จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1132 รอ
เธอในฐานะลูกสาวของหนึ่งเยว่ ดูเหมือนว่าฉินเหมยไม่อยากให้คนอื่นๆลวงรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับสำนักหยุนเยว่
ถึงแม้หลินหยุนจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่จากคำพูดอ้ำๆอึ้งๆของสามเยว่และคนอื่นๆ ทำให้เขาเดาอะไรบางอย่างออก
บางทีความสัมพันธ์ของหนึ่งเยว่กับสำนักหยุนเยว่ มันอาจจะไม่ใช้เป็นเพราะการจากไปของเธออย่างแน่นอน
แต่ก็สามารถมองออกได้อย่างชัดเจน เธอยังรู้สึกดีต่อสำนักหยุนเยว่ ไม่งั้นเธอคงไม่กระตือรือร้นอบอุ่นและเป็นมิตรแบบนี้
เรื่องเหล่านี้ หลินหยุนไม่ได้สนใจเลย
สำหรับฐานะของเขาในตอนนี้ เขาก็ไม่ค่อยสนใจเหมือนกัน
เขาแค่อยากรู้เรื่องราวต่างๆของนางฟ้าเย่เยว่ที่อยู่ในโลกคุนชาง ไม่รู้ว่าเรื่องพวกนี้ยังมีบันทึกอยู่หรือเปล่า
สำหรับฉินชิงถงคนนี้ ดูเหมือนเธอจะดูถูกและรังเกียจหลินหยุนมากๆ ส่วนหลินหยุนก็ไม่ได้มองเธออยู่ในสายตาอยู่แล้ว
เมื่อฉินเหมยแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันแล้ว เธอก็รีบพูดทันที เสี่ยวหยุน พวกเรากลับไปคุยที่บ้านดีกว่า! น้าหญิงจะเลี้ยงฉลองเพื่อเป็นการต้อนรับคุณ!
หลินหยุนพยักหน้า และขึ้นไปนั่งบนรถม้าเฉดสีของฉินเหมย พวกเขากลับเข้าไปในเมืองอย่างช้าๆ
จวนฉินใหญ่มากๆและทันสมัยมากๆด้วย
เมื่อลงจากรถม้า ฉินชิงถงก็พูดทันที คุณแม่ ฉันมีธุระต้องไปจัดการ ฉันขอตัวก่อนนะ!
เมื่อพูดจบ เธอไม่มองหน้าหลินหยุนเลย เธอหันหลังและจากไปทันที
ฉินเหมยสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที เธอขมวดคิ้วและตะโกนทันที หยุดเดี๋ยวนี้! เธอจะมีธุระอะไร? เธอไร้มารยาทมากๆ! พี่หลินหยุนพึ่งมาถึง เธอก็จะจากไปเลย? ฉันไม่เคยสอนมารยาทให้เธอหรือไง?
ฉินชิงถงหยุดเดินทันที สีหน้าของเธอดูแย่มากๆและพูด ฉันมีธุระจริงๆ! วันนี้เป็นวันเกิดของเมิ่นหยู่ ตอนนี้ฉันต้องรีบไปหาเธอ ! คุณแม่ช่วยมีเหตุผลหน่อยได้ไหม?
ฉินเหมยด่าด้วยน้ำเสียงเย็นชา เธอไม่ต้องมาพูดโกหกหลอกลวงฉัน! เด็กสาวของตระกูลเมิ่นคนนั้นพึ่งจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดเมื่อเดือนที่แล้ว เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอไง? ฉินชิงถง เธอทำตัวกำเริบเสิบสานขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ! ถ้าแน่จริง วันนี้เธอก็ออกจากบ้านให้ฉันดูหน่อยสิ?
เมื่อมองเห็นแม่ลูกกำลังจะทะเลาะกัน ทำให้หลินหยุนขมวดคิ้วทันทีและพูดเบาๆ น้าฉิน ในเมื่อชิงถงมีธุระ ฉันคิดว่าให้เธอจากไปจะดีกว่า!
ฉินเหมยพูดอย่างเคร่งขรึม ไม่ได้! เสี่ยวหยุน เรื่องนี้คุณห้ามยุ่ง! ถ้าฉันยังไม่สั่งสอนลูกสาวคนนี้ อีกหน่อยเธอคงขึ้นมาขี่คอฉันแล้ว!
ฉินชิงถงก็รู้สึกโกรธเหมือนกัน เธอโกรธมากๆและชี้ไปที่หลินหยุนพูด คุณก็แค่อยากให้ฉันอยู่กับเขาไม่ใช่เหรอ? ได้เลย ฉันจะพูดให้แม่เข้าใจ! ถ้าอยากจะอยู่ แม่ก็อยู่กับเขาคนเดียว! อย่ามายุ่งกับฉัน!
