จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1257 แผนการของซิงเฟย
หลินหยุนยังคงไม่ตอบคำถามนี้ เพราะว่าไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เพราะไม่ควรที่จะนำเรื่องของโลกอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากโลกคุนชางมาพูดได้
ซิงเฟยพลันพูดไม่ออกอีกครั้ง และก็ไม่ได้จี้ถามต่ออีก
อย่างไรก็ตามฉันได้เตือนนายเอาไว้แล้ว หากครั้งนี้นายยังก่อเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ทั้งโลกคุนชางก็คงจะไม่มีสถานที่ให้นายดำรงชีวิตต่อไปอีกแล้ว
เท่าที่ฉันมอง หากนายคิดที่จะลงมือจัดการกับมู่หงนั้น ควรจะเปลี่ยนวิธีการอีกแบบหนึ่งจะดีกว่า
หลินหยุนดวงตาเป็นประกาย ครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า ลองพูดมาหน่อยสิ!
ซิงเฟยพลันพูดขึ้นว่า ง่ายมาก พวกเราเพียงแค่ใช้วิธีการล่องูออกจากถ้ำเท่านั้น!
หลินหยุนพยักหน้า พูดให้ละเอียดอีกสักหน่อย
ซิงเฟยพูดว่า ได้ยินว่า มู่หงนั้นเป็นเพื่อนสนิทของเจียงยี่ จากตลอดทางที่พวกเราได้สอบถามและรับทราบนั้น ครั้งก่อนที่มู่หงปรากฏตัวขึ้นนั้น ก็คือการออกเดินทางไปกับเจี่ยงยี่!
กี่เดือนก่อนหน้านี้ ทั้งสองคนก็กลับกันมา จากนั้นก็ไม่ได้ออกมาจากสำนักของตนเองอีกเลย
ชัดเจนว่า ตอนนี้เขากำลังบำเพ็ญฝึกฝนอยู่ในสำนักฉีซานมาโดยตลอด!
เพียงแค่พวกเราก่อเรื่องอะไรขึ้นเล็กน้อย ก็เพียงพอที่จะล่อลวงให้เขาออกมา และก็สามารถที่จะลงมือสังหารเขาได้อย่างง่ายดายแล้ว!
เพียงแค่ไม่อยู่ใกล้กับบริเวณของสำนักฉีซาน พวกยอดฝีมือของสำนักฉีซานก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้แล้ว!
หลินหยุนพูดขึ้นว่า นี่เป็นวิธีการที่ดี! แต่ว่า……
ซิงเฟยพูดว่า แต่ว่าอะไร?
หลินหยุนพูดว่า มันยุ่งยากเกินไปหน่อย!
ซิงเฟยเหลือกตาขาวใส่อย่างไม่สบอารมณ์ และพูดว่า อย่างไรก็ดีกว่าที่จะต้องตาย! นายคิดว่าสำนักฉีซานกระจอกอย่างนั้นเหรอ นายคิดที่จะลงมือทำอะไรก็ได้?
หลินหยุนส่ายศีรษะ และพูดว่า ค่อยว่ากันเถอะ!
ซิงเฟยพูดว่า แล้วจะทำอย่างไรต่อ หรือตอนนี้จะนั่งรอคอยให้พวกเขามาติดกับอย่างนั้นเหรอ?
หลินหยุนพูดขึ้นว่า ไม่รีบร้อน ลองดูสถานการณ์กันก่อนว่าเมืองฉีซานกับสำนักฉีซานนั้นเป็นอย่างไรแล้วค่อยว่ากันอีกครั้ง
เขาไม่รีบร้อนแต่อย่างใด โดยการกระทำเรื่องแบบนี้ ถึงแม้เขาจะไม่ได้เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ถือว่าเป็นคนวงใน
ชาติที่แล้วเพื่อต้องการที่จะลงมือสังหารผู้ที่ดูหมิ่นเย่เยว่ เขาได้พักอยู่ในเมืองของฝ่ายตรงข้ามเป็นเวลานับสิบปี ในที่สุดเขาก็ได้พบกับโอกาส ลงมือสังหารฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ สุดท้ายยังถูกตระกูลของฝ่ายตรงข้ามไล่ล่าตามฆ่านับร้อยปี
ดังนั้น การไล่ล่าสังหาร การหลบหนีเอาตัวรอดนั้น หลินหยุนมีประสบการณ์อย่างมาก
ได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้ว ซิงเฟยเองก็ไม่พูดอะไรมาก ติดตามหลินหยุนมุ่งหน้าไปยังเมืองฉีซานต่อ
ระยะทางกว่าร้อยลี้ สำหรับพวกเขาแล้วก็ไม่ถือว่าหนักหนาอะไร
แต่หลังจากที่เข้าใกล้มากยิ่งขึ้น ซิงเฟยเองก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น
