จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 125 แกกำลังตามหาฉันรึ
บทที่ 125 แกกำลังตามหาฉันรึ
เจี่ยงสงขมวดคิ้วมุ่น คุณหลินฆ่าศิษย์น้องของเขา? นี่มันเรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะนั่น?
เพียงอึดใจต่อมา เจี่ยงสงก็จำได้ขึ้นมาแล้ว
เจียงจงโหยวใช้ไข่มุกควบคุมศพ หลอกดักพวกเขาจนตกหลุมพราง ในเวลานั้นปรมาจารย์หยางที่กลายเป็นผีดิบเจียงซือไป ได้ถูกคุณหลินใช้ไฟเผาจนตาย
หรือว่าปรมาจารย์หยาง จะเป็นศิษย์น้องของปรมาจารย์กู่กันนะ?
“ส่งตัวหลินชางฉองออกมาซะ!” ปรมาจารย์กู่ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เจี่ยงสงตกใจจนตัวสั่นงันงก รีบพูดขึ้นว่า “ท่านปรมาจารย์กู่ ผมไม่กล้าปิดบังคุณหรอกนะ ครั้งนี้ผมเชิญคุณหลินมาก็จริง แต่เมื่อวานนี้ คุณหลินเกิดมีธุระด่วนเลยออกไปก่อนหน้านี้แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย ผมเองก็เป็นกังวลมากเหมือนกันนะครับ!”
ปรมาจารย์กู่ปรายตามองเจี่ยงสงแวบหนึ่ง เขามองออกว่าเจี่ยงสงไม่ได้พูดโกหก
ทันใดนั้น สายตาของปรมาจารย์กู่ ก็กวาดมองไปจนทั่วสนามประลอง แล้วพูดเสียงดังใส่กลุ่มคนดูว่า “หลินชางฉอง ฉันรู้นะว่าแกอยู่ที่นี่ ฉันสัมผัสถึงลมหายใจของแกได้!”
“ในเมื่อแกกล้าฆ่าศิษย์น้องของฉัน ทำไมวันนี้ แกกลับไม่กล้าออกกมาสู้กับฉันสักตั้งล่ะหา!”
เสียงของปรมาจารย์กู่ถูกส่งออกมาด้วยพลังชี่แท้ เป็นพลังปราณที่แฝงความโกรธเกรี้ยว สะเทือนเลื่อนลั่นราวกับเสียงฟ้าร้องอื้ออึง ดังก้องไปมาทั่วทั้งสนาม
ในใจทุกคนต่างตื่นตระหนก ตกตะลึงกันไปหมด
“หลินชางฉองเป็นใครกัน? ถึงกับสามารถฆ่าศิษย์น้องของปรมาจารย์กู่ได้ ! ปรมาจารย์กู่ยังร้ายกาจทรงพลังถึงขนาดนี้ ศิษย์น้องของเขา ก็คงจะร้ายกาจไม่ต่างกันสักเท่าไหร่หรอก!”
ทุกคนต่างหันขวับไปมองคนที่อยู่ด้านข้างตัวเองทันที ทำราวกับว่ากำลังพยายามค้นหา ว่าใครคือผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นหลินชางฉอง
ห่างออกไปจากประตูหน้าทางเข้าสนาม เสี่ยวยู่ตบหน้าอกตัวเองเบาๆ ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอผ่อนคลายลงมาไม่น้อย
เสี่ยวยู่กระซิบกับหลินหยุนที่อยู่ข้าง ๆ เธอว่า “พี่หลิน ดีจังเลย! ในที่สุดไอ้จอมวายร้ายนั่นก็เปลี่ยนเป้าหมายไปหาคนอื่นแทนแล้ว พี่ต้องขอบคุณคนที่ชื่อหลินชางฉองนั่นจริงๆนะเนี่ย ขอแค่ไอ้จอมวายร้ายนั่น มันไม่มาหาเรื่องเดือดร้อนให้ท่านเจียง พี่ก็ไม่ต้องขึ้นไปแล้วล่ะนะ”
อันที่จริง หลินหยุนกลับมาถึงได้สักพักใหญ่ ๆ แล้ว ตั้งแต่ที่ลุงฉินเริ่มขึ้นสู่สังเวียนไปสู้ หลินหยุนก็กลับมาถึงเรียบร้อยแล้ว
แต่กลับถูกเสี่ยวยู่ดึงรั้งไว้ ไม่ยอมให้หลินหยุนเข้าไปต่อสู้ด้วย
