จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 106 ฉันตบแกตายได้ในฝ่ามือเดียว
บทที่ 106 ฉันตบแกตายได้ในฝ่ามือเดียว
“เธอบอกว่าเธอไม่คุ้นกับแก นี่แกหูหนวกหรือไง?”
หลินหยุนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เดิมทีเขาไม่อยากจะไปก้าวก่ายเรื่องของอีหลิงนัก แต่เพราะเริ่มจะทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ
ใครจะรู้ว่า ทันทีที่หลินหยุนเอ่ยปากออกมา อีหลิงก็พลันรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาแล้ว รีบพูดขึ้นอย่างร้อนรนว่า “นี่เป็นเรื่องระหว่างฉันกับเขา นายไม่ต้องเข้ามายุ่ง”
พูดจบ คล้ายว่าเธอจงใจเปลี่ยนประเด็น พูดกับเติ้งเจียหลุนไปว่า “นายล้มเลิกความคิดนี้ซะเถอะ ฉันไม่มีวันไปกับนายหรอก!”
แต่ถึงอย่างนั้น การกระทำของอีหลิงก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปเลย
สายตาของเติ้งเจียหลุนในเวลานี้ เอาแต่จ้องไปที่หลินหยุนเขม็ง
ดวงตาเรียวยาวที่ดูราวกับงูพิษ จ้องมองหลินหยุนอย่างมาดร้าย
“แกมันเป็นแค่ตัวอะไร? ถึงกล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้มาพูดกับชั้น!”
หลินหยุนจ้องมองเขากลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไม่ต้องมาแสร้งทำท่าเป็นหยิ่งยโสโอหัง เพื่อกลบเกลื่อนปิดบังแผนการในใจลึก ๆ ของแกไปหน่อยเลย”
“เมื่อกี้แกก็จงใจคุยกับอีหลิงแค่คนเดียว แล้วแกล้งทำเป็นไม่สนใจฉัน ก็เพราะอยากจะยั่วโมโหฉันเท่านั้นอยู่แล้วนี่”
“พอแกเห็นว่าไม่สำเร็จ ตอนนี้ก็เลยเบนเข็มมาโจมตีฉันอย่างโจ่งแจ้งแทน”
“แกนี่มันเจ้าเล่ห์มากแผนการเสียจริงนะ แต่ฉันจะบอกแกให้ว่า ลูกไม้ตื้นๆทั้งหลายของแก มันเป็นแค่เรื่องตลกกระจอก ๆ เมื่อมาอยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง”
เติ้งเจียหลุนแอบผงะไปเล็กน้อย จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง
จากนั้นไม่นาน รอยยิ้มของเขาก็จางหายไป สีหน้าบึ้งตึงก็พลันกลับมา
“ไอ้หนู แกพูดถูกแล้วล่ะ ลูกไม้ตื้น ๆ ทั้งหลายก็เป็นได้แค่เรื่องตลกกระจอก ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง”
“แต่ในความคิดของฉัน แกนั่นแหละที่เป็นตัวตลกกระจอกๆ”
“เด็กๆ มาไล่มันออกไปเดี๋ยวนี้!
“แม้แต่ผู้หญิงที่เติ้งเจียหลุนคนนี้หมายตา แกยังกล้ายั่วโมโห ฉันว่าแกคงจะเบื่อชีวิตมากสินะ”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนวิ่งเข้ามา ทำท่าคล้ายว่าจะไล่หลินหยุนออกไปจริงๆ
ที่มุมหนึ่ง พวกหลี่เหยนเผยสีหน้าสะใจ ที่แผนการสมรู้ร่วมคิดนี้ประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง
“นิสัยแย่ๆของเติ้งเจียหลุนนี่ เป็นเหมือนที่เขาเล่าลือมาจริงๆเลยนะ!”
“แต่ในฐานะที่เป็นคุณชายใหญ่ตระกูลเติ้งแห่งซีไห่ เขาก็มีต้นทุนมากพอที่จะเย่อหยิ่งจองหองได้ล่ะนะ!”
หวางเสี่ยวซีอุทาน “นายบอกว่าเติ้งเจี๋ยหลุนเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเติ้งแห่งซีไห่เหรอ? ตระกูลเติ้งแห่งซีไห่เป็นคนใหญ่คนโตระดับเดียวกับควีนจินเลยเชียวนะ!”
“ด้วยภูมิหลังขนาดนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก ที่ในเหล่าดาราทั้งหลาย เขาจะหยิ่งผยองพองขนที่สุด แต่กลับแทบจะไม่มีข่าวด้านลบออกมาให้ได้ยินเลย”
ยังมีอีกประโยคที่หวางเสี่ยวซียังพูดไม่จบ ก็คือตราบใดที่ยังมีตระกูลเติ้งแห่งซีไห่ ต่อให้จะมีข่าวเสียๆหายๆแค่ไหน ก็ไม่มีใครกล้ารายงานออกมาอยู่แล้ว
เว่ยเทียนหมิงพูดเสียงขรึม “ครั้งนี้ แม้แต่คนอย่างเจี่ยงสงก็ยังไม่กล้าพูดอะไรต่อหน้าตระกูลเติ้งด้วยซ้ำ ดูซิว่าจะมีใครช่วยมันได้อีก!”
เซี่ยหยู่เวยมองดูหลินหยุนที่ถูกล้อมไปด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เธอไม่ได้พูดอะไร แต่แอบคิดในใจว่า “หลินหยุน วันนี้โชคดีของนายคงต้องใช้หมดจนไม่มีเหลือแล้วล่ะนะ!”
“ครั้งนี้ เติ้งเจียหลุนคงจะทำให้นายรู้ตัวเองได้อย่างชัดเจนซะที หลังจากนี้ก็จงกลับมาทำตัวให้มันเหมาะกับสถานะของตัวเองหน่อย อย่าเอาแต่คิดเรื่องฉวยโอกาสอยู่อย่างนี้ อีหลิงไม่ใช่คนที่นายจะไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้!”
ในช่วงที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวิ่งเข้ามา เสียงตะโกนอันโกรธเกรี้ยวเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ฉันจะดูซิว่าใครจะกล้า!”
อีหลิงกางมือทั้งสองข้างออกกว้าง กั้นขวางไว้ตรงหน้าหลินหยุน พลางจ้องไปที่เติ้งเจียหลุนด้วยความโกรธเคือง พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เติ้งเจียหลุน ที่นี่เป็นงานประมูลเพื่อการกุศล ไม่ใช่บ้านของนาย นายไม่มีสิทธิ์มาไล่ใครออกไปทั้งนั้น!”
เติ้งเจี๋ยหลุนเย่อหยิ่งอวดดีจนเป็นนิสัย จึงไม่ไว้หน้าอีหลิงแม้แต่น้อย แต่กลับมองหลินหยุนด้วยแววตาที่แสดงความดูถูกเหยียดหยามเต็มที่ พูดด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง “ฉันจะไล่ซะอย่าง เธอจะทำอะไรฉันได้? ”
“เมื่อกี้ไอ้เด็กนี่มันพูดเองนะ ว่าลูกไม้ตื้นๆมันก็เป็นแค่เรื่องตลกกระจอก ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง”
“ตอนนี้ฉันคือผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ส่วนแกมันก็เป็นแค่ตัวตลกเมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน ถ้าฉันสั่งให้แกไสหัวไป แกก็ต้องไสหัวไป!”
ในที่สุดดวงตาของหลินหยุนก็เย็นเยียบลง ปรายตามองใบหน้าหยิ่งผยองของเติ้งเจียหลุนนิ่งๆ น้ำเสียงของเขาราบเรียบไม่แยแส ไร้ร่องรอยของอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น “ไปให้พ้นหน้าฉันซะเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น ฉันจะตบแกให้ตายในฝ่ามือเดียว”
น้ำเสียงของหลินหยุนนั้นราบเรียบอย่างที่สุด แต่กลับทำให้ใจของเติ้งเจียหลุนหวาดหวั่นสั่นสะท้าน
เขาเย่อหยิ่งถือดีมีอำนาจ แต่เขาไม่ได้โง่ ในทางตรงกันข้ามเขายังฉลาดมากด้วย เป็นดังที่หลินหยุนว่ามา ที่เขาใช้ความเย่อหยิ่งอวดดี มากลบเกลื่อนแผนการที่ตัวเองตั้งใจจะทำไว้จริงๆ
ในคำพูดของหลินหยุน เขารู้สึกได้ถึงไอสังหารอันรุนแรงเจืออยู่ในนั้น เขาสามารถบอกได้ว่ามันไม่ใช่แค่คำขู่ เสียงนั้นมันช่างเหมือนผู้พิพากษาสูงสุด ที่คุ้นเคยกับความเป็นความตายมามาก ตัดสินชี้เป็นชี้ตายใครต่อใครมาอย่างโชกโชน
เขาถึงขั้นรู้สึกว่า ถ้าเขาพูดมากกว่านี้อีกแม้แต่ประโยคเดียว หลินหยุนก็จะฆ่าเขาทันที
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหลินหยุนทำได้อย่างไร แต่จิตใต้สำนึกของเขากลับบอกเขาว่า หลินหยุนจะต้องทำได้อย่างแน่นอน
นี่เป็นความคิดที่ขัดแย้งกันมาก แต่มันกลับปรากฏขึ้นในความคิดของเติ้งเจียหลุนไม่หยุด
แต่ถึงอย่างนั้น ในตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้คนจำนวนมากขนาดนี้ในสถานที่จัดงาน เขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวจนหนีหางจุกตูดก็ไม่ได้ เรื่องของสัญชาตญาณมันก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่เหตุผลและการตัดสินใจ มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่า เติ้งเจียหลุนเชื่อในเหตุผลและวิจารณญาณมากกว่า
เขาไม่เชื่อหรอกว่า หลินหยุนที่เป็นแค่ลูกเขยแต่งเข้า ก็แค่ผู้ชายที่เลี้ยงชีพได้ด้วยการเกาะผู้หญิงกินพรรค์นี้ จะกล้าทำอะไรเขาจริงๆ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องฆ่าคนด้วยซ้ำไป!
