จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1202 ฉันก็ต้องการสิ่งของจากนายเช่นกัน
ซิงเฟยหันหน้ามองไปที่ประตูในทันที
มองเห็นเซียวเหย่ยืนอยู่ที่ตรงนั้น ในท่าทางที่ยังคงยิ้มหัวเราะอยู่
ซิงเฟยพลันหัวเราะเยาะขึ้น และพูดว่า ทายไม่ผิดเลยว่านายนั้นคงจะไม่ใช่คนดีอะไรเป็นแน่! คงรออยู่ตลอดเลยล่ะสิ?
เซียวเหย่หัวเราะเหอะเหอะแล้วพูดว่า สาวน้อย แม้แต่เธอเองก็ยังไม่กล้าเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาเลย ก็คงจะไม่ใช่คนดีอะไรเช่นกันล่ะสิ? อย่าได้ตื่นเต้นไป สมบัติทั่วฟ้าดินนั้น นับตั้งแต่อดีตผู้ที่มีวาสนาเท่านั้นถึงจะได้เป็นผู้ครอบครอง!
ในเมื่อคุณสองคนเกี่ยงกันไปเกียงกันมา ก็แสดงว่าพวกคุณไม่มีวาสนากับสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้!
อย่างนั้นทำไมไม่มอบให้กับฉันล่ะ มันไม่ดีกว่าเหรอไง?
ซิงเฟยโกรธมากจนถึงกับหัวเราะ และได้ประฌามขึ้นว่า ฉันเองเคยเห็นคนที่หน้าด้านมาก่อน แต่กลับไม่เคยเห็นใครที่หน้าด้านมากขนาดนี้มาก่อนเลย! หนังหน้าของนายนั้น คงจะมีความหนาที่มากกว่ากำแพงเมืองของเมืองมี่หยุนเสียอีก!
เซียวเหย่เองก็ไม่ได้โกรธ มือถือพัด และพูดขึ้นว่า สาวน้อย ทำไมจะต้องพูดจาเหน็บแนมกันขนาดนี้ด้วย? ระวังจะไม่ได้แต่งงานล่ะ! นอกจากนี้ พลังบำเพ็ญของเธอก็ต่ำต้อย ยังไม่มีสิทธิที่จะพูดจาอะไรที่นี่ด้วย!
ขณะที่พูด คู่ดวงตาทรงสามเหลี่ยมของเขาก็ได้จ้องมองไปที่หลินหยุน สหาย ก่อนหน้านี้ที่นายลงมือนั้น ฉันเองก็เคยเห็นมาบ้างแล้ว น่าจะมีพลังการต่อสู้ขั้นยาทองระดับสาม!
นายกับฉันต่างก็เป็นยาทองระดับสาม แต่ฉันใกล้ที่จะเข้าสู่ขั้นยาทองระดับสี่แล้ว!
ต่อให้นายต่อสู้กับฉัน ผลลัพธ์ที่ออกมาก็เห็นกันชัดเจนอยู่แล้ว!
สหายถ้าเป็นแบบนี้นำสมบัติชิ้นนี้มอบให้กับฉันเลย จะว่าอย่างไร?
หลินหยุนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย สายตาจ้องมองไปที่ตัวของเซียวเหย่ และพูดขึ้นว่า นายต้องการหญ้าสลัวแห่งความตายของฉันเหรอ?
เซียวเหย่พยักหน้าและพูดว่า แน่นอน สมบัติล้ำค่าขนาดนี้ นายไม่สมควรที่จะได้ครอบครองมัน! สหาย อย่าได้สำคัญตัวเองผิดไปหน่อยเลย!
หลินหยุนพยักหน้า และพูดขึ้นว่า อย่างนั้นฉันก็ต้องการสิ่งของชิ้นหนึ่งจากนายเช่นกัน!
