จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1230 ความคิดของเจียงเผิง
ติงหลิงถอนหายใจเฮือก ส่ายหน้าอย่างเคร่งขรึมเล็กน้อยแล้วพูดว่า สืบหารายละเอียดข้อมูลไม่ได้เลย เพื่อนของฉันไม่อยากจะพูด แต่ก็เป็นไปได้ที่เธอไม่ค่อยรู้เท่าไรก็ได้!
สายตาเจียงเผิงแสดงความไม่พอใจเล็กน้อย แต่ว่าเขาก็รีบปิดบังไว้ได้อย่างรวดเร็ว
มองไปยังติงหลิงแล้วพูดว่า ข้อมูลที่สำคัญก็สืบหาไม่ได้สักนิดเลยเหรอ?
ติงหลิงพูดเสียงเบาว่า ก็ไม่ใช่นะ พวกเธอได้เช่าวิมานระดับกลางของโรงเตี๊ยมเยว่หลายไว้หลังหนึ่ง แล้วจ่ายค่าเช่าทีเดียวหลายเดือนเลย เงินจำนวนนี้เพื่อนคนนั้นของฉันคงเอาออกมาไม่ได้อย่างแน่นอน น่าจะเป็นหลินหยุนนั้นเป็นคนจ่ายจริงๆ ดูจากตรงนี้แล้ว คนนี้จะต้องมีภูมิหลังอย่างแน่นอน!
ยังมีอีกอย่าง เมื่อคืนพวกเขาได้ล่วงเกินพวกเราต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนั้น ถึงกับยังกล้าพักอยู่ที่เมืองเทียนหยุนเป็นเวลายาวนานเช่นนี้ ดูจากตรงนี้แล้ว จะเห็นได้ว่าหลินหยุนคนนั้น จะต้องมาอย่างไม่เกรงกลัวอะไรเลย!
ดังนั้น……….
ศิษย์พี่เจียงคะ ฉันว่าเรื่องนี้ทางที่ดีอย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่ามเลย เกรงว่าคนนี้จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว!
เจียงเผิงสีหน้าบึ้งตึง นิ่งเงียบไม่พูดอะไรเลย
ผ่านไปสักพักใหญ่ เขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สีหน้าที่บึ้งตึงก็จางหายไป
น้ำเสียงก็ผ่อนคลายลง มองไปยังติงหลิงและอู่เหลียนพวกนั้นแล้วพูดว่า เอาเถอะ เรื่องนี้ฉันว่าพอแค่นี้ก่อนก็แล้วกันนะ! อย่างน้อยพวกเราก็เป็นฝ่ายผิดก่อน!
ยังคิดจะไปแก้แค้นอีก งั้นก็แสดงให้เห็นชัดว่าสำนักเทียนหยุนเราใจแคบ แล้วยังใช้อำนาจไปข่มเหงรังแกคนอื่นอีกด้วย!
ช่วงหลายปีหลังมานี้ เฉพาะในเมืองเทียนหยุน ก็มีผู้บำเพ็ญเพียรที่มาจากข้างนอกพวกนั้นถึงแม้ว่าปากไม่พูด แต่ความจริงแล้ว ในใจล้วนแล้วแต่ไม่ค่อยพอใจ และส่งเสียงซุบซิบนินทาลูกศิษย์ของสำนักเทียนหยุนเราบางคน ต่างก็รู้สึกว่าคนของสำนักเทียนหยุนเรา ใช้อำนาจอิทธิพลมากเกินไปแล้ว!
ความจริงนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลย ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปอีก ก็จะส่งผลกระทบอย่างแรงต่อชื่อเสียงของสำนักเทียนหยุนเราไปด้วย!
ดังนั้นฉันตัดสินใจแล้วว่า เรื่องนี้ก็ให้มันแล้วกันไป ให้มันจบแค่นี้เถอะ!
เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงเผิงแล้ว ทั้งอู่เหลียนและถังเหมิงพวกนั้น รวมทั้งติงหลิงด้วย ต่างก็อึ้งกันไปหมด รู้สึกไม่อยากจะเชื่อเลย
หมายความว่ายังไงเหรอ?
ไม่แก้แค้นแล้วเหรอ?
เพื่อปกป้องชื่อเสียงของสำนักเทียนหยุนเหรอ?
ทุกคนต่างก็ไม่อยากจะเชื่อเลย
อู่เหลียนพูดขึ้นทันทีว่า ศิษย์พี่เจียงคะ ฉันไม่เห็นด้วยกับความคำพูดนี้ของท่านเลย!
หลิ่วหยางที่อยู่ข้างๆก็พูดด้วยเสียงแข็งว่า ฉันก็ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของศิษย์พี่เจียงเหมือนกัน!
เจียงเผิงได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ มองไปยังอู่เหลียนและหลิ่วหยางแล้วพูดว่า ศิษย์น้องอู่เหลียน ศิษย์น้องหลิ่วหยาง ทำไมถึงไม่เห็นด้วยกับคำพูดของฉันเหรอ? บอกมาตรงๆได้เลย!
