จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 122 เจี่ยงสงโชคร้ายแล้ว
บทที่ 122 เจี่ยงสงโชคร้ายแล้ว
เมื่อได้เห็นท่าทางเย่อหยิ่งของคุณฉี เจี่ยงสงก็ทำได้แค่ยิ้มไปกับเขาเท่านั้น เพราะต่อจากตอนนี้ไป เขาจำเป็นจะต้องฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่คุณฉีแล้ว
แต่ผลประโยชน์ในการประลองยุทธครั้งนี้ มันมากเหลือเกินจริงๆ ยังไงก็จำเป็นต้องทำให้ถึงขั้นไร้ข้อผิดพลาดให้จงได้
อารมณ์ตอนนี้ของเจี่ยงสง สามารถตีความได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยบทเพลงบทหนึ่งที่ชื่อว่า《Coming Back Soon》
“คุณหลิน! คุณรีบกลับมาเร็วๆเข้าเถอะ!” เจี่ยงสงแอบอธิษฐานในใจเงียบ ๆ
ในเวลานั้น ในโซนที่นั่งชมด้านหลังแถวที่แปด ชายซึ่งสวมสร้อยทองเส้นใหญ่ที่คอ อายุอานามน่าจะราวๆห้าสิบ ก็ชี้ไปที่อัฒจันทร์ของผู้ทรงอิทธิพลทั้งสี่ซึ่งอยู่ด้านหน้า พูดด้วยสีหน้าและแววตาที่เลื่อมใสว่า
“เห็นหรือยัง ผู้ชายที่มีเคราเต็มหน้าคนนั้นแหล่ะ คือเจี่ยงสง ขาใหญ่ของหลินโจวล่ะ ”
ชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่งที่อยู่ถัดไป คือคู่พี่น้องเฉินฟาง
คนที่พูดแนะนำให้ทั้งสองคนได้รู้จัก คือพ่อของพวกเขา เฉินต้าเจียง
“นอกจากนี้ ยังมีผู้ชายที่กำลังหมุนวอลนัทสองลูกเล่นในมือนั่นอีกคน เขาคือขาใหญ่แห่งเมืองเหมียนหยาง เจิ้งเทียนหว้า”
พวกเฉินหมิงวั่งทั้งสอง ไม่ได้มองไปที่เจิ้งเทียนหว้า แต่มองไปที่สาวสวยชุดขาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เจิ้งเทียนหว้าแทน
“พี่ชาย นั่นเจิ้งหงยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“เป็นเธอจริง ๆ นั่นแหล่ะ! ช่างโดดเด่นเหนือใครจริงๆ! ให้ความรู้สึกเหมือนนกกระเรียนที่ยืนอยู่ในฝูงไก่เลยเนอะ!” แววตาของเฉินหมิงวั่งลุกเป็นประกายเจิดจ้า แต่เขาก็รู้ดีว่าชั่วชีวิตนี้เขาไม่มีหวังจะเอื้อมไปถึงเธอได้แน่
ตระกูลเฉินนับเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยระดับมหาเศรษฐี แม้ว่าจะทำธุรกิจได้ไม่เลว แต่ก็ยังห่างชั้นจากผู้ทรงอิทธิพลตัวจริง ชนิดที่เรียกได้ว่าห่างกันไกลราวฟ้ากับดิน
ตลอดชีวิตนี้ เจิ้งหงยู่ไม่มีวันเห็นเขาในสายตาได้
ที่นั่งในสนามประลองยุทธ ก็มีความพิถีพิถันมากเช่นกัน
พูดแบบเปิดเผยเลยก็คือ ใครก็ตามที่ทรงอำนาจและสถานะสูง คนนั้นก็จะได้นั่งอยู่ในแถวหน้า
ที่นั่งของตระกูลเฉินอยู่แถวที่แปด เช่นเดียวกับหลี่เมิ่งที่เล่นพนันกับเฉินหมิงวั่งไปเมื่อวาน ที่นั่งของพวกเขาอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในแถวที่ห้า
แน่นอนว่า ที่ด้านหลังยังมีอันดับที่เก้า ที่สิบไปจนถึงที่ยี่สิบเลยด้วยซ้ำ
หลังจากขาใหญ่ทั้งสี่มาถึง คนสวมหน้ากากและเสื้อคลุมแบบยาวหลายคน ก็ก้าวขึ้นไปบนสังเวียน
อันดับแรก คือการทำพิธีสักการะในท่วงท่าพ่นฟ้าพ่นดินพ่นอากาศ ตามด้วยการพูดอะไรอีกมากมายหลายอย่างที่ฟังไม่รู้เรื่อง จากนั้นคือการดื่มเหล้าสาบานผสมเลือด ต่อด้วยการจุดธูป หลังจากผ่านพ้นพิธีการอันวุ่นวายซับซ้อนไป ในที่สุด การประลองก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเสียที
ขาใหญ่แห่งเมืองเหมียนหยาง เจิ้งเทียนหว้าเป็นคนแรกที่เอ่ยปากพูด เขากับเจี่ยงสงเป็นคู่ปรับเก่าแก่กันมานานแล้ว
อีกทั้งคราวนี้เป็นข้อพิพาทที่ใหญ่ที่สุดของทั้งสองคน ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มากที่สุดอีกด้วย
“ท่านเจี่ยง ดูเหมือนคุณจะแย่งอำเภอจินซานไปจากมือผมราว ๆ สามปีได้แล้วสินะ วันนี้ถึงเวลาที่ควรจะคืนมาให้ผมได้แล้วล่ะมั๊ง?”