เสี่ยวยู่พูดตามที่ตัวเองคิดเห็นว่า “พี่หลินอาจจะร้ายกาจมากก็จริงอยู่ แต่คน ๆ นั้นแข็งแกร่งเกินไปแล้ว แถมยังบินบนฟ้าได้อีก ต่อหน้าความเป็นความตายน่ะนะ จะหน้าตา ศักดิ์ศรี หรือเงินทองก็ช่าง ถ้าต้องตายไป ทั้งหมดมันก็สูญเปล่าไม่ใช่เหรอ ขอแค่ต้องมีชีวิตอยู่เท่านั้นแหล่ะ ที่มันจะยังเป็นของเราได้”
หลินหยุนคิดไม่ถึงเลยว่า เสี่ยวยู่ผู้รักเงินยิ่งชีพ จะพูดอะไรทำนองนี้ออกมา
สิ่งที่หลินหยุนยิ่งคิดไม่ถึงกว่าก็คือ เพื่อเขาแล้ว เสี่ยวยู่ถึงกับกล้าผิดสัญญาต่อเจี่ยงสงเลยทีเดียว
แต่ตอนนี้ เขามีแต่ต้องขอปฏิเสธไม่รับน้ำใจจากเสี่ยวยู่จริง ๆ เพราะปรมาจารย์กู่ เอาแต่ตะโกนก้องร้องถามหาชื่อเขาจนถึงขนาดนั้นแล้ว
บนสังเวียนในเวลานี้ ปรมาจารย์กู่ก็ยังคงตะโกนร้องเรียกต่อไม่หยุด “หลินชางฉอง แกกล้าพอจะออกมาสู้กับฉันสักตั้งหรือเปล่าวะ?”
ทุกคนต่างไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำ พวกเขาได้แต่สงสัยว่า หลินชางฉองคนนี้เป็นใครกันแน่?
ทั้งสนามเงียบกริบราวป่าช้า
ในชั่วขณะนั้นเอง ปรากฏเสียงแผ่วเบาดังขึ้นในสนามที่เงียบสงัดนี้
“แกกำลังตามหาฉันรึ?”
ในที่สุดหลินหยุนก็ยืนขึ้น อย่างไรการต่อสู้ครั้งนี้ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แน่นอนแล้ว
เสี่ยวยู่ถึงกับช็อกไปสองวิ รีบคว้าตัวหลินหยุนอย่างรวดเร็ว พูดเสียงเบาอย่างร้อนใจว่า “พี่หลิน นี่พี่จะทำอะไรเนี่ย ? เขากำลังตามหาตัวหลินชางฉองอยู่นะ ไม่ใช่พี่สักหน่อย!”
“พี่เล่นยืนขึ้นมาตอนนี้ เดี๋ยวเขาก็ฆ่าพี่ตายหรอก!”
หลินหยุนยักไหล่อย่างไม่แยแส พูดด้วยน้ำเสียงจนใจนิดๆว่า “แต่ฉันคือหลินชางฉองจริงๆนี่นา!”
“หา! พี่หลิน อย่าล้อเล่นอีกเลยน่า นี่มันถึงตายได้เลยนะ!” เสี่ยวยู่จ้องหลินหยุนด้วยความตื่นตระหนกตกตะลึงสุดขีด แต่เมื่อเห็นท่าทางของหลินหยุนแล้ว ก็ดูไม่เหมือนว่าเขากำลังล้อเล่นจริง ๆ ซะด้วย
เจี่ยงสงเห็นว่าในที่สุด หลินหยุนก็มาปรากฏตัวเสียที เขาก็รู้สึกโล่งอก “ขอบคุณฟ้าดิน! ในที่สุดคุณหลินก็กลับมาได้ซะที!”
เมื่อผู้ชมเห็นหลินหยุนยืนขึ้นมา ต่างก็พากันพูดวิจารณ์เซ็งแซ่
“เขาคือหลินชางฉองจริง ๆ เหรอ ? ดูไปแล้วไม่ค่อยจะเหมือนเลยนะ!”
“นั่นสิ หลินชางฉองเด็กขนาดนี้เลยเหรอ? อายุไล่เลี่ยกับลูกชายฉันเลยนะ เขาจะไปฆ่าศิษย์น้องของปรมาจารย์กู่ได้ยังไงกัน? โกหกล่ะมั๊ง!”
“ต้องโกหกแน่ ๆ เด็กคนนี้ไม่รู้ว่าเป็นคุณชายบ้านไหน ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอาซะเลย อยากเด่นจนเป็นบ้าไปแล้วมั๊ง เขาไม่เข้าใจหรือไงว่า ถ้าก้าวออกมาตอนนี้ ต่อให้จะแย่งซีนได้เด่นเป็นเป้าสายตาขนาดไหน ก็มีสิทธิ์จะโดนฆ่าตายได้ง่ายๆเลยนะ! ”
“เฮ้อ! เด็กที่ถูกเลี้ยงดูแบบตามใจก็เป็นกันซะยังงี้แหล่ะ! ช่างมีตาแต่หามีแววไม่แท้ๆ นี่พ่อแม่ของเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยรึไง ถึงได้ไม่มีใครคอยดูแลเขาน่ะ!”