ตอนนี้ ถึงอย่างไรมันก็เป็นยุคที่สังคมต้องอยู่ภายใต้กฎหมายแล้ว ต่อให้เป็นตระกูลทั่วๆไปที่อยู่ในโลกบู๊ ก็ยังไม่กล้าทำอะไรที่อุกอาจ ท้าทายกฎหมายของทางโลกอย่างเปิดเผยเลยด้วยซ้ำ
ตัวอย่างเช่นตระกูลฉิน หากไม่ใช่เพราะตั้งตนเป็นศัตรูกับหลินหยุน ตระกูลฉินก็คงจะยังอยู่รอดปลอดภัยต่อไปได้อีกนานแสนนาน
ไม่ต้องรอให้เติ้งเจียหลุนพูดอะไรอีก จู่ๆอีหลิงก็ตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เติ้งเจียหลุนฉันขอเตือนนายเป็นครั้งสุดท้ายนะ อย่ามาหาเรื่องทำให้ชื่อเสียงของฉันแปดเปื้อนอีก ถ้ายังมีครั้งต่อไป ก็อย่าได้โทษกันว่าฉันไม่เกรงใจล่ะ!”
“นายรีบไปให้พ้นเลยนะ! ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก!” อีหลิงพูดรัวเร็วแบบรวดเดียวจบ
เติ้งเจียหลุนถึงกับผงะไปชั่วครู่ นับเป็นครั้งแรก ที่เขาเห็นอีหลิงระเบิดอารมณ์ใส่เขาขนาดนี้ ที่ผ่านมาแม้ว่าอีหลิงจะไม่ชอบหน้าเขา แต่ก็ไม่เคยพูดอะไรที่ฟังดูรุนแรงเกินไปสักครั้ง
ใช่แล้ว ! มันต้องเป็นเพราะไอ้แมงดาที่ชื่อหลินหยุนซึ่งยืนอยู่ข้างๆนี่อย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าที่คนพวกนั้นพูดมาจะเป็นเรื่องจริง อีหลิงเกิดไปสนใจไอ้แมงดาจอมเกาะผู้หญิงกินนี่เข้าแล้ว
ต้นอ่อนที่กำลังงอกเงยต้นนี้ จะต้องรีบทำลายมันลงให้เร็วที่สุด
เมื่อเห็นสีหน้าร้อนรนของอีหลิง แววตาของหลินหยุนก็พลันสงบลงทันที
อันที่จริง คำพูดที่เธอพูดไล่เติ้งเจียหลุนให้ไปเมื่อครู่นี้ เป็นเพราะอีหลิงกำลังพยายามจะช่วยเติ้งเจียหลุนต่างหาก
แต่หลินหยุนเอง ก็พอจะเข้าใจถึงความพยายามอย่างสุดกำลังของอีหลิงได้ เพราะเธอกังวลว่าถ้าหลินหยุนเกิดไปทำร้ายเติ้งเจียหลุนขึ้นมาจริงๆ เขาก็อาจจะมีศัตรูที่ทรงพลังอย่างตระกูลเติ้งคอยตามรังควานได้
อีหลิงไม่อยากให้หลินหยุนต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องของเธอ ไม่อยากให้เขาต้องสู้ทั้งมือเปล่ากับศัตรูที่ทรงพลังเช่นนี้
แต่อีหลิงก็ไม่ได้รู้แน่ชัด ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหลินหยุนมากนัก ที่รู้มาก็แค่พอๆกับพวกเซี่ยหยู่เวยพวกนั้น รู้สึกว่าหลินหยุนพอจะมีความสามารถในการต่อสู้อยู่บ้างก็เท่านั้น เมื่อไหร่ที่ได้เจอกับพวกที่เป็นของจริง เขาก็อาจจะถูกฆ่าตายได้ในไม่กี่วินาที
ถ้าหากเธอได้รู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหลินหยุน เธอจะไม่กังวลเด็ดขาดว่า หลินหยุนจะไปทำให้ตระกูลเติ้งขุ่นเคืองใจ
เติ้งเจียหลุนตะโกนใส่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย “พวกแกมัวทำอะไรกันอยู่เล่า! ไล่มันออกไปสิ!”
