จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1131 ฉินชิงถง
หนึ่งเยว่ที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักหยุนเยว่ในตอนนั้น สมัยนั้นเคยเกิดเรื่องหนึ่งขึ้น ทำให้เธอจากสำนักหยุนเยว่ไป
หลังจากออกจากสำนักหยุนเยว่แล้ว เธอยังได้นำความลับที่พูดกับปากต่อปากของสำนักไปด้วย
นี่ก็คือเหตุผลที่สองเยว่เข้ามาอยู่ที่ยอดเขาที่หนึ่ง
เดิมที่พวกเธอกำลังหาโอกาสที่จะนำความลับเหล่านั้นจากหนึ่งเยว่กลับมา แต่หนึ่งเยว่ตายไปนานแล้ว เธอคลอดลูกสาวคนหนึ่งเสร็จก็เสียชีวิตไปเลย
คำพูดของสามเยว่นั้นไม่ค่อยชัดเจน เธอไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจน
เห็นได้อย่างชัดเจน เรื่องนั้นสำหรับสำนักหยุนเยว่แล้ว มันเป็นเรื่องที่น่าอายมากๆ
อย่างไรก็ตาม หลินหยุนก็พอจะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว
แต่ผลลัพธ์ที่ได้ ทำให้เขาผิดหวังเล็กน้อย
เมื่อเห็นท่าทีผิดหวังของหลินหยุน สามเยว่ก็รีบพูดขึ้นมาทันที เจ้าพระคุณ ถึงแม้หนึ่งเยว่จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ความลับพวกนั้นอาจจะไม่ได้ตายไปพร้อมกับเธอก็ได้!
ดวงตาของหลินหยุนเป็นประกายและพูด อ้อ? ความหมายของคุณคือ?
สามเยว่พูดว่า ก่อนที่หนึ่งเยว่จะมรณภาพ อันที่จริงเธอน่ากำลังเขียนความลับพวกนั้นออกมา เพราะเธออยากจะส่งมันกลับมาที่สำนักหยุนเยว่ แต่สุดท้ายแล้วเธออาจจะเขียนไม่เสร็จ! บางที เธออาจจะบอกลูกสาวตัวเองก็ได้!
เมื่อหลินหยุนได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็รู้สึกสงสัยและพูดทันที ในเมื่อพวกคุณจะรู้เรื่องพวกนี้แล้ว ทำไมถึงไม่เคยไปหาละ?
สามเยว่กับคนอื่นๆแสดงสีหน้าเขินอายทันที
เจ้าพระคุณ มันยากที่จะอธิบายเรื่องเหล่านี้ กล่าวโดยย่อก็คือ ตอนนั้นหนึ่งเยว่จากไป พวกเราก็ทำเรื่องผิดต่อเธอด้วยเช่นกัน!
อย่างไรก็ตาม พวกเรากับลูกสาวของเธอก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่ ถ้าเจ้าพระคุณอยากจะรู้เรื่องนี้จริงๆ คุณก็สามารถไปถามเธอได้!
ถึงแม้ไม่กล้ารับประกันว่าเธอจะรู้เรื่องทุกอย่าง แต่มันก็น่าจะลองดู!
อีกอย่าง เจ้าพระคุณไปหาเธอ อย่าใช้กำลังบังคับเธอเด็ดขาด!
พวกเราแนะนำเจ้าพระคุณไปหาเธอ พวกเราเชื่อว่าเธอต้องยอมบอกเจ้าพระคุณอย่างแน่นอน!
หลินหยุนพยักหน้า
ได้! พวกเธอเตรียมข้อมูลของเธอให้ฉัน ฉันจะลองไปดู!
ในเมื่อมีเบาะแสอย่างอื่นอยู่ หลินหยุนก็ไม่อยากที่พลาดมันไป
เขาอยู่สำนักหยุนเยว่สามวัน
หลินหยุนเดินไปทั่วสำนักหยุนเยว่แล้ว
เขาแน่ใจมากๆ นี่คือสำนักที่นางฟ้าเย่เยว่ก่อตั้งขึ้น
นอกจากค่ายกลปกป้องสำนักแล้ว ด้านในสำนัก มีร่องรอยที่นางฟ้าเย่เยว่ทิ้งเอาไว้ทุกที่
เรื่องนี้ทำให้หลินหยุนถอนหายใจนานมาก
วันที่สาม หลินหยุนเดินทางออกจากสำนักหยุนเยว่
สามเยว่และประมุขขุนเขาคนอื่นๆก็มาส่งเขาด้วย
สามเยว่พูดอีกครั้ง เจ้าพระคุณ ฉันได้แจ้งฉินเหมยไปแล้ว เธอก็น่าจะเข้าใจความหมายของพวกเราดี ต้องขออภัยเจ้าพระคุณด้วย ครั้งนี้พวกเราได้แจ้งไปว่าคุณเป็นแค่หลานจากโลกมนุษย์ของฉัน หวังว่าเจ้าพระคุณจะไม่ถือสาเรื่องนี้!