เฉินฟางมองหลินหยุนด้วยอาการตื่นตระหนก ตกตะลึงเต็มใบหน้า ดึงแขนเสื้อของเฉินหมิงวั่งพลางพูดอย่างร้อนรนว่า “พี่ชาย ทำไมหลินหยุนถึงยืนขึ้นมาอย่างนั้นล่ะ? เขาใช่หลินชางฉองอะไรนั่นซะที่ไหน! เขาอาจถูกฆ่าตายได้เลยนะ!”
“ไม่ได้การ ฉันต้องช่วยเขา!”
เฉินฟางพูดจบก็เตรียมจะลุกขึ้นยืน แต่กลับถูกเฉินหมิงวั่งรั้งตัวไว้จนแน่น
“น้องสาว นี่เธอจะบ้าไปแล้วเหรอ ? ถ้าลุกออกไปตอนนี้ มีสิทธิ์ที่ปรมาจารย์กู่จะเหมารวมว่าพวกเราเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของหลินชางฉองด้วยนะ เธอคิดจะทำให้พวกเราทั้งครอบครัวถูกฆ่ากันหมดรึยังไง!”
แม้ว่าเฉินต้าเจียงที่อยู่อีกด้าน จะไม่รู้ว่าสองคนพี่น้อง ไปรู้จักมักจี่กับหลินหยุนได้ยังไง แต่เขาก็รู้ดีว่าในเวลานี้ ไม่สมควรจะยืนขึ้นอย่างเด็ดขาด
ใครลุกขึ้นมา ก็มีแต่ตายสถานเดียว!
“พี่ชายของลูกพูดถูกแล้ว ตอนนี้จะยังไง ก็ไม่ควรยืนขึ้นไปออกหน้าให้ใครทั้งนั้น!” เฉินต้าเจียงพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ พยายามระงับโทสะของตัวเองเอาไว้
เฉินฟางมองพี่ชาย จากนั้นค่อยมองไปที่พ่อ สุดท้ายทำได้เพียงร้องไห้อย่างเงียบ ๆ แล้วสวดภาวนาให้หลินหยุนในใจว่า “หลินหยุน รีบนั่งลงเร็วๆเข้าเถอะ! ที่เค้าตามหาคือหลินชางฉองนะ ไม่ใช่นายที่ชื่อหลินหยุนซะหน่อย!”
บนที่นั่งฝั่งตรงข้าม หลี่เมิ่งที่เห็นว่าหลินหยุนจู่ๆก็ยืนขึ้น ก็ถึงกับผงะไปทีแรก จากนั้นค่อยหัวเราะฮาๆออกมาเสียงดัง “ไอ้เด็กคนนี้ สมองโดนลาเตะจนพังแล้วหรือยังไง? อยากเด่นจนเป็นบ้าไปแล้ว ถึงกับแอบอ้างสวมรอยเป็นหลินชางฉอง!”
“ถ้าจะให้ดี ก็ขอให้มันโดนปรมาจารย์กู่ต่อยตายในหมัดเดียวไปเลยเถอะ!”
หลี่เมิ่งไม่เชื่อเด็ดขาด ว่าหลินหยุนจะเป็นหลินชางฉองตัวจริง ก่อนหน้านี้ในสังเวียนใต้ดิน หลินหยุนไม่กล้าพนันกับเขาด้วยซ้ำ คนแบบนี้ จะกลายเป็นคนที่ฆ่าศิษย์น้องของปรมาจารย์กู่ไปได้ยังไง!
เจิ้งหงยู่ที่อยู่ถัดจากเจิ้งเทียนหว้า ก็ยังอดเผยสีหน้าตื่นตะลึงบนใบหน้าอันงดงาม และมักจะหยิ่งผยองอยู่เป็นนิจดวงนั้นไม่ได้
“ไอ้ขี้ขลาดนี่ เบื่อชีวิตตัวเองว่ามันยาวนานเกินไปรึยังไงกัน?”
ปรากฏแววดูถูกเหยียดหยามบนใบหน้าของเจิ้งหงยู่ ” แค่เพราะอยากจะเด่นเป็นที่สนใจ แม้แต่ชีวิตก็ไม่เสียดายแล้วเรอะ โง่เง่าสิ้นดี!”