เมื่อมาถึงบริเวณนอกเมืองฉีซานที่ห่างออกไปประมาณไม่กี่ลี้ ทั้งสองคนก็หยุดลง
ซิงเฟยสวมใส่หน้ากากของเธอ เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์
ส่วนหลินหยุนก็ใช้วิชาแปลงกายอย่างง่าย เพื่อเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์หน้าตาเช่นกัน
วิชาแปลงกายนี้ไม่ได้สูงส่งอะไรมากนัก เพียงแค่ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องปะทะลงมือ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกพบเจอตัวได้
เข้าเมือง
ทั้งสองคนได้หาร้านอาหารแห่งหนึ่งแล้วก็เดินเข้าไปด้านใน ไม่นานนักก็ดึงดูดสายตาของผู้คนเป็นอย่างมาก
ต้องจำยอม เพราะว่าด้านข้างมีหญิงสาวที่งดงามมีเสน่ห์อย่างซิงเฟยนี้ คิดที่จะถ่อมตัวก็คงจะถ่อมตัวไม่ได้
สองคนหาที่นั่งในตำแหน่งที่เงียบสงบ และก็ได้ยินผู้คนโดยรอบจำนวนไม่น้อยกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องหนึ่ง
งานประลองยุทธสำนักฉีซาน
ฟังไปชั่วครู่ ทั้งสองคนก็เข้าใจถ่องแท้แล้ว
งานประลองยุทธของเก้าสำนักใหญ่ใกล้จะถึงแล้ว ซึ่งเกี่ยวโยงไปถึงการจัดแบ่งระดับอิทธิพลอำนาจครั้งใหม่
ดังนั้นสำนักฉีซานจำเป็นจะต้องทำการประลองยุทธในกลุ่มลูกศิษย์วัยรุ่น เพื่อคัดเลือกลูกศิษย์ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมเป็นตัวแทนของสำนักเข้าประลองยุทธ
อีกทั้งนี่ยังเป็นวันที่สำนักฉีซานเปิดรับสมัครลูกศิษย์ประจำปีอีกด้วย
เปิดรับลูกศิษย์ก่อน แล้วค่อยทำการประลองยุทธ
ดังนั้นการจัดเรียงขั้นตอนแบบนี้ สะท้อนให้เห็นถึงจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนมาก
เพื่อให้พวกลูกศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้าสำนักดูกันให้ดีว่า พวกศิษย์พี่ของพวกเขานั้น มีความแข็งแกร่งกันขนาดไหน ซึ่งถือเป็นการแสดงแบบอย่างให้ดู
ต้องบอกว่า นี่คือวิธีการที่เยี่ยมยอดอย่างที่สุด
ซึ่งในช่วงเวลานี้ สำนักฉีซานกำลังจัดเตรียมสองงานใหญ่นี้อยู่
ออกมาจากร้านอาหาร ซิงเฟยก็พลันกระซิบพูดกับหลินหยุนอย่างตื่นเต้นว่า ฉันคิดแผนการที่ดีอย่างหนึ่งออกแล้ว! สามารถที่จะล่อลวงให้มู่หงออกมาได้โดยง่าย!
หลินหยุนถามขึ้นว่า แผนการอะไร?
ซิงเฟยพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจว่า ง่ายมาก พวกเราทั้งสองก็แค่ไปเข้าร่วมการทดสอบเข้าสำนักฉีซาน! ซึ่งสามารถที่จะเข้าสู่สำนักฉีซานได้ตามหลักขั้นตอนอย่างถูกต้อง กลายเป็นศิษย์สายใน เมื่อถึงตอนนั้นหากต้องการจะพบเจอกับมู่หงก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายไม่ใช่เหรอ?
ซิงเฟยยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้น ทำแบบนี้ยังมีผลดีมากอีกเรื่องหนึ่ง! นายคิดสิว่า ต่างก็เป็นลูกศิษย์สำนักเดียวกัน ลงมือประลองยุทธ ก็คือเรื่องปกติธรรมดาไม่ใช่เหรอ?
หากในตอนที่ประลองยุทธนั้น ไม่ระวังพลั้งมือ……
อย่างนั้นแล้วก็คงจะไม่เกิดผลอะไรใช่ไหม?
แน่นอนว่า แบบนี้ก็อาจจะดูโจ่งแจ้งไปหน่อย!
แต่เพียงแค่มีโอกาสที่จะพบเจอและสัมผัสกับมู่หง ยังกลัวที่จะไม่มีโอกาสลงมือกำจัดเขาเหรอ?
หลินหยุนครุ่นคิดชั่วครู่ ก็ถามขึ้นว่า สำนักฉีซานไม่มีข้อกำจัดด้านอายุของลูกศิษย์ใช่ไหม?
