จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1228 ไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้ง
ติงหลิงรู้สึกช็อกไปจริงๆ ไม่เคยรู้สึกช็อกอย่างนี้มาก่อนเลย
ตั้งแต่ที่เธอเห็นหน้าหลินหยุนครั้งแรกนั้น เธอก็มั่นใจว่าหลินหยุนเป็นคนที่ไม่มีพลังความสามารถ ไม่มีหน้าตาในสังคม ไม่มีภูมิหลังทั้งสามอย่างคนหนึ่ง หรือที่เรียกรวมกันว่าเศษสวะ!
เธอเป็นคนที่มองคนได้แม่นยำมาก นี่ก็เป็นจุดเด่นที่เธอรู้สึกภาคภูมิใจที่สุด
เป็นเหตุผลสำคัญทั้งหมดที่ทำให้เธอสามารถอยู่ในสำนักเทียนหยุนได้อย่างทุกวันนี้
ถึงแม้จะไม่ใช่ศิษย์เอกก็ตาม แต่ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับบรรดาศิษย์เอกทั้งหลายจำนวนไม่น้อยเลย
แต่ว่าในคราวนี้ เธอผิดพลาดไปแล้วจริงๆ อีกทั้งยังผิดพลาดอย่างไร้เหตุผลมากด้วย!
ยังไงเธอก็นึกไม่ถึงว่า หลินหยุนถึงกับแข็งแกร่งขนาดนี้ได้!
เฉินหย่ง ยอดฝีมือแดนยาทองชั้นหนึ่ง!
นั่นเป็นถึงหนึ่งในบรรดายอดฝีมือของสำนักที่รุ่นเดียวกับเจียงยี่พี่ชายของเจียงเผิง
ถึงแม้ว่าเฉินหย่งสู้เจียงยี่ไม่ได้ก็จริง แต่ต้องรู้ว่า เฉินหย่งไม่ได้มีภูมิหลังที่ดีอะไรเลย อาศัยแต่พรสวรรค์ของตัวเองโดยเฉพาะเท่านั้น ที่ทำให้เป็นถึงศิษย์เอกสำคัญในสำนักได้ มิหนำซ้ำยังสามารถอยู่ในลำดับห้าคนแรกอีกด้วย
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นผู้พิพากษาในเมืองเทียนหยุนนี้ได้
แต่คนที่แข็งแกร่งคนหนึ่งอย่างศิษย์พี่เฉินหย่งเช่นนี้ กลับพ่ายแพ้ให้กับหลินหยุนอย่างยับเยินไปแล้ว!
หลินหยุนคนนี้เป็นใครกันแน่?
ซิงเฟยไปพบกับสุดยอดฝีมือที่อายุน้อยขนาดนี้ได้ยังไงกัน?
ตอนนี้ ติงหลิงก็เชื่อทุกอย่างแล้วว่า หลินหยุนจะต้องมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน
มิหนำซ้ำยังอาจเป็นไปได้มากที่จะเป็นลูกศิษย์อัจฉริยะของหนึ่งในเก้าสำนักก็ได้
แต่คิดดูแล้วก็ไม่ถูกนัก สุดยอดอัจฉริยะที่มีพละกำลังแข็งแกร่งของเก้าสำนักพวกนั้นมีใครที่เธอไม่รู้จักบ้างล่ะ?
เธอไม่เคยได้ยินมาว่า เก้าสำนัก……..ไม่ใช่ ควรจะเป็นแปดสำนักถึงจะถูก เพราะว่าสำนักหยุนเยว่ไม่มีลูกศิษย์เพศชายเลย
เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าในแปดสำนักนั้น มีอัจฉริยะคนหนึ่งที่ชื่อหลินหยุนเลย
ฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างหลินหยุนนั้น เป็นไปไม่ได้ที่ไม่มีชื่อเสียงอะไรอย่างแน่นอน
ดังนั้นเธอมองไปยังซิงเฟยอย่างเหลือเชื่อ แล้วถามด้วยความสงสัยจากจิตใต้สำนึกตัวเอง
ซิงเฟยถอนหายใจเฮือก ขมวดคิ้วไว้แน่น รีบพูดว่า ฉันก็บอกแต่แรกแล้ว เขาไม่ใช่เศษสวะ แต่ว่าพวกแกก็ไม่ยอมเชื่อเลย!
ติงหลิงพูดไม่ออกทันที ก็ลักษณะท่าทางการแต่งตัวของหลินหยุนคนนี้ มิหนำซ้ำแม้แต่กลิ่นอายในตัวของเขา ใครจะสามารถดูออกว่าเขาแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้?
ตอนนี้เพิ่งจะรู้ว่า ที่พวกเขาไม่สามารถหยั่งรู้ถึงพลังความสามารถที่แท้จริงของหลินหยุนได้นั้น ไม่ใช่เพราะว่าหลินหยุนด้อยเกินไป แต่เป็นเพราะแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก
ในเวลานี้เอง เฉินหย่งก็หายตัวแวบกลับมาอยู่ตรงหน้าหลินหยุนอีกครั้ง แล้วมองไปยังหลินหยุน
สายตาของเฉินหย่งสับสนวุ่นวายราวกับคลื่นทะเลซัดสาด อีกทั้งก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอีกด้วย
เด็กที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ อยู่เหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ!
