จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1181 โดนพูดเกี้ยวแล้ว
ซิงเฟยรีบพูดขึ้นว่า เมื่อคำบัญชาชำระล้างได้ประกาศออกไปแล้ว อย่างมากในช่วงเวลาที่ธูปหนึ่งดอกกำลังไหม้อยู่นั้น บริเวณเหนือศีรษะจะมีคราบเลือดขนาดใหญ่ลอยวนเวียนอยู่ โดยที่ไม่สามารถปกปิดได้เลย!
อีกทั้งคนของสำนักสุริยัน ก็สามารถไล่ติดตามได้ ซึ่งพวกเราจะต้องรีบออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด เพื่อหาที่หลบซ่อนตัว!
รีบไปกันเถอะ!
หลินหยุนพูดขึ้นว่า ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนี้ก็ได้!
ซิงเฟยได้ยินดังนั้นก็ชะงักทันที ทำไมถึงไม่ต้องรีบร้อน?
ฉันว่านายนั้นอยากจะตายจริง ๆ ล่ะสิ?
นายไม่เข้าใจอย่างแท้จริงว่าคำบัญชาชำระล้างนี้มีความน่าสะพรึงกลัวมากขนาดไหน!
รีบไปกับฉันเดี๋ยวนี้ พวกเราจะต้องหลบหนีออกไปจากเมืองสุริยันในทันที!
ขณะที่กำลังเดินทางมาเมืองสุริยัน ซิงเฟยเองก็คิดไม่ถึงว่า ปฏิกิริยาของเมืองสุริยันจะรุนแรงมากขนาดนี้
นึกไม่ถึงว่าแม้แต่คำบัญชาชำระล้างก็ได้ปรากฏขึ้นแล้ว อีกทั้งยังเป็นคำบัญชาชำระล้างที่มีเสียงระฆังดังขึ้นหกครั้งอีกด้วย!
พวกเขาทั้งสองคนก็เทียบได้กับเนื้อเข้าปากเสืออย่างไรอย่างนั้น!
หลินหยุนพูดขึ้นว่า ก็แค่วิธีการไล่ติดตามทางสายเลือดอย่างหนึ่งก็เท่านั้น! สำหรับฉันแล้ว ยังไม่ถือว่าหนักหนาอะไร!
คุณวางใจได้!
พวกเราไปตามหาคนที่ส่งจดหมายต่อกันเถอะ!
ซิงเฟยเหลือบตาขาวทันที และพูดว่า ยังจะตามหาอีกเหรอ? ทางนั้นได้ประกาศคำบัญชาชำระล้างออกมาแล้ว! ตอนนี้จะหาใครก็ไม่มีประโยชน์แล้ว!
แต่ว่า นายแน่ใจนะว่านายสามารถที่จะหยุดควบคุมรอยประทับเลือดได้?
หลินหยุนพยักหน้า และพูดว่า ได้!
ซิงเฟยได้ยินดังนั้น ก็โล่งใจบ้างเล็กน้อย
ในสายตาของเธอนั้นหลินหยุนมีความลึกลับอย่างมากเลยทีเดียว
หยุดพักไปชั่วครู่ ซิงเฟยก็พูดขึ้นว่า ตอนนี้เรื่องการส่งจดหมายไม่ต้องไปพิจารณาถึงมันแล้ว! แต่พวกเราควรที่จะพูดคุยปรึกษากันว่า ตกลงในตอนนี้สำนักสุริยันอยู่ในสถานการณ์ใดกันแน่
ตามฉันมา!
ขณะที่พูด ซิงเฟยก็ก้าวเดินไปข้างหน้า หลินหยุนเดินตามหลัง
หอสุริยัน
ซิงเฟยพาหลินหยุนเดินเข้ามาด้านใน
เมื่อเดินขึ้นมาถึงชั้นสอง ก็เห็นเด็กวัยรุ่นที่แต่งตัวดีจำนวนไม่น้อย กำลังดื่มสังสรรค์ และพูดคุยอะไรกันอยู่
เด็กวัยรุ่นจำนวนแปดเก้าคน น่าจะอายุประมาณยี่สิบปี ในจำนวนนั้นมีหญิงสาวสามคนที่มีหน้าตาที่ไม่เลว
เมื่อซิงเฟยกับหลินหยุนเดินขึ้นมา ก็ดึงดูดสายตาของพวกเขาอย่างกะทันหัน
โดยเฉพาะเด็กหนุ่มกี่คนนั้น เมื่อเห็นซิงเฟย ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นทั้งหมด
ซิงเฟยกับหลินหยุนหาที่นั่งบริเวณใกล้กับหน้าต่างแล้วก็นั่งลง
มีเด็กหนุ่มในชุดจีนสีฟ้าคนหนึ่งได้เดินเข้ามาหาอย่างยิ้มแย้ม
เด็กหนุ่มมองไปที่ซิงเฟย และพูดขึ้นว่า แม่นาง ฉันคือต่งหยู่แห่งตระกูลต่งจากเมืองสุริยัน อยากทราบว่าแม่นางมีนามว่าอะไรเหรอ?