หลิ่วหยางก็พูดว่า ศิษย์พี่เจียง เจ้าหมอนั่นลงมือกับศิษย์น้องติงหลิงและศิษย์พี่กลางถนน ก่อนอื่นก็เป็นการฝ่าฝืนกฎระเบียบของเมืองเทียนหยุนเราแล้ว ตอนนั้นก็มีผู้คนจำนวนมากมายขนาดนั้นที่มองดูอยู่!
ถ้าพวกเราไม่ตอบโต้อะไรซะบ้าง แทนที่จะพูดว่าเป็นการหักหน้าศิษย์พี่เจียง สู้พูดว่าหยามเกียรติสำนักเทียนหยุนเราไม่ดีกว่าเหรอ!
ไม่ว่าเจ้าเด็กนั่นมีเบื้องหลังยังไง ที่นี่คือสำนักเทียนหยุน เป็นเมืองเทียนหยุน!
ต่อให้เขาเป็นถึงมังกร ก็ต้องขดตัวให้กับพวกเรา ต่อให้เป็นเสือก็ต้องหมอบตัวลงให้กับพวกเรา!
สำนักเทียนหยุนเราไหนเลยจะยอมให้คนมาหยามเกียรติถึงหน้าบ้านตัวเองเช่นนี้ได้ล่ะ?
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าศิษย์พี่เฉินหย่งทางนั้นรายงานเรื่องนี้ขึ้นไปละก็ สำนักจะต้องไม่อยู่เฉยอย่างแน่นอน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ศิษย์พี่ทางนี้ลงมือไปก่อน ก็จะไม่เป็นการเดินนำหน้าสำนักเทียนหยุนไปแล้วเหรอ?
นี่ก็จะทำให้ศิษย์พี่มีความสำคัญมากยิ่งขึ้นอีกด้วย!
อาจไม่แน่ หลังเสร็จเรื่องนี้แล้วก็ยังตกรางวัลให้กับศิษย์พี่อีกมากมายก็ได้!
อู่เหลียนก็รีบพยักหน้าแล้วพูดว่า ถูกต้อง ศิษย์พี่เจียง ที่หลิ่วหยางพูดก็เป็นสิ่งที่ฉันอยากจะพูดเหมือนกัน ก็มีความหมายเช่นเดียวกัน! ศิษย์พี่เจียงเป็นถึงอัจฉริยะตระกูลเจียง ไหนเลยต้องถูกเด็กไร้ชื่อเสียงเรียงนามคนหนึ่งมาหยามเกียรติเช่นนี้ได้ล่ะ?
ทั้งสองคนต่างก็มีท่าทีที่โกรธแค้นแทนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ติงหลิงกลับไม่ได้พูดอะไรมาก
ผ่านไปสักพักใหญ่ เจียงเผิงก็ถอนหายใจอีกครั้งหนึ่ง ส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า ฉันรู้ว่าพวกศิษย์น้องทั้งสองไม่พอใจแทนฉัน แต่ว่าส่วนตัวฉันแล้ว ก็ไม่ติดใจอะไรนัก!
รอข่าวสารจากสำนักทางนั้นดีกว่านะ เรื่องนี้ก็จบเพียงแค่นี้ก็แล้วกัน
ศิษย์น้องทุกคนแยกย้ายกันกลับไปเถอะ!
อู่เหลียนและหลิ่วหยางก็ยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่ว่าถูกเจียงเผิงโบกมือห้ามไว้ก่อน พวกนั้นจึงได้แต่เดินจากไป
หลังจากที่เห็นพวกนั้นหันหลังจากไปแล้ว ทันใดนั้นสีหน้าของเจียงเผิงก็บึ้งตึงอีกครั้ง ในปากก็ยังกัดฟันไว้แน่น
หลังจากนั้นสักพักหนึ่ง เจียงเผิงก็ออกจากวิมานไป แล้วมุ่งหน้าไปยังบริเวณเชิงเขาทันที
บริเวณเชิงเขานั้นมีวิมานทั้งหมดสิบสองหลัง นั่นคือวิมานของลูกศิษย์แดนยาทองทั้งหมด
มีแต่ลูกศิษย์ที่สำเร็จแดนยาทองอย่างแท้จริงแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถพักอยู่ที่นี่ได้
แต่ว่าตอนนี้ วิมานทั้งสิบสองหลังนี้ มีคนอยู่เพียงแค่หกคนเท่านั้นเอง
ส่วนศิษย์พี่คนหนึ่งที่พักอยู่ในลำดับที่สามที่นี่ ไม่ใช่คนอื่นไกลเลย เป็นพี่ชายของเจียงเผิงเป็นยอดฝีมือแดนยาทองชั้นสาม เจียงยี่!
