จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1130 สำนักหยุนเยว่
สำนักหยุนเยว่ เป็นมรดกสืบทอดจากเย่เยว่จริงหรือ?
นี่เป็นไปได้อย่างยิ่ง!
หลินหยุนสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็มองไปที่หญิงชราและพูดว่า พาฉันไปที่ สำนักหยุนเยว่ของพวกคุณ!
เมื่อหญิงชราได้ยินดังนั้นสีหน้าของเธอก็ยิ่งปั้นยากมากขึ้น เธอกัดฟันและพูดว่า คุณท่าน ฉันไม่รู้ว่าคุณคือใคร แต่สามารถสัมผัสได้ว่าคุณมีพลังวิชาที่แข็งแกร่ง!
แต่หากจะให้ฉันพาคุณไปที่ สำนักหยุนเยว่ นี่ถือเป็นเรื่องที่ไปไม่ได้!
นับตั้งแต่สำนักหยุนเยว่ก่อตั้งมาก็ไม่เคยรับศิษย์ชายมาก่อน อีกทั้งยังไม่เคยมีบุรุษผู้ใดได้เหยียบย่ำเข้าไปที่สำนักหยุนเยว่แม้เพียงก้าว!
ท่านสามารถฆ่าฉันได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะพาคุณไปที่ สำนักหยุนเยว่!
หลินหยุนพยักหน้า
หากเป็นมรดกสืบทอดจากเย่เยว่จริง การไม่รับศิษย์ชายถือเป็นเรื่องปกติ
เขาไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นก็ก้าวขึ้นไปในอากาศ
ทันใดนั้น ท้องฟ้าและโลกทั้งใบก็มืดลง ในเวลาเดียวกัน ดวงจันทร์จำลองก็ลอยอยู่ในอากาศ
พระจันทร์มืด!
เมื่อเห็นฉากดังกล่าว หญิงชราก็เบิกตากว้างทันที ในใจของเธอเกิดคลื่นความตื่นตะลึงเสียดฟ้า!
นี่…คุณใช้วิชาของสำนักเราได้อย่างไร?
ในไม่ช้า ดวงจันทร์จำลองก็สลายไป ฟ้าดินกลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง
หลินหยุนลอยลงมาบนพื้น
เขามองไปที่หญิงชราจากนั้นก็กล่าวว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณควรรู้ ฉันและสำนักของคุณ มีรากฐานร่วมกันอยู่บ้าง ดังนั้นฉันจึงอยากไปดู!
หญิงชราตกตะลึงจนยืนนิ่งอยู่กับที่
เป็นเวลาเนิ่นนาน สายตาของเธอจับจ้องตรงไปที่หลินหยุน จากนั้นก็คุกเข่าลงดังตุบ
และได้ยินเพียงหญิงชราพูดซ้ำๆ ว่า เป็นเจ้าพระคุณเสด็จมาไม่ใช่หรือ?
ดวงตาของหลินหยุนเป็นประกายและเอ่ยเสียงเรียบๆ เจ้าพระคุณ?
หญิงชรารีบกล่าวว่า สำนักหยุนเย่วของเรามีคำสอนของสำนักอยู่ข้อหนึ่ง สำนักของเราไม่รับศิษย์ชาย และหากมีบุรุษผู้ใดที่สามารถแสดงวิชาของสำนักเราได้ คนผู้นั้นก็คือเจ้าพระคุณ!
วิชาของสำนักเรานั้นไม่เหมาะกับบุรุษเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจะมีบุรุษได้รับการสืบทอดไปก็ไม่มีใครเรียนรู้มันได้!
แต่พระจันทร์มืดของคุณนั้นถึงแม้ว่าจะคล้ายกับของเราอย่างมาก แต่ก็กลับแตกต่างออกไป หากทั้งสองฝ่ายร่วมมือกัน ก็จะเติมเต็มซึ่งกันและกัน!
เห็นแบบนี้แล้ว ท่านจะต้องเป็นเจ้าพระคุณที่คำสอนของสำนักเราได้พูดถึงเอาไว้แน่!
หลินหยุนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า คุณหมายความว่า สำนักของคุณมีคำสอนนี้มาตั้งนานมากแล้วงั้นหรือ?
หญิงชราพยักหน้าอย่างตื่นเต้นและกล่าวว่า เรียนเจ้าพระคุณใช่แล้ว! คำสอนนี้ของสำนักเราสืบทอดมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสำนักหยุนเยว่!
หลินหยุนถอนหายใจยาวและพูดว่า งั้นก็พาฉันไปที่สำนักของพวกคุณดูเถอะ!