เซียวเหย่ตกใจ จากนั้นก็ตั้งสติขึ้นมาได้ นึกว่าหลินหยุนคิดที่จะทำการแลกเปลี่ยนอะไรกับเขา
ขณะนั้นก็ได้หัวเราะขึ้น และในมือก็เกิดแสงกระพริบ ถุงผ้าใบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนมือของเขา
เซียวเหย่พูดขึ้นว่า สหายหากคิดจะทำการแลกเปลี่ยนสิ่งของ เกรงว่าคงจะไม่ได้ ในตัวของฉันไม่มีสมบัติล้ำค่าอะไรเลย แต่ พอจะมีน้ำชี่ทิพย์อยู่บ้าง!
นี่คือน้ำชี่ทิพย์หนึ่งร้อยหยด ถือว่าฉันซื้อหญ้าสลัวแห่งความตายสามต้นนี้ของสหายแล้วกัน!
ซิงเฟยโมโหอย่างที่สุด นี่คือการซื้อที่ไหนกันล่ะ เป็นการแย่งชิงกันชัด ๆ!
ยังจะทำมาเป็นให้น้ำชี่ทิพย์หนึ่งร้อยหยดอีก!
สมบัติล้ำค่าที่ใช้ในการกลั่นยาทองระดับดิน น้ำชี่ทิพย์หนึ่งร้อยหยดสามารถซื้อได้ด้วยเหรอ?
หากว่าเป็นน้ำชี่ทิพย์หนึ่งล้านหยดก็ยังพอได้!
แน่นอนว่า น้ำชี่ทิพย์หนึ่งล้านหยดก็คือว่าเกินไปหน่อย
แต่ปัญหาก็คือ ต่อให้คุณมีน้ำชี่ทิพย์จำนวนมากขนาดนี้ แต่ก็จะต้องมีคนขายให้คุณด้วย!
ใครจะโง่เขลาถึงขนาดยอมขายสมบัติล้ำค่าแบบนี้ด้วยล่ะ?
ใบหน้าของหลินหยุนกลับมองไม่ออกเลยว่ามีความโกรธแค้นอะไร ยังคงสงบนิ่งอย่างมาก
และก็ไม่ได้ยื่นมือออกไปรับน้ำชี่ทิพย์ของเซียวเหย่ด้วย
เห็นแค่หลินหยุนส่ายศีรษะเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นเบา ๆ ว่า ฉันไม่ต้องการสมบัติล้ำค่าของนาย และก็ไม่ต้องการน้ำชี่ทิพย์!
เรื่องนี้ทำให้เซียวเหย่แปลกใจขึ้นบ้างแล้ว เขายิ้ม และพูดขึ้นว่า แล้วสหายต้องการอะไรล่ะ?
หลินหยุนพูดขึ้นว่า ง่ายมาก สิ่งที่ฉันต้องการ ก็คือศีรษะของนาย
ขณะที่พูด หลินหยุนก็ลงมือทันที กวัดแกว่งท่อนแขน นิ้วทั้งห้าแยกออกจากกัน
พลังที่มองไม่เห็น พัดโหมออกไปในพริบตา
ทันใดนั้น เซียวเหย่ก็ตื่นตระหนกและหวาดกลัวขึ้นอย่างที่สุด และรีบคิดที่จะถอยหลัง
แต่เวลานี้กลับไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้เลยแม้แต่น้อย
ร่างกายราวกับเป็นรูปปั้น ถูกพลังที่มองไม่เห็นของหลินหยุนสะกดควบคุมเอาไว้อยู่กับที่
จิตใจของเซี่ยวเหย่ราวกับเกิดคลื่นยักษ์โหมซัดสาดใส่อย่างรุนแรง มองไปที่หลินหยุน ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความน่าเหลือเชื่ออย่างที่สุด
ที่เขากล้าปรากฏตัวออกมา กล้าที่จะมาแย่งชิงหญ้าสลัวแห่งความตายอย่างเปิดเผยนั้น
เหตุผลสำคัญเพราะ ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นหลินหยุนต่อสู้กับผางเห้อด้วยตาของตนเองแล้ว
เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่า ผางเห้อเป็นปรมาจารย์ค่ายกล วิชาบำเพ็ญของเขาเกินกว่าครึ่งนั้น ล้วนเกี่ยวกับค่ายกลทั้งหมด
ดังนั้นผางเห้อที่อยู่ในขั้นยาทองระดับสี่ ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนยอมรับนับถือมากเท่าไร
ถ้าหากไม่ใช่ว่าค่ายกลของเขายากที่จะหลุดพ้นออกมาจริง ๆ แล้ว เกรงว่าเขานั้นคงจะตายไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
อีกทั้งหมัดของหลินหยุนที่ทรงพลัง อย่างมากก็ใกล้เคียงกับขั้นยาทองระดับสามเท่านั้น
ดังนั้น เขาจึงมั่นใจอย่างมากว่าตนเองมีความได้เปรียบอย่างที่สุด
โดยที่จะไม่ให้โอกาสใด ๆ กับหลินหยุนและซิงเฟยเลย
แต่ที่คาดคิดไม่ถึงอย่างมากก็คือ คนที่ไม่มีโอกาสจริง ๆ นั้น ไม่ใช่คู่ต่อสู้ แต่กลับกลายเป็นตนเอง
เซียวเหย่จ้องมองด้วยความโกรธแค้น และตะโกนขึ้นด้วยความตื่นตระหนก เป็นไปไม่ได้! นาย……ทำไมนายถึงแข็งแกร่งมากขนาดนี้! ตกลงว่านายเป็นใครกันแน่?
พลังที่มองไม่เห็น ได้ปกคลุมห่อหุ้มตัวของเขาเอาไว้โดยสิ้นเชิง
กร็อกแกร็ก—-
ตุบ—-
หลินหยุนรวบนิ้วมือ เปลี่ยนจากฝ่ามือเป็นหมัด พลังที่มองไม่เห็นนั้นก็ถูกควบคุมเอาไว้
ร่างของเซียวเหย่ถูกบดขยี้ และยาทองก็ปะทุขึ้น แต่ก็ถูกบดขยี้จนแหลกละเอียดไปด้วยเช่นกัน
จากนั้น ถุงเก็บของใบหนึ่งก็ตกลงมาบนพื้น
ซิงเฟยรีบเข้าไปเก็บถุงเก็บของของเซียวเหย่ไว้ในทันที และพูดขึ้นอย่างโหดเหี้ยมว่า ช่างไม่รู้จักความเป็นความตายเสียจริง! กล้าที่จะมาแย่งชิงสมบัติล้ำค่าของพวกเรา!
ขณะที่พูด ก็มองไปที่หลินหยุนและพูดอย่างระบายอารมณ์ว่า ลงมือฆ่าได้เยี่ยม! ช่างสะใจเสียจริง! คนแบบนี้สมควรถูกฆ่าอยู่แล้ว!
หลินหยุนพยักหน้าและพูดขึ้นว่า ดูสิว่าในถุงเก็บของของเขานั้นมีอะไรบ้าง ถ้าหากไร้ประโยชน์ก็โยนทิ้งไปเถอะ!
ซิงเฟยได้ยินดังนั้นก็รีบใช้ดวงจิตตรวจสอบภายในถุงเก็บของนั้น
เพราะว่าเซียวเหย่ได้เสียชีวิตลงแล้ว ดวงจิตที่เดิมทีอยู่กับถุงเก็บของนั้นก็หมดประสิทธิภาพลงแล้ว จึงทำให้เปิดถุงออกได้อย่างง่ายดาย
จากนั้น สิ่งของแต่ละอย่างก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของพวกเขาทั้งสองคน
นอกจากน้ำชี่ทิพย์หลายร้อยหยดแล้ว ยังมีโอสถคุณภาพต่ำอยู่บ้างเล็กน้อย
นอกเหนือจากนี้ ยังมีเครื่องรางหนึ่งเล่ม แต่คุณภาพก็ไม่สูงนัก
ไม่ต้องพูดถึงหลินหยุนหรอก แม้แต่ซิงเฟยเองก็ไม่สนใจ
ซิงเฟยเบะปากทำท่าทางไม่สบอารมณ์ และพูดว่า คนยากจนข้นแค้นอย่างนี้ ตายไปแล้วก็ยังไร้ประโยชน์อีก!
