลมๆแล้งๆไปหน่อยเลย ยังไงฉันก็ไม่แต่งงานกับนายเด็ดขาด!”
เติ้งเจียหลุนยิ้มเย็น “อีหลิง เรื่องจะแต่งหรือไม่แต่ง มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอหรอกนะ ฉันขอเตือนให้เธอทำตัวน่ารักว่าง่ายๆหน่อยจะดีกว่า ไม่งั้นอาจจะเจ็บตัวได้ในภายหลัง”
พูดจบเติ้งเจียหลุนก็ยกยิ้มชั่วร้าย ทำเหมือนกับว่าหลินหยุนที่อยู่ข้างๆเป็นแค่อากาศธาตุ
ใบหน้าของอีหลิงแดงก่ำ หายใจแรงด้วยความโกรธจนอกกระเพื่อม พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
เธอไม่คาดคิดจริงๆ ว่าเติ้งเจียหลุนจะกล้าทำแบบนี้ต่อหน้าธารกำนัล
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่สามารถทำอะไรกับคนหน้าด้านไร้ยางอายแบบนี้ได้
“มากับฉัน วันนี้เธออยากได้อะไร ฉันจะให้ทุกอย่างที่เธออยากได้!”
เติ้งเจียหลุนพูดจบ ก็ก้าวมาข้างหน้า แล้วคว้ามือที่ขาวเนียนดั่งหยกของอีหลิงทันที