จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1161 โจรปล้น
ในไม่ช้า ฉินเหมยก็กลับมาแล้ว
มองไปยังหลินหยุนด้วยสีหน้าระรื่นแล้วพูดว่า ได้แล้ว พวกเราสามารถพาอาหญิงน้อยไปด้วยกันได้เลย!
ซิงเฟยได้ยินแล้วก็ทำตาถลนใส่ทันที อะไรนะ? เป็นไปไม่ได้! ตาแก่ไม่มีทางเห็นด้วยอย่างเด็ดขาด!
พูดพลาง
จากนั้นก็รีบหันไปยังคฤหาสน์นั้นแล้วคำรามเสียงดังด้วยความโกรธว่า ตาแก่ แกไม่ตายดีแน่! ฉันจะไม่จบแค่นี้แน่! ฝากไว้ก่อนเถอะ! ถ้าไม่ถอนหงอกแกจนหมดเกลี้ยง ฉันก็จะไม่ชื่อว่าซิงเฟยอีก!
แต่ไม่ว่าจะตะโกนร้องอย่างไร ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลที่เกิดขึ้นตามมาได้
ฉินเหมยพยุงซิงเฟยเดินออกจากคฤหาสน์ แล้วขึ้นรถเมฆไป
มองดูรถเมฆที่ค่อยๆจากไป
ชายชราที่ผมและหนวดขาวโพลนคนหนึ่ง ยืนอยู่ที่สูงของคฤหาสน์หลังนั้น ก็ตื่นเต้นดีใจจนกระโดดโลดเต้นขึ้นมาทันที
ไปแล้ว! ในที่สุดก็ไปแล้ว!
โอ้!
สวรรค์เอ๊ย! พระธรณีเอ็ย!
ในที่สุดยัยตัวแสบคนนี้ก็ถูกพาตัวไปได้เสียที!
เจ้าเด็กคนนั้น ชื่อหลินหยุนใช่ไหม?
ฉันขอขอบคุณบรรพบุรุษแปดชั่วโคตรของแกเลยนะ!
สายตาที่ฝ้าฟางของชายชรา ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ด้วยความตื่นเต้นดีใจอย่างสุดซึ้ง
พวกหลินหยุนทั้งหลายก็เดินออกจากตระกูลซิง แล้วไปจากเมืองเทียนเฟิง มุ่งหน้าไปยังเมืองมี่หยุนทันที
ระหว่างที่รถเมฆเดินทางมาหนึ่งวันเต็มๆ ฉันที่ถูกสกัดกั้นพลังฝึกฝนคนนี้ก็อาละวาดโวยวายตลอดทั้งวัน
เมื่อถึงเวลาใกล้ค่ำในวันนั้น เสียงก็เริ่มแหบแห้งแล้ว ในที่สุดจึงได้สงบเงียบลง
แต่ว่าตัวเธอเองก็ยังไม่หายโกรธ
ดวงตาที่สะสวยคู่นั้น จ้องหน้าฉินเหมยและหลินหยุนอยู่ตลอดเวลา
ด้วยท่าทีที่แทบจะอยากถลกหนังทั้งสองคนออกมาเลยทีเดียว
ฉินเหมยยกแก้วน้ำออกมา แล้วใส่น้ำผึ้งลงไปหนึ่งช้อน ยื่นให้กับซิงเฟยแล้วพูดว่า เหนื่อยหรือยังคะ? งั้นก็ดื่มน้ำซะหน่อย อาหญิงน้อย ท่านว่าท่านทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไรกัน เสียงก็แหบแห้งไปหมดแล้ว!
ดวงตาทั้งคู่ของซิงเฟยแทบจะพ่นไฟออกมา พูดด้วยความโกรธว่า ฉินเหมย แกนังตัวดีนี่ ถึงกับร่วมมือกับชู้รักของแก มาลักพาตัวอาหญิงน้อยของตัวเอง! ฉันไม่ยอมให้เรื่องนี้จบง่ายๆแน่! ฝากไว้ก่อนเถอะ!
ฉินเหมยพูดอย่างจนใจว่า อาหญิงน้อยคะ อย่าโวยวายอีกเลยได้ไหมคะ?
ซิงเฟยพูดเยาะเย้ยว่า ฮื่อ! แกนังตัวดีนี่ ถึงกับกล้าพูดอย่างนี้กับอาหญิงน้อยของแก เวรกรรมจะต้องตามสนองแกอย่างแน่นอน!
ตอนนี้น่าจะจวนถึงเขตแดนของเขาเทียนอินแล้ว!
อย่าหาว่าผู้อาวุโสอย่างฉันไม่บอกแกก่อนเลยนะ!
บนเขาเทียนอินนั้นมีโจรที่มีพละกำลังแข็งแกร่งอยู่สามคน!
พวกเขาทำชั่วสารพัดไม่เว้นเลย!
ปล้นฆ่าชิงทรัพย์พวกนักธุรกิจที่ผ่านเข้ามาโดยเฉพาะ!