อำเภอจินซานเป็นเพียงอำเภอเล็ก ๆ แต่มีภูเขาอยู่มากมาย การที่มีภูเขาหลายลูก ไม่ได้ทำให้ทั้งสองแก่งแย่งแข่งขันกันได้ แต่เป็นเพราะสายแร่มากมายในภูเขาต่างหาก
นักธุรกิจจำนวนมาก พากันเดินทางมาที่อำเภอจินซานเพื่อขุดเหมือง ขับเคลื่อนให้เกิดชุดโรงงานที่ซัพพอร์ตการสร้างอุปกรณ์สายหลักสายหนึ่งขึ้นมา
ในที่สุด ก็กลายเป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางกลุ่มหนึ่ง
จากนั้นอำเภอจินซาน ก็กลายเป็นชิ้นเนื้ออันแสนอุดมสมบูรณ์ ที่ทั้งเจี่ยงสงและเจิ้งเทียนหว้าอยากจะกัดให้แน่นชนิดไม่ยอมปล่อย
นับตั้งแต่อำเภอจินซานกลายเป็นเค้กก้อนโต การต่อสู้ของเจี่ยงสงกับเจิ้งเทียนหว้า ก็ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่เคยว่างเว้นอีกเลย
แต่เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เจี่ยงสงเป็นฝ่ายที่เอาชนะได้มาโดยตลอด ดังนั้นอำเภอจินซานจึงอยู่ภายใต้เงื้อมมือของเจี่ยงสงเสมอมา
จนถึงตอนนี้ อำเภอจินซานนั้น ถือได้ว่าเป็นแหล่งรายได้หนึ่งในสามของเจี่ยงสงไปแล้ว
ดังนั้น เจี่ยงสงจึงไม่อาจยอมเสียมันไปได้อย่างเด็ดขาด
เจี่ยงสงคร้านจะพูดเรื่องไร้สาระกับเจิ้งเทียนหว้า แค่พูดออกไปตรงๆว่า “เจิ้งเทียนหว้า หยุดพูดเรื่องไร้สาระเถอะน่า ถ้าแกชนะ อำเภอจินซานจะเป็นกรรมสิทธิ์ของแก”
“ดี!” เจิ้งเทียนหว้าหันหน้าไป แล้วมองชายวัยกลางคนในชุดกังฟูสีดำที่อยู่ข้างๆเขา
“คุณหลี คราวนี้ต้องพึ่งคุณแล้วนะ!”
“ท่านเจิ้งโปรดวางใจได้” คุณหลีกระโดดขึ้นไปข้างหน้า แล้วร่อนลงบนขอบสังเวียนอย่างราบรื่น งามสง่าราวกับห่านป่าสยายปีกเหินบิน
เจี่ยงสงมองไปที่คุณฉี เอ่ยถามขึ้นว่า “คุณฉี คุณแน่ใจว่าจะสู้ชนะเขาได้ไหม?”
คุณฉีสีหน้าเย่อหยิ่งไม่เปลี่ยน “คุณเจี่ยงวางใจเถอะ ต่อให้ใช้การไม่ได้ยังไง ก็ยังแข็งแกร่งกว่าไอ้เด็กที่ผมไฟเพิ่งงอกที่คุณเชิญมาคนนั้นแน่นอน!”