เจิ้งหงยู่ก็คิดแบบเดียวกันกับหลี่เมิ่ง คือไม่เชื่อว่าหลินหยุนจะมีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับหลินชางฉอง
อันที่จริง ขอแค่เป็นคนธรรมดาทั่วไป ย่อมไม่มีใครที่จะเชื่อหลินหยุน หลินหยุนชายหนุ่มที่แสนจะผอมแห้งอ่อนแอคนหนึ่ง จะเป็นชายผู้แข็งแกร่ง ที่สังหารศิษย์น้องของปรมาจารย์กู่ไปได้อย่างไร?
หานกั๋วเฉียงก็ตกตะลึงไปเช่นกัน “เจ้าเด็กคนนี้ยืนขึ้นมาทำไม! นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ!”
“แม้ว่าเจ้าเด็กคนนี้จะหยิ่งผยองไม่เห็นหัวใคร แต่เขาก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของหลิงเอ๋อ ถ้าวันนี้เขาเห็นคนตายแล้วไม่ช่วย หลิงเอ๋อรู้เข้าจะต้องร้องไห้โวยวาย โทษว่าเป็นความผิดของเขาแน่ ๆ !”
“ไอ้เด็กเวรนี่ เป็นตัวสร้างเรื่องเดือดร้อนซะจริงๆเลย!”
หานกั๋วเฉียงก็คิดเหมือนกับคนอื่น คือไม่เชื่อว่าหลินหยุนเป็นหลินชางฉองตัวจริง แต่เขาไม่สามารถยืนเฉย ๆ เหมือนคนอื่น แล้วดูหลินหยุนออกไปตายได้ก็เท่านั้น
ดังนั้นหานกั๋วเฉียงจึงยืนขึ้น แล้วตะโกนออกไปว่า “นี่เจ้าหนู ที่นี่มันใช่สถานที่ที่แกจะมาสร้างปัญหาได้หรือไง? อยากตายนักเรอะ!”
“รีบไสหัวออกไปซะ ปรมาจารย์กู่เป็นถึงนักบู๊ผู้บรรลุขั้นสูงสุดเชียวนะ ไม่มีทางลดตัวลงมาประมือกับเด็กอย่างแกหรอก !”
ปรมาจารย์กู่ปรายตามองหานกั๋วเฉียงแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะถึงยังไงหานกั๋วเฉียงก็ยอมจำนนต่อเขาแล้ว
หลินหยุนเข้าใจดี ว่าหานกั๋วเฉียงกำลังช่วยเขาในรูปแบบที่แสร้งทำเป็นต่อว่า ความรู้สึกของเขาที่มีต่อหานกั๋วเฉียงจึงเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย
หลินหยุนพูดแก้ต่างให้ตัวเอง ด้วยท่าทางไร้เดียงสาว่า “แต่ฉันคือหลินชางฉองจริง ๆ นะ ทำไมทุกคนถึงไม่เชื่อฉันล่ะ?”
กระทั่งปรมาจารย์กู่ก็ไม่เชื่อเหมือนกัน เมื่อกี้ที่เขาบอกว่า เขาสัมผัสถึงลมหายใจของหลินชางฉองได้นั้น เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
“แกเองน่ะเหรอ? ที่ฆ่าศิษย์น้องของฉัน! ” ปรมาจารย์กู่ถามขึ้นอย่างเย็นชา
หลินหยุนพูดด้วยท่าทีไม่ยี่หระว่า “ถ้าศิษย์น้องของแกคือผีดิบเจียงซือนั่น ก็ถูกต้องแล้วล่ะ”
ปรมาจารย์กู่ผงะไปเฮือกหนึ่ง แล้วพูดอย่างโกรธแค้นว่า “เป็นแกจริงๆ! แกก็คือหลินชางฉอง!”
ทั้งสนามเงียบกริบเป็นป่าช้าอีกครั้ง!
ทุกคนต่างปากอ้าตาค้าง อึ้งจนลืมปิดปากตัวเองไปแล้ว
หลินหยุนเอ่ยปากยอมรับด้วยตัวเอง ทั้งยังมีปรมาจารย์กู่เป็นผู้ยืนยันอีกเสียง ต่อให้ทุกคนจะยังไม่อาจยอมรับความจริงได้ ว่าหลินหยุนคือหลินชางฉองจริง ๆ แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงต้องบังคับให้ตัวเองเชื่อเท่านั้นแล้ว
“เขาคือหลินชางฉองจริงๆเหรอ!”
“เขาฆ่าศิษย์น้องของปรมาจารย์กู่จริง ๆ น่ะเหรอ?”
“นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน!”