หลินหยุนพยักหน้าและพูดเบาๆ ไม่เป็นไร ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ฉันก็ขอตัวก่อน!
เมื่อพูดจบ หลินหยุนบินขึ้นท้องฟ้าทันที เขาออกจากสำนักหยุนเยว่และตรงไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ห่างจากสำนักหยุนเยว่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือหลายพันกิโลเมตร
เมืองมี่หยุน
นี่คือเมืองขนาดกลาง
ปกครองดินแดนในรัศมีหลายร้อยกิโลเมตร
ตระกูลฉินเคยเป็นตระกูลอันดับต้นๆของเมืองมี่หยุน เมื่อร้อยกว่าปีก่อน หลังจากผู้นำตระกูลคนเก่ามรณภาพแล้ว ตระกูลนี้ค่อยๆตกต่ำและกลายเป็นตระกูลอันดับรองๆไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม บรรพบุรุษของพวกเขาก็เหลือของดีไว้มากมาย ทำให้ตระกูลฉินกลายเป็นตระกูลอันดับรองๆที่แข็งแกร่งมากๆเหมือนกัน
ในวันนี้ ประตูทางทิศใต้ของเมืองมี่หยุน
มีรถเมฆเฉดสีคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตู มันโดดเด่นมากๆ ทำให้มันเป็นที่ดึงดูดสายตาของคนที่เดินไปมา
ด้านหน้าของรถเมฆเฉดสี มีผู้หญิงวัยกลางคนและผู้หญิงวัยรุ่นสองคนยืนอยู่
ผู้หญิงวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบห้ากว่าๆ เธอสูงมากๆ รูปร่างเซ็กซี่มากๆด้วย ใบหน้าของเธอดูอ่อนโยนและใจกว้าง เธอดูดีและสง่างามมากๆ สายตาของเธอมีความประหม่าเล็กน้อยและมองไปที่ถนนตลอด
ข้างๆของเธอ คือผู้หญิงวัยรุ่นที่มีอายุเกือบๆยี่สิบปี
ผู้หญิงวัยรุ่นคนนี้เหมือนกับผู้หญิงวัยกลางคนมากๆ เธอรูปร่างเซ็กซี่และสวยมากๆ บนตัวเธอนั้นเผยให้เห็นความอ่อนเยาว์และร่าเริง
เมื่อเทียบกับความอดทนของฉินเหมยผู้เป็นแม่ ตอนนี้ฉินชิงถงหมดความอดทนไปตั้งนานแล้ว
มันผ่านมาตั้งสองวันแล้ว ทำไมคุณแม่ยังต้องมารับคนที่นี่ด้วย
ถ้าจะมารับคนก็ไม่เป็นไร ทำไมต้องลากเธอมาด้วย
มันน่ารำคาญมากๆ
ได้ยินคุณแม่พูดว่าคนๆนั้นน่าจะเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทแม่
ฉินชิงถงไม่เข้าใจจริงๆ ต้องเป็นเพื่อนสนิทประเภทไหนกันแน่ ถึงทำให้คุณแม่ต้องให้ความสำคัญกับเขาขนาดนี้
หลังจากรอไปอีกสักพัก
เมื่อเห็นว่าใกล้จะเที่ยงแล้ว ในที่สุดฉินชิงถงก็ทนไม่ไหวและมองไปที่ฉินเหมย
คุณแม่ วันนี้เขาคงมาไม่ถึงหรอก พวกเรากลับไปกันเถอะ?
ฉินเหมยมองลูกสาวคนนี้ด้วยสายตาอ่อนโยน
รออีกหน่อยนะ ชิงถง ฉันจะบอกให้คุณรู้ คนที่มาครั้งนี้เป็นลูกชายของเพื่อนสนิทแม่ เธอห้ามใช้นิสัยคุณหนูโดยเด็ดขาด ห้ามแสดงสีหน้าไม่พอใจ! จำได้หรือยัง?
ฉินชิงถงทนไม่ไหวและพูด คุณแม่โปรดวางใจ ฉันไม่ทำขนาดนั้นอยู่แล้ว? คุณแม่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งพูดมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว!