ใช้เพียงนิ้วเดียวก็สามารถเอาชนะตัวเองได้แล้ว อย่างน้อยก็จะต้องเป็นแดนยาทองชั้นสองแล้ว
ถ้าหากไม่ใช่เพราะฝ่ายตรงข้ามหยุดมือก่อนละก็ เกรงว่าเมื่อครู่นี้ตัวเองคงจะตายไปแล้ว
เขาก็เหมือนกับคนทั้งหลายเช่นกัน ที่คิดไหวตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็วว่า ชายหนุ่มที่ดูเหมือนธรรมดาที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ จะต้องมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่มากอย่างแน่นอน
เช็ดคราบเลือดตรงมุมปากออก แล้วเฉินหย่งสูดหายใจเข้าไปลึกๆ มองไปยังหลินหยุนอย่างเคร่งขรึม แล้วพูดว่า คิดไม่ถึงจริงเลย สหายถึงกับแข็งแกร่งขนาดนี้! น่าจะเป็นอัจฉริยะชั้นยอดของสำนักใดสำนักหนึ่งอย่างแน่นอนเลย!
ไม่ทราบว่าสหายมีชื่อแซ่อะไรเหรอ?
เก้าสำนัก เปรียบเสมือนสายเลือดเดียวกัน ความสัมพันธ์ก็ไม่เลวทีเดียว!
ไม่ว่าสหายจะมาจากสำนักไหนก็ตาม
ก็ไม่ควรลงมือในเมืองเทียนหยุนเรา อีกอย่างคู่กรณีที่ลงมือนั้น ก็ยังเป็นลูกศิษย์สำนักเทียนหยุนเราอีกด้วย!
สหายทำเช่นนี้ก็เหมือนกับไปตบหน้าคนอื่นอย่างแรงในบ้านของเขาเลย!
คำพูดของฉันเฉินหย่งนั้น ทำให้ทุกคนรู้สึกเซอร์ไพรส์ขึ้นมาทันที ใครก็นึกไม่ถึงว่าเฉินหย่งกำลังมีทีท่าที่คิดจะไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งครั้งนี้
แต่ว่าเมื่อคิดให้ดีก็จะเข้าใจได้ว่า ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ฝีมือโดดเด่นยอดเยี่ยมเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นลูกศิษย์ของสำนักไหนก็ตาม จะต้องเป็นคนที่มีความสำคัญมากอย่างแน่นอน!
ต่อให้แม้แต่ตอนนี้จะพาตัวเขาไปได้ ความจริงก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรคนคนนี้ได้เลย แต่กลับกลายเป็นการล่วงเกินคนนี้ ล่วงเกินสำนักที่อยู่เบื้องหลังของคนนี้อีกด้วย
สำนักเทียนหยุนไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปสร้างศัตรู เป็นปฏิปักษ์กับสำนักที่อยู่เบื้องหลังของเขา
อย่างน้อยเรื่องราวยังไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนัก และไม่มีใครต้องดับสูญไป ดังนั้นถ้าหากสามารถทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็กได้ ทำเรื่องเล็กให้หมดเรื่องกันไปได้ ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน
นี่เป็นการมองด้านส่วนรวมในวงกว้างออกไป
ส่วนในด้านส่วนตัวนั้น คนอย่างเฉินหย่งคนนี้ เขายอมที่จะไปล่วงเกินอัจฉริยะที่น่ากลัวคนหนึ่งเช่นนี้จริงเหรอ? นี่จะมีผลประโยชน์อะไรกับตัวเองบ้างไหม?
ไม่มี!
ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว!
มิหนำซ้ำถ้าฝ่ายตรงข้ามยินยอมละก็ ต่อให้เขาเป็นลูกศิษย์สำนักเทียนหยุน จะต้องพบกับปัญหาที่ยากลำบากตามมา
ต้องรู้ว่า เขาเป็นคนที่ไม่ได้มีภูมิหลังอะไรเลย ถ้าหากว่าออกจากสำนักไป ออกจากเมืองเทียนหยุนไป แล้วไปตายอยู่กลางป่ากลางเขาที่ไหน ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ทั้งนั้น
สำนักเทียนหยุนจะตรวจสอบให้ถึงที่สุดจริงเหรอ?