เมื่อพูดจบ เธอก็หันหลังจากไปด้วยสีหน้าที่โกรธมากๆ
ฉินเหมยโกรธจนหน้าเขียว แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้
เธอสูบลมหายใจลึกๆ มองไปที่หลินหยุนและพูด เสี่ยวหยุน ชิงถงเสียคนเพราะฉันตามใจเธอมากจนเกินไป คุณอย่าไปถือสาเธอเลย! คุณอย่าไปโกรธเธอเลย!
หลินหยุนรู้สึกเฉยๆและส่ายหัว แต่เขาไม่ได้พูดอะไร
ฉินเหมยรีบพูดขึ้นมาทันที พอได้แล้ว ไม่ต้องไปสนใจเธอแล้ว เสี่ยวหยุน พวกเราเข้าไปกันเถอะ น้าหญิงจะเลี้ยงฉลองเพื่อเป็นการต้อนรับคุณเอง!
ฉินเหมยพาหลินหยุนมาถึงบ้านพักหลังเล็กที่อยู่ในคฤหาสน์
บ้านพักหลังเล็กๆนี้เงียบสงบมากๆ บรรยากาศโดยรอบก็ดีมากๆเช่นกัน
เมื่อเดินเข้ามาในบ้านพักหลังเล็กๆแล้ว ฉินเหมยก็พูด เสี่ยวหยุน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณก็พักตรงนี้ได้เลย ถ้าต้องการอะไรก็บอกฉันได้เลย!
ขณะพูด เธอก็สั่งให้คนรับใช้ที่อยู่ด้านหลังไปเตรียมอาหาร
เมื่อได้รับคำสั่งแล้ว คนรับใช้ก็เดินจากไปด้วยความเคารพ
ผ่านไปไม่นาน คนรับใช้ก็ถืออาหารเต็มโต๊ะเข้ามา
ฉินเหมยเรียกหลินหยุนมานั่งทานอาหาร และเธอก็สั่งให้คนรับใช้ออกไป
หลินหยุนไม่อยากจะเสียเวลาอีก เขามองหน้าฉินเหมยและเอ่ยปากพูดเบาๆ น้าฉิน ฉันต้องการอะไร คุณน่าจะรู้ดี ฉันขอพูดตามตรง! ฉันต้องการรู้ความลับเหล่านั้นของสำนักหยุนเยว่ว่าได้มีการบันทึกหรือทิ้งเอาไว้ไหม?
ฉินเหมยหายใจลึกๆหนึ่งครั้ง เธอพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ตอนนี้ฉันยังให้คำตอบที่แน่ชัดกับคุณไม่ได้ บางทีอาจจะมีบันทึกทิ้งเอาไว้ บางทีอาจจะไม่มีบันทึกทิ้งเอาไว้ก็ได้!
หลินหยุนขมวดคิ้วและพูด คุณหมายความว่าไง?
ฉินเหมยพูด สมัยนั้น หลังจากที่แม่ของฉันกลับมาแล้ว เธอก็เก็บตัวทันที ผ่านไปไม่กี่ปี เธอก็มรณภาพไปเลย!
แม้แต่ฉัน ก็เคยเห็นหน้าแม่ครั้งเดียว ก่อนที่เธอจะมรณภาพเท่านั้น!
คนในตระกูลก็เห็นแค่เธอกลับมาเท่านั้น!
และหลังจากที่เธอมรณภาพไปแล้ว คนในตระกูลก็ปิดตายสถานที่ที่เธอเก็บตัวทันที!
หลังจากนั้น สถานที่นั้นก็กลายเป็นเขตหวงห้ามของตระกูลฉินทันที!
มีเพียงเวลาเซ่นไหว้ของทุกปี จะให้คนส่วนน้อยเข้าไปได้!
ฉินเหมยเงยหน้าขึ้นมามองหลินหยุน เสี่ยวหยุน คุณเป็นลูกหลานของอาหญิงสาม คุณก็เหมือนกับลูกชายของฉัน ฉันไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอะไรคุณเลย!
อาหญิงสามที่เธอพูดถึง น่าจะเป็นสามเยว่
ถ้าคุณอยากจะรู้เรื่องนั้น คุณต้องรอให้ฉันเข้าไปยังสถานที่ที่คุณแม่เก็บตัวก่อน!
แต่การเซ่นไหว้บรรพบุรุษของตระกูลฉินยังต้องรออีกหนึ่งเดือนกว่าๆ ช่วงเวลานี้คุณก็รออย่างใจเย็น ตอนที่เซ่นไหว้บรรพบุรุษตระกูลฉิน ฉันจะพยายามหาบันทึกที่แม่ของฉันทิ้งเอาไว้!