หลายเดือนก่อน พี่ชายได้ออกไปหาประสบการณ์ข้างนอก แล้วบาดเจ็บสาหัสกลับมาสำนัก จากนั้นก็เก็บตัวมาโดยตลอด ยังไม่เคยออกมาจากวิมานเลย
แม้แต่ศิษย์พี่สาวๆที่คลั่งไคล้พี่ชายจำนวนมากมายนั้น ต่างก็มาขอเข้าพบหลายครั้งหลายหนแล้ว แต่ก็ถูกพี่ชายปฏิเสธไป ไม่ยอมให้ศิษย์พี่สาวๆ เข้าไปพักแรมอยู่ในวิมานของเขาได้เลยแม้แต่คนเดียว
นี่ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ
เขาไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นพี่ชายไปเที่ยวฝึกหาประสบการณ์ที่ไหนมาก่อน ก็ไม่รู้ว่าทำไมคราวนี้พี่ชายถึงได้ยืนหยัดที่จะเก็บตัวเองได้ถึงขนาดนี้
เขาเคยมาขอพบสองครั้งแล้ว แต่ก็เพียงแค่เวลาสั้นๆเท่านั้นก็ถูกไล่กลับออกไปแล้ว
ยังไงก็ตาม เจียงเผิงก็รู้สึกว่าในตัวพี่ชายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงทีเดียว
แต่วันนี้เขาก็ยังต้องมาที่นี่ เพราะว่าเขาอดรนทนไม่ไหวอีกแล้ว
เขาคือเจียงเผิง!
เขาคือศิษย์เอกของสำนักเทียนหยุน!
เขาคือลูกหลานตระกูลเจียงที่สูงส่ง!
ไม่มีคนไหนที่มาหยามเกียรติเขาแล้ว ยังสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้อย่างอิสรเสรีบนโลกใบนี้ได้!
เขาคิดไตร่ตรองดีแล้ว ถ้าหลินหยุนนั้นมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งจริง อีกทั้งก็ยังเป็นหนึ่งใน เก้าสำนักเหมือนกันละก็ สำนักเบื้องบนทางนั้นอาจไม่แน่ว่าจะไปทำอะไรฝ่ายตรงข้ามได้
ดังนั้น ถ้าคิดจะแก้แค้นก็ต้องอาศัยตัวเองเท่านั้น!
ขอเพียงให้ตัวเองฆ่าเขาให้ตาย เช่นนั้นแล้วสำนักก็จะต้องปกป้องเขาอย่างแน่นอน!
ถึงเวลานั้นก็พูดแต่เพียงว่าเป็นการเข้าใจผิด ผลีผลามลงมือไปก็แล้วกัน!
แต่อาศัยลำพังพลังของเขาเพียงคนเดียว ไม่มีทางที่จะฆ่าเจ้าหลินหยุนนั้นได้เลย มีอยู่ทางเดียวก็คือต้องให้พี่ชายลงมือเอง
หรือไม่ ก็ให้พี่ชายส่งคนไปลงมือแทน
เมื่อมาถึงทางเข้าประตูวิมานหลังที่สามแล้ว เจียงเผิงก็นำเอาป้ายประจำตัว วางลงไปในช่องหลุมป้ายหินนั้น ก็เกิดแสงสีเขียวสว่างจ้าขึ้นมา
ผ่านไปสักครู่ ประตูวิมานก็ค่อยๆเปิดออก ก็มีเสียงที่ทุ้มต่ำดังแว่วออกมา
เข้ามาเถอะ!
ขอบคุณพี่ใหญ่ครับ!
เจียงเผิงรู้สึกดีใจทันที หยิบป้ายประจำตัวออกจากช่องหลุมนั้นมา แล้วรีบก้าวเดินเข้าไปในวิมานทันที
เจียงยี่ในตอนนี้ สวมชุดเพ้ายาวสีขาว นั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะกลม หลับตาลงทั้งสองข้าง
บาดแผลบนร่างกายไม่เพียงฟื้นคืนสู่สภาพเดิมทั้งหมดแล้ว กลิ่นอายก็ยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย
รวบรวมพลังปราณไว้ทั้งหมด เจียงเผิงที่เพิ่งจะเดินเข้ามา ก็รับรู้ถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่ไร้เทียมทานนั้นทันที
เขาไม่สงสัยเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าพี่ชายสามารถปลดปล่อยกลิ่นอายออกมาทั้งหมด เกรงว่าเพียงแค่แรงกดดันที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ก็สามารถบีบคั้นให้เขาเสียชีวิตไปได้เลย
สูดลมหายใจลึกๆเข้าไป เจียงเผิงโค้งตัวคำนับแล้วพูดว่า พี่ครับ ผมมีเรื่องสำคัญต้องการขอความช่วยเหลือจากพี่ครับ!
พูดพลางก็รีบคุกเข่าลงทันที
เจียงยี่ก็ลืมตาขึ้นมา ในดวงตาก็มีประกายแสงวาววับออกมา มองไปยังเจียงเผิงแล้วพูดว่า จะมาขอให้ฉันช่วยแกฆ่าคนเหรอ?
เจียงเผิงได้ยินดังนั้นก็รีบพยักหน้าแล้วพูดว่า ใช่ครับ! พี่ใหญ่ปราดเปรื่องนัก ผม……..
จากนั้นก็รีบเล่าเรื่องที่ตัวเองถูกหยามเกียรติในเมืองเทียนหยุนทั้งหมดออกมา