พูดจบ คุณฉีก็กระโดดไปข้างหน้า ท่วงท่าปราดเปรียวแผ่วเบาเหมือนแมว เหินทะยานขึ้นไปบนสังเวียนอย่างรวดเร็ว
“เชิญ!” คุณฉีประสานหมัดแน่นแสดงความเคารพ
“เชิญ!” คุณหลีก็ประสานหมัดแน่นเป็นการตอบรับ
ทั้งสองไม่รีบร้อนลงมือ แต่คุมเชิงจ้องหน้ากันเพื่อหาจุดอ่อนของอีกฝ่าย
การประมือของเหล่ายอดฝีมือนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้อผิดพลาดที่เล็กน้อยเพียงใดก็ตาม มันสามารถกลายเป็นอันตรายที่ร้ายแรงมาก เมื่อมาอยู่ต่อหน้าคู่ต่อสู้
แต่แล้วในหนึ่งนาทีต่อมา คุณหลีก็อดรนทนไม่ไหว เป็นฝ่ายชิงลงมือก่อน
พลังของคุณฉี ไต่ระดับมาถึงขั้นผู้มีพรสวรรค์ที่ฝึกฝนจนเพิ่มพูนระดับหนึ่ง ขณะที่ออกหมัดจึงเกิดแรงลมสายหนึ่ง ส่งออกมาพร้อมกับแรงเหวี่ยงหมัด
ตูม!
ทั้งสองเผชิญหน้ากันแบบแข็งปะทะแข็ง คุณฉีถูกกระแทกจนเซถอยหลังไปสองสามก้าว ในขณะที่คุณหลีถอยหลังไปเพียงก้าวเดียว
เจี่ยงสงพลันรู้สึกเย็นวาบในหัวใจทันที “คราวนี้แย่แน่แล้ว!”
เจิ้งเทียนหว้ารู้สึกลำพองใจไม่น้อย สีหน้าแสดงออกมาเหมือนกับว่า ตัวเองได้รับชัยชนะมาไว้ในกำมือแล้วอย่างไรอย่างนั้น
คุณฉียังไม่ยอมถอย เผยสีหน้าระมัดระวังหลายส่วน เขายังมีไม้ตายก้นหีบที่ยังไม่ได้เอาออกมาใช้ ในเมื่อยังรบไม่จบก็อย่าเพิ่งนับศพทหาร ยังไม่รู้แน่ชัดหรอกว่าชัยชนะจะตกอยู่ในมือใคร!
ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนชั้นเชิงกันไปมา ต่อสู้กันมากกว่าสิบกระบวนท่า ผู้ชมทั้งหลายต่างรู้สึกคล้ายเสพยาเข้าไปจนอารมณ์พุ่งขึ้นถึงขีดสุด การต่อสู้ระหว่างนักบู๊ผู้มีพรสวรรค์ตั้งแต่กำเนิด ช่างเหมือนการต่อสู้ในหนังบู๊ ที่สู้กันด้วยกำลังภายในจริงๆ
แต่อย่างไรก็ตาม หนังบู๊ก็ยังห่างไกลจากความน่าตะลึง จากบรรยากาศการต่อสู้ที่แท้จริงอันชวนสะท้านสะเทือนเช่นนี้อยู่ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระยะที่สามารถเห็นได้ใกล้มากขนาดนี้อีกด้วย
หลังจากผ่านไม่นาน ความแข็งแกร่งที่ต่างชั้นกันระหว่างทั้งสองก็ปรากฏออกมาให้เห็น คุณฉีค่อย ๆ ถอยร่นลงไปเรื่อย ๆ แล้ว
“ไม่ได้การ ต้องใช้ท่าไม้ตายแล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องแพ้อยู่ตรงนี้เป็นแน่!”
คุณฉีอาศัยพลังโจมตีของคุณหลี เหินบินถอยกลับไปข้างหลังแบบกะทันหัน จากนั้นจึงรวบรวมพลังจากทั่วร่าง ส่งเสียงตะโกนขึ้นว่า “หมัดทะลาย!”
ข้อต่อทั่วร่างของคุณฉีเกิดเสียงปริแตกดังขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้ดวงตาของผู้ชมทุกคู่เบิกกว้างด้วยความตกตะลึงกันไปหมด
สีหน้าของคุณหลียังคงไม่เปลี่ยน แต่มือเขากลับเตรียมพร้อม ไม่กล้าชักช้าแม้แต่น้อย เขาก้าวถอยหลังไปสามก้าวอย่างกะทันหัน มือทั้งสองกางออกแล้ววาดปิด หงายไพ่ใบสุดท้ายของตัวเองออกมาเช่นกัน
“ ฝ่ามือผ่าภูเขา!”
หมัดทั้งสองเข้าปะทะกันอีกครั้ง คุณหลีถูกกระแทกจนถอยหลังไปหลายก้าว แต่ทางคุณฉีกลับถูกต่อยจนกระเด็นออกไปตรงๆ ปลิวไปร่วงลงบนขอบเวที แล้วกระอักเลือดออกมาจนกบปาก
กรรมการผู้ตัดสินรีบวิ่งเข้าไปถามอาการของคุณฉี แต่คุณฉีแค่ยกมือขึ้นสูง แล้วพูดออกมาว่า “ฉันขอยอมแพ้!”