“ครับผม!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนก้าวไปข้างหน้าทันที เตรียมพร้อมจะลงมือ
ข้อพิพาทระหว่างทั้งสองคน ดึงดูดผู้ชมจำนวนมากมานานแล้ว แต่ผู้ชมที่นี่ในวันนี้ล้วนเป็นบุคคลสำคัญอันดับต้น ๆ ในหลินโจว ส่วนใหญ่ต่างก็ได้ยินเกี่ยวกับสถานะที่แท้จริงของเติ้งเจี๋ยหลุนมาแล้วทั้งนั้น
ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว จึงไม่มีใครกล้ายื่นมือออกมายุ่งเรื่องชาวบ้าน ให้ตัวเองเดือดร้อน
หลี่เหยนกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความตื่นเต้น “เติ้งเจียหลุนตัดสินโทษแล้ว คราวนี้หลินหยุนต้องโชคร้ายแน่!”
“ถ้าจะให้ดี ก็ขอให้หลินหยุนมันของขึ้น แล้วซ้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเติ้งเจียหลุนจนอ่วมให้หมด ยั่วให้เติ้งเจียหลุนเดือดดาลแบบสุดขีด ทำให้เรื่องยิ่งใหญ่โตเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น”
“เมื่อเรื่องเป็นไปตามนั้น ก็เท่ากับว่าหลินหยุนทำให้ควีนจินขุ่นเคืองใจไปด้วย หลังจากนี้ไป ทั้งหลิงหนานก็จะไม่มีที่ให้มันยืนได้อีก”
หวางเสี่ยวซีกลับหันไปมองเซี่ยหยู่เวยอย่างเป็นห่วง พูดขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “นี่มันจะโหดร้ายเกินไปหรือเปล่า? ยังไงเขาก็ได้ชื่อว่าแต่งเป็นสามีในนามของหยู่เวยนะ ถ้าเกิดไปทำให้ควีนจินขุ่นเคืองขึ้นมาจริงๆ น่ากลัวว่ากระทั่งหยู่เวยเอง ก็อาจจะโดนลากเข้าไปข้องเกี่ยวด้วยน่ะสิ”
หลี่เหยนหัวเราะหน้าระรื่น “จะต้องกลัวอะไร! ต่อให้เป็นควีนจิน ก็คงต้องไว้หน้าของท่านรองนายกเว่ยบ้างสักหลายส่วนแหละ! หยู่เวยไม่มีทางเป็นอะไรหรอกน่า ดีไม่ดีพอถึงตอนนั้น การแต่งงานของหยู่เวยก็อาจจะถูกยกเลิกไปเลยก็ได้”
ถ้าหากหลินหยุนไปสร้างความขุ่นเคืองให้คนใหญ่โตอย่างควีนจินจริง ๆ ต่อให้โจวเฟินจะปกป้องเขาแค่ไหน เซี่ยเจี้ยนโก๋ก็คงจะไม่เก็บเจ้าตัวก่อหายนะนี่ไว้อย่างแน่นอน
เซี่ยหยู่เวยอยากหย่ากับหลินหยุนจะแย่ ดังนั้น เป็นธรรมดาที่เธอย่อมไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากคำคัดค้านของโจวเฟินอยู่แล้ว
“พวกเธอไม่ต้องกังวลเรื่องของฉันหรอก เห็นแก่ฐานะที่เป็นคนครอบครัวเดียวกัน ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาอดตายอยู่ข้างถนนหรอก เรื่องอื่นฉันไม่สนใจอยู่แล้ว ” เซี่ยหยู่เวยแสดงท่าทีได้โหดเหี้ยมทั้งยังสมจริงมาก