ถ้าหากเจอหญิงสาวสวยละก็ ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ!
ยังไงเสียคนอย่างฉันไม่มีอะไร ไม่มีแม้แต่เพื่อนคู่ฝึกฝนด้วย! ต่อให้ถูกโจรทั้งสามคนนั้นจับตัวไปก็ยังพอยอมรับได้!
พูดพลาง ก็มองไปยังฉินเหมยที่อยู่ข้างๆ แล้วหัวเราะเยาะ ฮ่าๆๆ นังตัวดีอย่างแกกลับไม่เหมือนกัน!
ชูรักของแกก็ยังอยู่!
ต่อหน้าชู้รักของแก ถูกผู้ชายคนอื่น แล้วยังจะเป็นพวกโจรโหดร้ายทำ……..
จุ๊ๆ ฉากนั้นเป็นยังไง นึกภาพไม่ออกจริงๆเลย!
เป็นยังไงล่ะ?
กลัวแล้วยัง?
ถ้ากลัวก็ดีแล้ว ถ้ากลัวละก็ งั้นก็ให้เจ้าเด็กนี่คายจุดพลังฝึกฝนของฉันเลย!
ถ้ามีฉันคอยช่วยเหลือละก็ ไม่แน่อาจยังไม่ถึงขั้นที่เกิดเรื่องอะไรก็ได้นะ!
ฉินเหมยอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก อาหญิงน้อย ท่านก็อย่าคิดอะไรเลอะเทอะแบบนี้สิ!
ตอนที่พวกเรามานั้นก็ผ่านเขาเทียนอินนี้เหมือนกัน แต่ที่นี่ก็สงบเงียบดี ไม่เห็นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย!
นี่แค่ผ่านไปแค่วันเดียวเท่านั้นเอง น่าจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรอก
ซิงเฟยพูดเยาะเย้ยว่า ฮื่อ! แกไม่เชื่อก็ช่างเถอะ ถึงเวลาก็อย่าร้องไห้ก็แล้วกัน! แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือนพวกแกล่ะ!
ความจริงฉินเหมยก็ไม่ค่อยกังวลใจมากนัก
เพราะว่าตอนที่ไปเมืองเทียนเฟิง ผ่านมาทางนี้ก็ไม่เห็นมีโจรอะไรปรากฏขึ้นเลย
สงบเงียบมากทีเดียว
นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่นานเท่านั้นเอง เธอจึงไม่กลัวอะไร
ในเวลานี้เอง
หลินหยุนพูดเสียงเบาๆว่า ที่เธอพูดมาไม่ผิดเลย!
ฉินเหมยยังไหวตัวไม่ทัน อึ้งไปสักพักแล้วพูดว่า อะไรไม่ผิดเหรอ?
หลินหยุนพูดว่า ที่นี่มีโจรปล้นจริงๆ อีกอย่างก็มาถึงแล้วด้วย!
พอสิ้นเสียงของหลินหยุน
ทันใดนั้นก็ปรากฏมีกระแสกลิ่นอายที่รุนแรงสามสายพุ่งตรงมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน ก็มีเสียงตะโกนไล่ฆ่าตามมาด้วย
รถเมฆก็หยุดลงโดยอัตโนมัติ
เมื่อแง้มม่านหน้าต่างออก หลินหยุนและฉินเหมยก็เห็นโจรจำนวนหลายร้อยคนมาล้อมรอบรถเมฆเอาไว้แล้ว
ชายวัยกลางคนสามคนก็ลอยตัวลงมาจากกลางอากาศ แล้วเดินเข้ามาใกล้
เมื่อเห็นมีโจรปรากฏตัวขึ้นมา ซิงเฟยไม่เพียงไม่กลัวแต่กลับรู้สึกตื่นเต้นคึกคักอย่างมาก
ฮ่าๆๆๆๆ!
ฉันบอกแล้ว
เมื่อกี้ฉันก็พูดแล้ว
โจรมาจริงๆแล้ว!
ฮ่าๆๆๆๆ!
ไอ้เด็กหลินหยุน แกรีบคายจุดสกัดพลังฝึกฝนของฉันเดี๋ยวนี้เลย!
อาจไม่แน่ว่ายังพอมีโอกาสรอดชีวิตออกไปได้!
ถ้าไม่เช่นนั้นล่ะก็ อีกประเดี๋ยวเกรงว่าตอนแกตายก็ยังไม่รู้ตัวว่าตายยังไงเลย!
แล้วอย่าหาว่าฉันไม่บอกแกก่อน พละกำลังของพวกไอ้โจรทั้งสามคนนี้แข็งแกร่งมากเลยนะ!
เห็นไอ้หมอนั่นที่อยู่ตรงกลางนั้นไหม?