คราวนี้ หญิงชราไม่พูดอะไรอีกและรีบรับคำทันที
ทั้งสองลอยไปในอากาศและมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้
ระหว่างทาง จากปากของหญิงชรา หลินหยุนก็เกี่ยวกับสถานการณ์ของโลกคุนชางบ้างแล้วเช่นกัน
ในโลกคุนชาง มีกองกำลังระดับสูงอยู่ทั้งสิ้นเก้าฝ่าย
และนั่นคือเก้าสำนักใหญ่
สำนักหยุนเย่วเป็นหนึ่งในนั้น
เพียงแต่สำนักหยุนเย่วในตอนนี้ นับวันยิ่งอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ และอยู่ระดับล่างสุดของเก้าสำนักใหญ่
ต่ำกว่าเก้าสำนักใหญ่ยังมีสิบแปดสำนักเต๋า
จัดว่าเป็นของกองกำลังรอง
ต่ำกว่าสำนักเต๋าก็ยังมีบางเมืองและบางตระกูลที่อยู่ภายใต้การควบคุม
แน่นอนว่า ยังมีสำนักเล็กๆ ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอยู่
และไม่รู้ว่ามีอีกมากมายเท่าไหร่
นับตั้งแต่ก่อตั้งสำนักหยุนเย่ว ก็ไม่เคยมีการแต่งตั้งตำแหน่งเจ้าสำนักมาก่อน
มีเพียงนางเยว่สิบสองคนเท่านั้น
หญิงชราผู้นี้คือนางเยว่คนที่ 10 ของสำนักหยุนเย่ว ชื่อว่าสิบเย่ว
ครึ่งวันต่อมา ทั้งสองก็มาถึงหุบเขาลึกหลายกิโลเมตร
หุบเขาลึกนี้ไร้ก้นเหว
ด้านบนมีหมอกขาวปกคลุม
ในหมอกสีขาว เห็นได้ชัดว่ามีการกักขังที่รุนแรงอย่างมากอยู่
เมื่อยืนอยู่ที่ขอบหุบเขา สิบเย่วมองไปที่หลินหยุนและเอ่ยว่า เจ้าพระคุณอีกด้านหนึ่งของหุบเขาก็คือที่ที่สำนักหยุนเยว่ของเราตั้งอยู่!
แม้ปากจะพูดอย่างนั้น แต่เธอก็ไม่ได้มีความคิดที่จะพาหลินหยุนไปที่นั่น
หลินหยุนเองก็ย่อมเข้าใจโดยธรรมชาติว่าเธอตั้งใจจะทำแบบรี้ จากนั้นเขาก็เอ่ยปากพูดขึ้นเรียบๆ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไปกันเถอะ!
พูดจบ หลินหยุนก็ลอยขึ้นไปในอากาศและเข้าไปในหมอกสีขาวที่กระจายตัวอยู่
การกักขังในหมอกขาวไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลยสักนิด
เขาคุ้นเคยกับการกักขังพวกนี้อย่างมาก!
นั่นเพราะมันถูกเขียนโดยเย่เยว่!
เมื่อเห็นหลินหยุนเข้าไปในหมอกขาว สิบเย่วก็ตามไปด้วย
เมื่อเห็นว่าหลินหยุนเข้าไปในการกักขังได้อย่างราบรื่นและไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยแม้แต่น้อย ในใจของเธอก็ต้องตกตะลึงอย่างยิ่งอีกครั้ง
และยังยิ่งยืนยันตัวตนของเจ้าพระคุณหลินหยุนได้มากขึ้นไปอีก
ถ้าไม่ใช่เจ้าพระคุณ ชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งจะสามารถมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร?
ราวกับมองไม่เห็นค่ายกลของสำนักหยุนเยว่?
นี่มันแทบเป็นไปไม่ได้!
แม้แต่เฒ่าประหลาดในสามสำนักชั้นสูงยังไม่สามารถทำเช่นนี้ได้!
เมื่อฝ่าหมอกขาวไปอีกด้านหนึ่งของหุบเขา
โลกที่ราวกับสรวงสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าหลินหยุน
สิบเย่วรีบเอ่ย เจ้าพระคุณ นี่คือเขาสิบสองของสำนักหยุนเยว่ ยอดเขาที่สูงสุดคือเขาที่หนึ่ง และยังเป็นที่ที่ศิษย์พี่รองอาศัยอยู่ ตอนนี้เรื่องทั้งหมดของสำนักล้วนมีศิษย์พี่รองเป็นผู้จัดการ!
หลินหยุนพยักหน้า พาฉันไปที่นั่นเถอะ!