คุณหลีเอามือทั้งสองประสานกันแล้วยกขึ้นในระดับหน้าอก พูดขึ้นว่า “ขอน้อมรับไว้แล้ว!”
กรรมการผู้ตัดสินจึงประกาศผลว่า เจิ้งเทียนหว้าเป็นฝ่ายชนะ
เจิ้งเทียนหว้าหัวเราะร่าอย่างมีชัย “ฮ่าๆๆ ท่านเจี่ยง ทางนี้เองก็ขอน้อมรับไว้ล่ะนะ!”
สีหน้าเจี่ยงสงมืดมนสุดขีด พูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่ต้องมาทำหน้าไหว้หลังหลอกหน่อยเลย นับจากนี้อำเภอจินซานเป็นของแก!”
ในอัฒจันทร์ของฝั่งเมืองลี่ชวน หานกั๋วเฉียงที่นั่งอยู่ในตำแหน่งของเขาเงียบ ๆ ถามชายชราที่อยู่ข้างๆเขา “ลุงฉิน คนคนนี้ไม่ธรรมดาเลย ถ้าคุณต้องประมือกับเขา คุณพอจะมีโอกาสชนะเขาได้สักกี่ส่วน?”
แม้ว่าลุงฉินจะเป็นคนหลังค่อม แต่สายตาที่เขามองคุณหลีกลับเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง “คุณหานโปรดวางใจเถอะ เขาไม่ใช่คู่มือของผมหรอก!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี!” หานกั๋วเฉียงแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เจิ้งเทียนหว้าชนะไปแล้วตาหนึ่ง พูดด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวาว่า “ท่านเจี่ยง ปัญหาของอำเภอจินซานแก้ไขได้เรียบร้อยแล้ว แต่ปัญหาทางทิศตะวันออกของหยางกวงยังไม่ได้รับการแก้ไขเลยนะ ไม่สู้พวกเรามาตัดสินกันวันนี้ไปเลยดีกว่ามั้ย!”
“เจิ้งเทียนหว้า อย่าให้มันมากเกินไปนัก!” เจี่ยงสงผุดลุกขึ้นยืนทันที ต่อให้คิดจะค้ากำไรเกินควรจากใคร ก็ไม่น่าจะมาคิดเอาเปรียบจากเจ้าเดิมซ้ำๆอย่างนี้หรอกมั้ง?
อำเภอจินซานก็ยกให้แกแล้วไง นี่แกยังคิดได้คืบจะเอาศอกอีกเรอะ!
เจิ้งเทียนหว้าหัวเราะอย่างลำพองใจ “ท่านเจี่ยง ทำไมถึงต้องโมโหโกรธาขนาดนั้นด้วยล่ะ? หรือเพราะท่านเจี่ยงไม่มีใครในมือแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
เจี่ยงสงหันไปมองคุณฉี ที่เดินกลับมาในสภาพสะบักสะบอม ถามอย่างวิตกกังวลว่า
“คุณฉี ยังพอจะสู้อีกสักครั้งไหวไหม?”
คุณฉีส่ายหน้า “ขอโทษด้วยท่านเจี่ยง ผมไม่มีแรงพอจะสู้ได้อีกแล้ว!”
เจี่ยงสงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง คุณฉีสูญเสียพลังที่จะใช้ต่อสู้ไปจนหมดแล้ว หลินหยุนก็ไม่อยู่อีก ในการศึกครั้งนี้ไม่มีใครที่เขาจะเรียกใช้ได้อีกแล้ว!
“ได้! เจิ้งเทียนหว้า ถือว่าฉันยอมจำนน อาณาเขตทั้งหมดที่อยู่ทางตะวันออกของหยางกวงเป็นของแก!”
“ฮ่าๆๆ ผู้รู้สถานการณ์ คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ ท่านเจี่ยงช่างเป็นคนที่ฉลาดเสียจริง!” ในใจของเจิ้งเทียนหว้านึกลำพองสุดขีด ในที่สุดคราวนี้ก็เหยียบเจี่ยงสงลงไปไว้ใต้ฝ่าเท้าได้ซะที!
เจี่ยงสงกัดฟันระงับความโกรธไว้ในใจ “ไอ้คนแซ่เจิ้ง เชิญแกลำพองใจไปก่อนเถอะ รอให้คุณหลินกลับมาเมื่อไหร่ ฉันจะเอาคืนให้หมดทั้งต้นทั้งดอกเลยคอยดู!”