ฉินเหมยกลอกตาใส่เธอ เด็กคนนี้……
ในขณะที่พวกเธอสองคนกำลังพูดอยู่ มีเด็กผู้ชายใส่เสื้อผ้าธรรมดาและอยู่ไกลออกไป หน้าตาของเขาก็ธรรมดามากๆ เป็นวัยรุ่นอายุประมาณยี่สิบต้นๆ กำลังเดินเข้ามาจากปลายถนน
เมื่อมองเห็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนนี้ ดวงตาของฉินเหมยก็เปล่งประกาย เธอรีบเดินไปข้างหน้าทันที
เธอรู้จักหน้าตาของหลินหยุนจากจดหมายของอาหญิงสามที่ส่งมาก่อนหน้านี้
คุณคือหลินหยุนใช่ไหม?
ฉินเหมยกระตือรือร้นอบอุ่นและเป็นมิตรมากๆ เธอไม่รอให้เด็กหนุ่มวัยรุ่นได้ตอบเลย เธอรีบพูดอีกครั้ง แม่ของเธอได้แจ้งฉันมาก่อนหน้านี้แล้ว ฉันคือฉินเหมยเป็นน้าหญิงของคุณ!
หลินหยุนอึ้งไปเลย
คุณแม่เหรอ?
แต่เขาก็เข้าใจได้ทันที ผู้หญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องบางอย่าง
ดังนั้นเธอก็เลยรีบพูดฐานะของทั้งสองคนออกมา
เดิมทีหลินหยุนอยากถามเรื่องของนางฟ้าเย่เยว่จากอีกฝ่าย สำหรับฐานะต่างๆ เขาไม่ได้สนใจอยู่แล้ว
ตอนนี้เขาพยักหน้าทันทีและพูดเบาๆ คุณเป็นน้าฉินนี่เอง ฉันชื่อหลินหยุน!
เมื่อฉินเหมยได้ยินคำพูดที่หลินหยุนพูดกับตัวเอง ทำให้เธอดีใจมากๆ
คุณเป็นเด็กหนุ่มที่มีความสามารถมากๆจริงๆ!
เสี่ยวหยุน แม่ของเธอได้บอกฉันทางจดหมายแล้ว คุณมาที่เมืองมี่หยุนก็เพราะอยากเข้าสำนักเต๋าสุริยัน!
แต่ตอนนี้ห่างจากสำนักเต๋าสุริยันรับลูกศิษย์ใหม่ ยังต้องรออีกสักหน่อย!
ช่วงนี้ คุณก็มาพักที่บ้านของน้าฉินก่อน!
พอดีเลย ฉันจะได้ให้ชิงถงพาคุณไปเที่ยวทั่วๆเมืองมี่หยุน!
ใช่แล้ว ฉันลืมแนะนำไปเลย เธอชื่อชิงถงเป็นลูกสาวของฉันเอง!
ชิงถง พี่หลินหยุนพึ่งมาถึงเมืองมี่หยุนของพวกเรา เธอเป็นเจ้าถิ่นต้องพาพี่หลินหยุนออกไปเที่ยวให้ทั่วๆด้วย!
ตอนนี้ฉินชิงถงไม่ได้ฟังคำพูดของคุณแม่เลยแม้แต่นิดเดียว
ดวงตาอันสวยๆของเธอกำลังมองหลินหยุนอยู่
เขาไม่ค่อยสูงนัก แต่หน้าตาดี แต่ไม่ได้ดูหล่อเหล่าเลย
เขาใส่เสื้อผ้าธรรมดามากๆ เหมือนเด็กบ้านนอกที่มาจากที่ห่างไกลความเจริญ
แต่คุณแม่ยังพยายามพูดให้ฉันคบกับเด็กบ้านนอกคนนี้ด้วย?
เด็กบ้านนอกอย่างเขา ยังกล้าคิดที่จะเข้าสำนักสุริยันอีกเหรอ?
ไม่ต้องเอาเขาไปเปรียบเทียบกับเจ้าเมืองน้อยฉู่เทียน ไม่ว่าคุณชายคนไหนของเมืองมี่หยุน หลินหยุนคนนี้ก็เทียบพวกเขาไม่ได้อยู่แล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สายตาของฉินชิงถงมีแต่ความรังเกียจและดูถูก
เมื่อได้ยินคำพูดของแม่ เธอก็ตอบแบบไม่ใส่ใจและพูด อืม! ฉันรู้แล้ว!
ฉินเหมยพูดด้วยรอยยิ้ม เสี่ยวหยุน ชิงถงก็เหมือนกับคุณเลย เธอตั้งใจที่จะเข้าสำนักสุริยันให้ได้ เมื่อถึงเวลานั้น พวกเธอสองคนสอบเข้าสำนักสุริยันได้และกลายเป็นลูกศิษย์ของสำนักสุริยัน เธอต้องดูแลชิงถงแทนน้าฉินด้วยนะ!
เมื่อหลินหยุนได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้า น้าฉินโปรดวางใจ ฉันจะปกป้องเธอเอง!