สิบเย่วพยักหน้าอย่างรวดเร็วและพาหลินหยุนไปที่เขาที่หนึ่ง
เมื่อร่างของหลินหยุนปรากฏบนยอดเขาอันดับแรก ทั่วทั้งสำนักก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นทันที
ในไม่ช้า ลำแสงหลายดวงก็มาถึง
ผู้หญิงหกคนที่มีอายุแตกต่างกัน ปรากฏตัวต่อหน้าหลินหยุน
จากนั้นหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งก็มองที่สิบเย่วและพูดอย่างเย็นชาว่า สิบเย่ว คุณบ้าไปแล้วหรือไง? หรือว่าลืมกฎของสำนักไปหมดแล้ว? ฉันว่านับวันคุณยิ่งวางอำนาจบาตรใหญ่ขึ้นเรื่อยๆแล้ว! คุณรู้ถึงผลที่ตามมาของการนำผู้ชายเข้ามาในสำนักหรือไม่?
สิบเย่วรีบเอ่ย ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลายอย่าเพิ่งแตกตื่น ท่านนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเจ้าพระคุณของสำนักเรา! ศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกท่านคงไม่ได้ลืมคำสอนข้อนั้นของสำนักเราใช่หรือไม่?
อะไรนะ?
เป็นไปได้อย่างไร?
ถึงแม้หลักคำสอนนั้นจะมีอยู่มาตลอด แต่สำนักของเราได้สืบทอดมาหลายพันปีแล้ว เจ้าพระคุณเคยปรากฏตัวสักครั้งไหม?
ถูกต้อง!
สิบเย่ว คุณรู้ได้อย่างไรว่าคนผู้นี้เป็นเจ้าพระคุณ?
หรือว่าเขาแสดงวิชาเฉพาะต่อหน้าคุณ?
สิบเย่วพยักหน้าอย่างตื่นเต้นและพูดว่า ไม่ผิด เป็นเช่นนั้น หากศิษย์พี่ศิษย์น้องไม่เชื่อ ฉันจะขอให้เจ้าพระคุณแสดงมันอีกครั้งก็ได้แล้ว!
พูดจบ เธอก็มองไปที่หลินหยุน
หลินหยุนขมวดคิ้ว
เขาไม่ได้อยากจะพิสูจน์อะไร เพียงแต่ ที่นี่ยังไงเสียก็คือสำนักหยุนเยว่ เป็นมรดกที่เย่เย่วทิ้งเอาไว้
การลงมือย่อมไม่ใช่จุดเริ่มต้นที่ดี
ดังนั้น กระบวนท่าพระจันทร์มืดจึงถูกแสดงออกมาอีกครั้ง
หลังจากพระจันทร์มืด ก็คือพระจันทร์สว่าง
วิชาเฉพาะของสำนักหยุนเย่วถูกแสดงออกมาสองครั้งติดต่อกัน ดังนั้นทุกคนจึงตกตะลึงนิ่งไป
จากนั้นหลายคนก็มองกันไปมาและพวกเขาก็คุกเข่าลงให้หลินหยุน ก่อนจะพูดพร้อมกัน เจ้าพระคุณสูงส่ง โปรดรับการคารวะจากนางเยว่!
หลินหยุนพยักหน้าและเอ่ยเรียบๆ ลุกขึ้นเถอะ!
หลายคนลุกขึ้นยืนจากนั้นหลินหยุนก็เอ่ยต่อ ฉันมาที่นี่เพื่อต้องการรู้เรื่องบางอย่างเกี่ยวกับสำนักหยุนเยว่ในช่วงเริ่มต้นก่อตั้ง รวมถึงอาจารย์ปู่ของพวกคุณ เรื่องพวกนี้น่าจะมีบันทึกในสำนักใช่ไหม?
สามเยว่รีบกล่าวว่า เจ้าพระคุณ เรื่องพวกนี้ สำนักของเรามีบันทึกเอาไว้จริงๆ แต่ว่า…ตอนนี้มันหายไปแล้ว!
หลินหยุนขมวดคิ้วอย่างแรงและถามว่า ทำไม?
สามเยว่เอ่ย เรื่องมีอยู่ว่า…
จากนั้นเธอก็บอกหลินหยุนถึงสาเหตุโดยละเอียด
ที่แท้ ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเธอ หรือก็คือหนึ่งเยว่ ซึ่งถือเป็นผู้นำของสำนักไปโดยปริยาย
มีความลับบางอย่างของสำนักที่มีเพียงศิษย์พี่ใหญ่ที่รู้เท่านั้น
เพียงแต่.