ถึงเวลานั้นต่อให้ตรวจสอบพบก็จริง ก็คงไม่ยอมล่วงเกินสำนักงานที่ใหญ่ระดับเดียวกับสำนักเทียนหยุน เพราะตัวเขาเพียงคนเดียว
นี่จะต้องเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าคนโง่ที่ไหนก็ต้องเลือกที่จะทำเช่นนี้ทั้งนั้น
เฉินหย่งไม่ใช่คนโง่ ถ้าเป็นคนโง่จริงละก็ จะไม่มีผลงานอย่างเช่นทุกวันนี้ได้เลย
ดังนั้น ดูเหมือนเขาสามารถเข้าใจได้เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น
หลินหยุนเปิดปากพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า ฉันเป็นใครไม่สำคัญ สำหรับเรื่องที่ว่าทำไมถึงต้องลงมือ ก็ไปถามคนของสำนักเทียนหยุนดูสิ!
พูดพลางหลินหยุนก็มองไปยังซิงเฟยแล้วพูดว่า ควรจะไปได้แล้ว!
ซิงเฟยพยักหน้าแล้วพูดกับติงหลิงที่อยู่ข้างๆว่า ฉันไปก่อนนะ ฉันก็อยู่ที่โรงเตี๊ยมเยว่หลาย ถ้าจะหาฉันก็เข้ามาหาได้เลย!
จากนั้นก็รีบเดินตามหลังหลินหยุนไป
ไม่หันไปมองเฉินหย่งแม้แต่นิดเดียว ทั้งสองเดินจากไปอย่างสบายอารมณ์ ราวกับไม่เห็นมีใครอยู่เลย
ส่วนเฉินหย่งที่อยู่ข้างหลัง ยังมีศิษย์น้องของเขา เจียงเผิง ติงหลิงพวกนั้น สีหน้าต่างก็แลดูน่าเกลียดมากทีเดียว
เมื่อเห็นสองคนนั้นจากไปแล้ว เจียงเผิงสีหน้าดำมืด
เงาร่างหายวับมาอยู่ตรงหน้าเฉินหย่ง แล้วถามเฉินหย่งด้วยความโมโหว่า ศิษย์พี่เฉินทำไมคุณถึงปล่อยคนนั้นไป? คุณทำอย่างนี้ หน้าตาของสำนักเทียนหยุนเรายังจะเหลืออีกเหรอ?
ฉันจะต้องกลับไปร้องเรียนคุณที่สำนักอย่างแน่นอน!
คุณนี่ละเลยต่อหน้าที่!
ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายเช่นนี้ ศิษย์เอกที่เป็นถึงอัจฉริยะรุ่นใหม่ของสำนักเทียนหยุนอย่างเจียงเผิง นับว่าขายหน้าจนหมดสิ้นแล้ว
แต่ว่าเมื่อครู่เขาไม่กล้าอาละวาด ตอนนี้ระบายความโกรธทั้งหมดที่มีอยู่ลงไปที่ตัวของเฉินหย่งคนเดียว
เฉินหย่งได้ยินก็ตกใจทันที สายตามองไปที่เจียงเผิง
ศิษย์น้องเจียง นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณควรจะยุ่งด้วยเลย!
เรื่องนี้ฉันจะกลับไปรายงานที่จวนเจ้าเมืองด้วยตัวเอง!
เรื่องของวันนี้ เกิดขึ้นเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ ฉันเชื่อว่าในใจศิษย์น้องเจียงก็น่าจะรู้ดี!
เฉินหย่งอย่างฉันถึงแม้จะไม่มีภูมิหลังอะไรก็จริง แต่ก็ไม่ใช่คนอย่างศิษย์น้องเจียงที่จะสามารถข่มเหงได้!
ศิษย์น้องเจียงควรจะไปยุ่งเรื่องตัวเองให้ดีก่อนเถอะ!
พูดพลาง ร่างของเฉินหย่งก็หายวับไปจากที่เดิม
ศิษย์พี่หลิวที่อยู่ข้างหลังตกใจกลัวตั้งแต่แรกนั้น ก็รีบวิ่งตามไป
ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบๆนั้น เมื่อเห็นเรื่องจบลงแล้ว อีกทั้งดูสีหน้าของเจียงเผิงไม่สู้ดีนัก จึงทยอยกันสลายตัวไป
เหลือแต่เจียงเผิงและติงหลิงพวกนั้น ก็ยังคงอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าที่แลดูน่าเกลียดมาก
หลังจากนั้นไม่นาน พวกนั้นก็รีบเดินจากไป
สำหรับหลินหยุนและซิงเฟยนั้น ทั้งสองคนก็มาถึงหน้าประตูโรงเตี๊ยมเยว่หลายที่อยู่ทางตอนใต้ของเมือง
ในใจของซิงเฟยยังคงรู้สึกตื่นเต้นมาก ดึงชายเสื้อของหลินหยุน แล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า คุณยังจะอยู่ที่นี่ต่ออีกจริงเหรอ?
ลงมือกับผู้พิพากษาในเมืองนี้แล้ว พวกเขาจะต้องไม่ยอมเลิกราอย่างแน่นอนเลย!
เมื่อไหร่ที่พวกเขามาหาพวกเราอีก พวกเราก็ต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างแน่นอน!
ก่อนหน้านั้นคุณก็เคยพูดว่า ไม่ได้อยากจะลงมือกับสำนักเทียนหยุนทั้งหมดเลย!