แต่ถึงอย่างไรก็ยังถือว่ามีคุณค่าอยู่บ้าง ซิงเฟยจึงได้เก็บสิ่งเหล่านั้นขึ้น
จากนั้นก็หันมองไปที่หลินหยุนและพูดขึ้นว่า พวกเรารีบขึ้นไปบนยอดเขากันต่อเถอะ! ไม่แน่ว่าตอนนี้พวกสิ่งของล้ำค่านั้นอาจจะถูกคนอื่นที่ถึงก่อนจับจองกันไปหมดแล้ว!
หลินหยุนไม่ได้ปฏิเสธ
บริเวณด้านนอกนี้ ก็ไม่มีสถานที่ใดที่มีสมบัติล้ำค่าอะไรอีกแล้วจริง ๆ
ขณะนี้เขากับซิงเฟยก็ได้มุ่งหน้าขึ้นสู่ยอดเขากันต่อ
ทางเดินขึ้นภูเขามีบันไดหิน ล้อมรอบด้วยพืชพรรณเขียวชอุ่ม
เดิมทีซิงเฟยคิดที่จะกระโดดลอยตัวขึ้นไป แต่ถูกหลินหยุนขัดขวางเอาไว้ ทั้งสองคนจึงได้ค่อย ๆ เดินทีละก้าวตามขั้นบันไดหินนี้ขึ้นไป
ซิงเฟยเดินตามอยู่ด้านหลัง และพูดบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า ไม่รู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่!
คนอื่นต่างก็เหาะเหินไปมา นอกจากก่อนหน้านี้มีคนหนึ่งที่ประสบกับอุบัติเหตุ แต่คนอื่นก็เหมือนว่าจะไม่เห็นเป็นอะไรเลย
หลินหยุนพูดขึ้นว่า ฉันรู้สึกว่าที่นี่มีอันตรายอยู่มากมาย แต่ไม่รู้ว่าอันตรายนั้นอยู่ที่ตรงไหนกันแน่! ดังนั้นควรระมัดระวังตัวไว้หน่อยจะดีกว่า!
สามารถทำให้เขารู้สึกได้ถึงอันตราย นั่นก็แสดงว่าไมใช่อันตรายที่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ได้ยินหลินหยุนพูดขึ้นแบบนี้ ซิงเฟยเองก็เห็นด้วย
ทั้งสองคนเดินขึ้นไปตามขั้นบันไดหิน ไม่นานก็มาถึงบริเวณตำแหน่งที่ใกล้กับยอดเขาแล้ว
พื้นที่บนยอดเขาก็ถือว่าไม่เล็ก เส้นทางที่เดินตามขั้นบันไดหินขึ้นมานั้น ก็ได้พบเห็นประตูสำนักที่พังทลายลงบานหนึ่ง
บริเวณโดยรอบกองหินที่แตกละเอียด ก็ไม่เห็นว่าจะมีสิ่งของประเภทป้ายชื่อใด ๆ เลย
ทั่วทั้งบริเวณยอดเขา เมื่อพิจารณาจากสิ่งก่อสร้างไม่กี่หลังที่ยังไม่พังทลาย
สามารถแสดงให้เห็นว่าสำนักแห่งนี้คงไม่ธรรมดาเป็นแน่
โดยบริเวณตำแหน่งตรงกลางของพื้นที่นั้น ก็ยังมีเสาหินที่แข็งแรงและสูงกว่าสิบเมตรตั้งตระหง่านอยู่ด้วย