เขาชื่อว่าฝานฉิง พลังฝึกฝนอยู่ในแดนยาทองชั้นหนึ่งอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าเป็นแค่ยาทองขยะที่ไม่เข้าท่าก็ตามที แต่นั่นก็เป็นยอดฝีมือยาทองที่จริงแท้แน่นอนเลยทีเดียว
ยังมีอีกสองคนที่อยู่ข้างกายเขา ทั้งสองข้างเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน คนหนึ่งชื่อว่าปานซิง อีกคนหนึ่งชื่อว่าปานเลี่ย ต่างก็เป็นยอดฝีมือแดนฝึกพลังระยะหลังทั้งนั้น
เป็นยังไงล่ะ?
กลัวล่ะสิ?
ถ้ากลัวก็รีบคายจุดสกัดให้ฉันด่วนเลย!
เสียงของซิงเฟยไม่ได้เบาเลย ดังแว่วเข้าไปในหูของคนทั้งสามนั้นแล้ว
ในขณะเดียวกัน รูปโฉมที่สะสวยระดับงามเมืองของฉินเหมยและซิงเฟยทั้งสองนั้น ก็ได้ตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งสามนั้นเช่นกัน
คนที่เป็นผู้นำที่ชื่อฝานฉิงนั้นก็หัวเราะแล้วพูดขึ้นทันทีว่า คิดไม่ถึงจริงๆเลยว่า ถึงกับยังมีคนรู้จักเราสามคนพี่น้องได้ดีขนาดนี้ด้วย!
อีกทั้งยังเป็นสาวงามรุ่นใหญ่หนึ่งกับรุ่นเล็กอีกหนึ่งด้วย!
ฮ่าๆๆ ดูไปแล้ววันนี้พวกเราพี่น้องโชคดีไม่เบาจริงๆเลย!
เพิ่งจะกลับมาถึง ก็ได้รับผลตอบแทนที่ดีขนาดนี้แล้ว!
ที่แท้ก่อนหน้านั้นที่หลินหยุนและฉินเหมยผ่านมาทางเขาเทียนอินนั้น พวกเขาทั้งสามคนไม่ได้อยู่บนเขานี้
เมื่อสิ้นเสียงของฝานฉิงแล้ว ปานซิงที่อยู่ข้างๆก็พูดว่า พี่ใหญ่ ฉันว่าวันนี้โชคของพวกเรายังดีไม่ถึงสุดเลย!
พวกเราสามคนพี่น้อง!
ในรถนี้ก็มีสามคนเหมือนกัน!
แต่กลับไม่ใช่สาวงามทั้งสามคน ดันมีเจ้าหนุ่มเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง!
ถ้าหากเป็นสาวงามทั้งสามคนละก็ นั่นถึงเรียกว่าพอดีกันเลย! พวกเราสามคนพี่น้องก็จะได้ไปคนละคนไงล่ะ!
ฮ่าๆๆๆๆ!
สายตาของปานซิงและปานเลี่ยทั้งสองคน ที่มองไปยังซิงเฟยและฉินเหมยก็เต็มไปด้วยความเหือดกระหาย
ฝานฉิงได้ยินแล้วก็หัวเราะเสียงดัง แล้วพูดว่า น้องรอง ข้อเรียกร้องของแกก็มากเกินไปแล้วนะ!
หญิงสาวทั้งสองคนต่างก็จัดว่าสวยงามในระดับงามเมืองทั้งนั้น สำหรับพวกเราสามพี่น้องแล้วก็นับว่าเป็นบุญมากแล้วล่ะ!
พูดพลางทั้งสามคนก็หัวเราะเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
หลังจากที่หัวเราะไปสักครู่หนึ่งแล้ว สายตาของฝานฉิงก็มองไปยังหลินหยุน แล้วพูดด้วยเสียงเข้มว่า ไอ้หนู แกคิดจะลงมือต่อสู้กับท่านปู่ทั้งสามดี? หรือจะไสหัวไปให้พ้นเองล่ะ?
เห็นแก่หน้าสาวสวยทั้งสองคนนี้ ท่านปู่ทั้งสามสามารถไว้ชีวิตอันต่ำต้อยของแกได้นะ!
ในขณะที่พวกเขาเพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นนั้น ก็ได้หยั่งรู้หลินหยุนทั้งสามคนแล้ว
ฉินเหมยก็เพิ่งจะเริ่มฝึกฝนในแดนฝึกพลังระยะต้นเท่านั้นเอง
สำหรับพวกเขาแล้ว สามารถมองข้ามไปได้เลย
ส่วนพลังฝึกฝนของซิงเฟยถูกหลินหยุนสกัดกั้นไว้แล้ว จึงไม่สามารถรับรู้ได้เลย นั่นก็คือ หญิงสาวธรรมดาทั่วไป คนหนึ่ง
สำหรับหลินหยุนทางนี้ ถึงแม้ว่าไม่สามารถหยั่งรู้พลังฝึกฝนที่ละเอียดได้ แต่ว่าเจ้าเด็กคนหนึ่งที่อายุเพียงแค่นี้ ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเลย จะแข็งแกร่งไปได้สักเท่าไหร่เชียว?
นี่เป็นอาหารอันโอชะจานหนึ่งเลย!
อาหารที่รอให้พวกเขามาเสวยสุขกัน