หลินหยุนพยักหน้า
ดูเหมือนเรื่องของหนึ่งเยว่กับสำนักหยุนเยว่ในสมัยนั้น ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เพราะทุกคนในตระกูลฉินไม่พูดเรื่องนี้เลย
แต่หลินหยุนก็ไม่อยากไปหาค้นหาความจริงของเรื่องนี้
เมื่อเห็นหลินหยุนกำลังครุ่นคิด ฉินเหมยก็พูดว่า เสี่ยวหยุน ฉันรู้ว่าวิชาของสำนักหยุนเยว่ไม่เหมาะที่คุณจะฝึกฝน! ฉันคิดว่าคุณน่าจะเข้าสำนักสุริยันจะดีกว่า เพราะมันเป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกัน!
สำนักสุริยันเป็นหนึ่งในสิบแปดสำนักเต๋า สำนักของพวกเขาก็แข็งแกร่งมากๆ!
ถ้าคุณสามารถเข้าสำนักสุริยันได้ คุณก็จะสามารถตัดขาดจากโลกมนุษย์ และเข้าสู่เส้นทางบำเพ็ญเซียน!
อีกเรื่องหนึ่ง ฉันอยากจะให้คุณกับชิงถงคบหากัน!
คุณอย่าดูชิงถงเหมือนลูกคุณหนูที่อารมณ์ร้าย แต่เธอไม่ได้เป็นคนที่มีจิตใจเลวร้ายเลย!
น้าฉินมองออกว่าคุณเป็นคนสุขุมรอบคอบ แต่ไม่รู้จริงๆว่าคุณเห็นด้วยกับเรื่องนี้ไหม?
ในจิตใจส่วนลึกๆของเธอ เธอไม่ต้องการตัดความสัมพันธ์กับสำนักหยุนเยว่เลย
ถึงแม้ตอนนี้สำนักหยุนเยว่จะตกต่ำลงไปเรื่อยๆ แต่ยังไงสำนักหยุนเยว่ก็เคยเป็นสำนักที่แข็งแกร่งมากๆเหมือนกัน!
หลินหยุนคือลูกหลานของอาหญิงสามที่มาจากโลกมนุษย์ แต่เมื่อเขาถูกส่งตัวมาที่นี่ มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอาหญิงสามให้ความสำคัญกับเด็กหนุ่มคนนี้มากๆ
เรื่องพวกนี้ ตั้งแต่เธอได้รับจดหมายจากอาหญิงสามเยว่ เธอก็รับรู้แล้ว
หลินหยุนรีบพูดทันที เรื่องหาบันทึกคงต้องลำบากน้าฉินแล้ว! สำหรับเรื่องอื่นๆก็ช่างมันเถอะ ฉันไม่คิดเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว!
ฉินเหมยยิ้มอย่างขมขื่น เธอไม่ได้พูดบีบบังคับอีก ก็ได้ แต่พวกคุณก็ต้องคุยกันมากกว่านี้! มาเถอะ พวกเราทานอาหารกันดีกว่า!
หลินหยุนพยักหน้า แต่เขาไม่ได้พูดอะไรอีก
หลังจากทานอาหารเสร็จ ฉินเหมยก็พูดคุยกับหลินหยุนสักพักแล้วเธอก็จากไป
หลินหยุนก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก เขานั่งลงและฝึกฝนทันที
สำหรับเวลาหนึ่งเดือนกว่า เขายังสามารถรอได้
ยิ่งไปกว่านั้น โลกคุนชางมีพลังทิพย์ที่เยอะมากๆ ทำให้เขาสามารถฝึกฝนได้รวดเร็วมากขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินเหมยพาฉินชิงถงมาที่บ้านพักเล็กๆนี้อีกครั้ง
เมื่อเห็นหน้าหลินหยุน ฉินชิงถงก็พูดจาส่งๆ หลินหยุน เรื่องเมื่อวานฉันขอโทษ ฉันทำตัวไม่ดีเอง!
เมื่อเห็นกิริยาท่าทางของฉินชิงถง ทำให้ฉินเหมยจะไม่ค่อยพอใจมากนัก
แต่เธอก็ยังยิ้มและพูดกับหลินหยุนว่า เสี่ยวหยุน ชิงถงรู้ตัวแล้วว่าเมื่อวานเธอทำตัวไม่ดี คุณก็อย่าโกรธเธอเลย!
หลินหยุนส่ายหัวและพูด น้าฉินอย่าพูดแบบนี้เลย! ฉันลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานไปแล้ว!
เพราะการค้นหาบันทึกของหนึ่งเยว่ก็ต้องอาศัยฉินเหมยเท่านั้น
และเขาก็สัมผัสได้ อีกฝ่ายกระตือรือร้นอบอุ่นและเป็นมิตรนั้นก็มาจากใจจริง
ดังนั้น กิริยาและท่าทางของหลินหยุนก็ดีกว่าเมื่อวาน