ซิงเฟยเห็นดังนั้น ก็ตกใจและหันมองไปที่ยังหลินหยุนที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็พูดเบา ๆ กับเด็กหนุ่มผู้นั้นว่า ขออภัย ฉันไม่รู้จักคุณ!
ลักษณะท่าทางเหมือนกับสาวน้อยที่ใสซื่อไร้เดียงสาอย่างที่สุด
หลินหยุนเองก็ไม่ได้พูดอะไร และก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้น โดยทำเป็นว่ามองไม่เห็น
ได้ยินซิงเฟยพูดแบบนี้แล้ว เด็กหนุ่มในชุดจีนสีฟ้าก็พลันพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า มันจะเป็นไรไปล่ะ! แม่นาง ที่เขาพูดกันว่าพบกันครั้งแรกรู้สึกแปลกหน้าพบกันครั้งที่สองก็คุ้นเคยกันแล้ว ตอนนี้พวกเราก็รู้จักกันแล้วไม่ใช่เหรอ?
ที่จริงแล้วฉันเองไม่ได้ที่จะต้องการรู้จักกับแม่นาง!
มองเห็นคุณชายที่สวมใส่ชุดคลุมสีเหลืองที่นั่งอยู่ตรงนั้นไหมล่ะ?
นั่นคือคุณชายซ่านจ้านคุณชายแห่งตระกูลซ่านของเมืองสุริยัน!
เห็นว่าแม่นางไม่ใช่คนของเมืองสุริยัน แต่ก็น่าจะทราบว่า ตระกูลซ่านกับสำนักสุริยันมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์อะไรกันล่ะสิ?
ซิงเฟยได้ยินดังนั้นดวงตาสองข้างที่งดงามก็เป็นประกายขึ้น และรีบพูดขึ้นว่า เรื่องนี้ฉันทราบดี คือตระกูลของเจ้าสำนักรองสำนักสุริยัน!
ต่งหยู่ยิ้มและพยักหน้า ถูกต้อง! แม่นางมีความรู้กว้างขวาง!
คุณชายซ่านของพวกเราต้องการที่จะทำความรู้จักกับแม่นาง ขอเชิญคุณไปนั่งพูดคุยด้วยกัน ไม่ทราบว่าคุณมีความเห็นอย่างไรบ้าง?
ซิงเฟยครุ่นคิดชั่วครู่ และก็หันมองไปยังหลินหยุนที่อยู่ด้านข้างอีกครั้ง จากนั้นก็ยังคงส่ายศีรษะและพูดขึ้นว่า ไม่ได้! ไม่ค่อยสะดวก! ต้องขอโทษด้วย!
ซิงเฟยมีท่าทางหวาดกลัว ซึ่งเหมือนจะเกรงกลัวหลินหยุนอยู่บ้าง
ต่งหยู่ดวงตาเป็นประกายขึ้น และก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่หลินหยุน แล้วก็พูดขึ้นอย่างเหยียดหยามว่า แม่นางวางใจได้เลย! มีต่งหยู่ มีคุณชายซ่านอยู่ ไม่มีผู้ใดที่จะมาควบคุมการตัดสินใจของคุณได้!
ขณะที่พูด สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่หลินหยุน พร้อมกับพูดขึ้นว่า ไอ้หนุ่ม นายว่าไหมล่ะ?
หลินหยุนดวงตาเป็นประกายขึ้น และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า ไปซะ!
ต่งหยู่ได้ยินดังนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที!
ในขณะนี้เอง หนุ่มสาววัยรุ่นที่อยู่โต๊ะด้านข้างที่เหมือนจะกำลังพูดคุยกันอยู่ แต่แท้ที่จริงแล้วกำลังจดจ้องสถานการณ์นี้อยู่ตลอดนั้น ต่างก็พากันตกใจขึ้นทั้งหมด
จากนั้นความโกรธแค้นก็พลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแต่ละคน
ต่งหยู่พูดขึ้นด้วยความโมโหว่า ไอ้หนุ่ม! นายอยากตายนักหรือไง ถ้างั้นฉันก็จะให้ในสิ่งที่นายต้องการเอง!
ขณะที่พูดก็เตรียมที่จะลงมือทำร้ายหลินหยุน
ในขณะนี้เอง
ซ่านจ้านเด็กหนุ่มในชุดคลุมสีเหลืองที่นั่งอยู่โต๊ะอีกตัวนั้นก็พลันพูดขัดขวางขึ้นว่า เสี่ยวหยู่! ห้ามลงมือเด็ดขาด!
ขณะที่พูดก็ได้ลุกยืนขึ้น
ต่งหยู่หันหลังกลับไปพูดอย่างโมโหว่า คุณชายจ้าน ไอ้หนุ่มนี้พูดขับไล่ฉัน ท่านเองก็ได้ยินแล้ว! ถ้าหากวันนี้ไม่สั่งสอนเขาเสียบ้าง ฉันก็คงไม่ใช่ต่งหยู่แล้ว!