ซิงเฟยพูดขึ้นว่า มีแน่นอน! เป็นการแบ่งช่วงแดน แบ่งช่วงระดับพลังบำเพ็ญ สำหรับอายุของพวกเรานั้น มาตรฐานการเข้าร่วมทดสอบ ก็คือแดนฝึกพลังระยะกลาง หากเข้าสู่สำนักได้ ก็จะเป็นแดนฝึกพลังระยะหลัง!
เก้าสำนักใหญ่ล้วนเป็นแบบนี้ทั้งหมด!
อายุที่ต่างกัน ก็จะมีมาตรฐานพลังบำเพ็ญที่ต่างกัน!
แน่นอนว่า พลังบำเพ็ญก็คือส่วนหนึ่ง ยังมีการทดสอบพรสวรรค์ด้วย
หลายครั้งด้วยกันที่ต่อให้มีพลังบำเพ็ญถึงขั้นแล้ว แต่พรสวรรค์ไม่เพียงพอ หรือพรสวรรค์ในการฝึกฝนวิชาของสำนักฉีซานไม่เพียงพอ ก็ถือว่าไม่ได้!
หลินหยุนพยักหน้า แล้วก็ครุ่นคิดอีกครั้ง
ผ่านไปสักพัก ก็พูดขึ้นว่า ตัวฉันคงไม่ต้องหรอก ถ้าหากว่าเธอเต็มใจ ก็ลองทำแบบนี้ดูได้
เขามีสถานะเป็นถึงมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ไม่คู่ควรที่จะใช้วิธีการแบบนี้
อีกทั้ง ก็แค่สำนักฉีซานที่ธรรมดาเท่านั้น ไม่คู่ควรกับสถานะของเขา!
ซิงเฟยพลันพูดอะไรไม่ออก นายแน่ใจนะว่าจะไม่ทำแบบนี้?
หลินหยุนพยักหน้าและพูดว่า เธอเองไปเข้าร่วมได้! ก็แค่สำนักฉีซานที่ธรรมดาเท่านั้น ยังไม่คู่ควรที่ฉันจะไปเข้าร่วม!
ต่อให้ไม่ใช่เรื่องจริง ก็ไม่คู่ควรเช่นกัน!
ซิงเฟยเหลือกตาขาวใส่ โมโหอย่างมาก
แต่ว่า……
ถ้าพิจารณาจากพลังบำเพ็ญและพรสวรรค์ของหลินหยุนแล้ว พูดแบบนี้ก็ถือว่าไม่ผิดอะไร
บางทีคำพูดที่โผงผางแบบนี้ ทั้งโลกคุนชางแล้ว ก็คงจะมีเพียงหลินหยุนคนเดียวที่กล้าพูด
ซิงเฟยสูดหายใจลึก ทำปากมุ่ยแบบไม่สบอารมณ์และพูดว่า งั้นตกลง ฉันไปก็แล้วกัน! ฉันผู้ที่อัจฉริยะขนาดนี้ เพียงแค่ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาก็คงจะขอร้องให้ฉันเข้าร่วมสำนักอย่างแน่นอน!
ฉันได้ยินคนพวกนั้นพูดกันว่า สามวันจากนี้จะทำการทดสอบเพื่อเข้าร่วมสำนัก
เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะไปร่วมด้วย!
หลินหยุนเองไม่ได้คัดค้าน
……
สามวันต่อมา ที่เชิงเขาสำนักฉีซาน
หลินหยุนกับซิงเฟยได้เดินกันเข้ามา ก็พบเห็นว่าบริเวณเชิงเขาเต็มไปด้วยผู้คนนับร้อยนับพันคน ซึ่งมีทั้งผู้ที่อายุมากและอายุน้อย
ผู้ที่อายุน้อยก็ยังไม่ถึงสิบปี ผู้ที่อายุมากก็ประมาณสิบกว่าปีจนถึงยี่สิบปี แน่นอนว่าพวกเด็ก ๆ มีจำนวนที่เยอะกว่า
ส่วนผู้ที่มีอายุค่อนข้างมากนั้น มีจำนวนน้อยมาก
เมื่อหลินหยุนกับซิงเฟยเดินเข้ามา ก็ดึงดูดสายตาของผู้คนจำนวนไม่น้อย
ต้องจำยอม แม้ว่าหลินหยุนจะมีรูปร่างหน้าตาที่ธรรมดา แต่ซิงเฟยนั้นเป็นที่ต้องตาต้องใจเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะเป็นที่ต้องตาต้องใจกับพวกชายวัยกลางคนที่มาส่งพวกเด็ก ๆ เพื่อทดสอบเข้าร่วมสำนัก โดยที่สายตาจับจ้องมองมาที่ร่างของซิงเฟยจนแทบจะไม่ขยับเขยื้อนแล้ว