ซ่านจ้านพูดขึ้นเบา ๆ ว่า อย่าได้ใจร้อน!
ขณะที่พูดก็ได้เดินเข้ามาและมองไปที่ซิงเฟยพร้อมกับพูดขึ้นว่า แม่นาง ฉันคือซ่านเต้า ไม่ทราบว่าคุณกับคนผู้นี้มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์อะไรกัน?
ซิงเฟยได้ยินดังนั้น ก็รีบพูดขึ้นว่า ฉัน……
พูดเพียงแค่คำว่าฉัน ก็รีบก้มหน้าลง โดยแทบจะร้องไห้ออกมาเหมือนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
ชะงักไปครู่หนึ่ง ก็รวบรวมความกล้าหาญและพูดขึ้นว่า ฉันชื่อซิงเฟย เขาคือว่าที่สามีของฉัน! แต่ฉันไม่ชอบเขา คนในตระกูลของฉันบังคับให้ฉันแต่งงานกับเขา! ฉันเองก็หมดหนทาง!
ฮือฮือฮือ……
ซิงเฟยกระพริบดวงตาสองข้างที่ใหญ่และสดใส และบีบน้ำตาออกมาบ้างเล็กน้อย
ซ่านเต้าสีหน้าหม่นหมองลงทันที โดยที่สายตาจ้องมองไปยังหลินหยุน
ไอ้หนุ่ม คุณซิงเฟยที่เป็นดั่งเทพธิดา นายไม่มีสิทธิ์ที่จะมาครอบครองได้!
บนมือของเขามีแสงประกายแวบขึ้น ทันใดนั้นขวดหยกสีขาวก็ปรากฏขึ้นมา
ดีดออกไปเบา ๆ ตกลงมาอยู่ที่เบื้องหน้าของหลินหยุน
นี่คือน้ำชี่ทิพย์จำนวนน้าร้อยหยด!
นายสามารถนำมันไปได้!
นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป คุณซิงเฟย ไม่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์อะไรกับนายอีกต่อไปแล้ว!
หากนายยังไม่ยินยอม ฉันจะไปที่ตระกูลของนายด้วยตัวเอง เพื่อพูดคุยเรื่องนี้กับผู้อาวุโสในตระกูลของนาย!
ฉันขอเตือนนายนะว่า อย่าได้หาเหาใส่หัวตัวเองอีกเลย!
หลินหยุนมองไปที่ซ่านเต้าด้วยดวงตาที่เป็นประกาย และพูดอย่างเย็นชาขึ้นอีกครั้งว่า ไปซะ!
เมื่อพูดคำว่า ไปซะ ออกมา ทันใดนั้นพวกวัยรุ่นทุกคนต่างก็พากันโมโหขึ้นทั้งหมด
ต่งหยู่ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า ไอ้หนุ่ม ฉันว่านายไม่คิดที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว! แม้แต่คุณชายจ้านก็ยังกล้าที่จะดุด่า!
ในเมื่อนายคิดอยากจะตาย อย่างนั้นก็อย่าได้มากล่าวโทษอะไรฉัน!
ดวงตาเปล่งประกายความโหดเหี้ยม พร้อมกับชกหมัดที่รุนแรงเข้าใส่หลินหยุนในทันที
หลินหยุนนั่งอยู่บนเก้าอี้ โดยที่ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลย
ชี่ทิพย์ป้องกันกายได้ปะทุขึ้น ทำให้ต่งหยู่นั้นกระเด็นกระดอนกลับออกไปไกล กระแทกลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง พร้อมกับตะโกนร้องโอดครวญอย่างทรมาน
เห็นเหตุการณ์นี้แล้ว ทุกคนต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากในทันที
สายตาที่จ้องมองมาที่หลินหยุนก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน
คนผู้นี้……ทรงพลังอย่างมาก!
วิชาการบำเพ็ญของต่งหยู่นั้น พวกเขารับรู้และเข้าใจกันเป็นอย่างดี!
อย่างน้อยวิชาการบำเพ็ญก็อยู่ในแดนฝึกพลังระยะกลาง!
ทุกคนในจำนวนนี้หากจะสามารถใช้ชี่ทิพย์ป้องกันกายแล้วทำให้ต่งหยู่กระเด็นกลับออกมาได้นั้น คงจะมีแค่ไม่เกินสามคน
ก็มีซ่านเต้าที่สามารถทำเช่นนี้ได้โดยง่าย
เพราะมีเพียงซ่านเต้าคนเดียว ที่เป็นยอดฝีมือแดนฝึกพลังระยะหลังที่แท้จริง!
มีคนเข้าไปประคองต่งหยู่ขึ้นมา โดยซ่านเต้าหันหลังกลับไปมองเล็กน้อย เห็นว่าต่งหยู่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก สายตาที่หม่นหมองก็จดจ้องไปที่ตัวของหลินหยุนอีกครั้ง