จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1259 ตะลึงงันกันไปทั้งหมด
ได้ยินที่มู่เฉินพูด สายตาของทุกคนในสถานที่แห่งนี้ ต่างก็จับจ้องมาที่หลินหยุนกันทั้งหมด
อยากจะดูว่า เด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง ตกลงจะทำการตัดสินใจอย่างไรกันแน่
จะเกิดความโมโห หรือว่าจะต่อรองเพิ่มจำนวนมากขึ้น หรือว่าจะตอบรับข้อเสนอทันที!
ทุกคนต่างก็อยากรู้อยากเห็นกันอย่างมาก
ไม่เพียงแต่คนอื่นเท่านั้น เวลานี้แม้แต่ซิงเฟยเอง ต่างก็อยากรู้อยากเห็นอย่างมากเช่นกัน อยากจะดูว่าตกลงแล้วหลินหยุนจะทำการตัดสินใจอย่างไร
แต่ว่า ในใจของเธอนั้นก็เกิดความกังวลเป็นอย่างมาก
เพราะหากหลินหยุนลงมือ แล้วจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นคงจะเกิดความอลหม่านวุ่นวาย ถึงขนาดทำให้แผนการที่พวกเธอพยายามทุ่มเทนั้นล้มเหลวลงไปทั้งหมด
ช่างเถอะ ที่จริงก็ไม่ได้พยายามอะไรเท่าไร จึงจะบอกว่าล้มเหลวทั้งหมดก็ไม่ได้
แต่แผนการเดิมที่วางไว้ได้ล้มเหลวลงทั้งหมดนั้นเป็นความจริง
ถ้าหากสถานะถูกเปิดโปงขึ้น ก็ยิ่งไม่คุ้มค่ากับการสูญเสีย
ดังนั้น จิตใจของซิงเฟยในตอนนี้จึงขัดแย้งสับสนไปหมด
แต่เธอยังคงหวังว่า หลินหยุนจะสามารถแสดงพลังอานุภาพ เพื่อขับไล่ไอ้คนหน้าด้านอย่างมู่เฉินนี้ไป
เวลานี้ สายตาของหลินหยุน ก็จับจ้องมาที่มู่เฉินแล้ว
ได้ยินเขาพูดขึ้นว่า นายมีเงินมากใช่ไหม?
เมื่อได้ยินหลินหยุนพูดแบบนี้ ทุกคนต่างก็ผิดหวังกันอย่างที่สุด
ได้ยินแบบนี้ก็เข้าใจถึงความหมายแล้ว ในเมื่อถามขึ้นแบบนี้ ก็แสดงว่าเด็กหนุ่มนั่นไม่คิดจะโกรธแค้นและลงมือแล้ว
หากไม่ลงมือก็ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ที่สนุกตื่นเต้น แล้วจะมีความหมายอะไรล่ะ?
มู่เฉินก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ สายตาแสดงท่าทางเยาะเย้ยออกมาแวบหนึ่ง และพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า เงินสำหรับฉันแล้ว ยังไม่ถือว่าสำคัญอะไรเท่าไร! ในเมื่อนายตอบตกลงแล้ว งั้นก็คุยกันง่ายหน่อย!
ขณะที่พูด
เขาก็หันหน้าไปมองที่ชายชราที่อยู่ด้านหลังคนนั้น และพูดขึ้นว่า ลุงหยู นำน้ำชี่ทิพย์หนึ่งหมื่นหยดออกมา มอบให้กับเพื่อนผู้นี้!
ชายชราได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าเล็กน้อย แล้วก็พลิกฝ่ามือ หยิบขวดหยกออกมาหนึ่งใบ แล้วเดินตรงเข้าไปหาหลินหยุน
หลินหยุนกวาดสายตามองไปที่ฝ่ายตรงข้าม สายตาจับจ้องมาที่ตัวของมู่เฉินอีกครั้ง และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า ในเมื่อนายมีเงินมากขนาดนี้ น้ำชี่ทิพย์หนึ่งหมื่นหยดคงไม่เพียงพอ แบบนี้แล้วกัน น้ำชี่ทิพย์หนึ่งล้านหยด หากนายนำออกมาได้ ข้อเสนอของนายเมื่อครู่นี้ ฉันก็จะตกลงทันที!
ได้ยินที่หลินหยุนพูด ทุกคนต่างก็พากันสูดหายใจลึกกันอีกครั้ง
สีหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เกิดความหม่นหมองลงทันที
เขาคิดว่า คนเบื้องหน้านี้ได้ตอบตกลงแล้ว
คิดไม่ถึงว่า เขาจะมาต่อรองขอเพิ่มค่าตอบแทนขึ้น และยังจะขอเพิ่มในจำนวนที่มหาศาลด้วย
มู่เฉินหัวเราะอย่างเย็นชา และพูดเสียงแข็งขึ้นว่า น้ำชี่ทิพย์หนึ่งล้านหยด นายช่างกล้าที่จะพูดต่อราคาจริง ๆ!
น้ำชี่ทิพย์จำนวนมหาศาลขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าทั้งตระกูล ต่อให้เป็นเก้าสำนักใหญ่ ก็ไม่ง่ายที่จะนำออกมาได้อย่างแน่นอน
คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะกล้าเอ่ยปากต้องการจำนวนมากขนาดนี้ ชัดเจนว่าเป็นการจงใจอย่างแน่นอน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาเองก็ไม่ต้องไปสนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว
นี่คือบริเวณพื้นที่ของสำนักฉีซาน และด้วยความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลมู่กับสำนักฉีซาน ตลอดจนยังมีพี่ชายของเขาอยู่อีกด้วย เขาจึงไม่มีอะไรที่ต้องกังวล
หลินหยุนพูดขึ้นว่า หากนำออกมาได้ ก็ทำการแลกเปลี่ยนกัน หากนำออกมาไม่ได้ ก็ไสหัวไป!
มู่เฉินหัวเราะเสียงแข็ง ดูไม่ออกจริง ๆ ว่า นายจะมีความกล้าหาญแบบนี้ กล้าดีอย่างไรถึงได้พูดจาหยาบคายต่อหน้าฉันอย่างนี้
ฉันแทบจะลืมไปแล้วว่า ครั้งก่อนนั้นโดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่มีคนได้พูดกับฉันแบบนี้!
เยี่ยมเลยเยี่ยมเลย แบบนี้ถึงจะสนุก!
ลุงหยู ช่วยลงมือสั่งสอนไอ้เด็กหนุ่มนี้หน่อยสิ ทำให้เขารู้ว่าวิธีการพูดจาดี ๆ นั้นเป็นอย่างไร!
ชายชราผู้นั้นพยักหน้าเล็กน้อย และพูดว่า รับทราบ คุณชาย!
เมื่อชายชราพูดจบลง ก็หันหน้ามองไปที่หลินหยุนโดยพลัน ลมหายใจอันน่ากลัวในร่างกายได้ปะทุขึ้น แล้วก็ปล่อยหมัดชกออกไปทันที
ชายชราผู้นี้ เป็นถึงยอดฝีมือขั้นยาทองระดับสาม
ได้รับรู้สัมผัสได้ถึงลมหายใจอันน่ากลัวในร่างของชายชราผู้นี้ ทุกคนต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
เป็นยอดฝีมือขั้นยาทองระดับสาม พลังอานุภาพนี้ ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!
เด็กหนุ่มคนนี้อันตรายแล้ว!
เหอะเหอะ ก็สมน้ำหน้า!
ทราบดีว่าฝ่ายตรงข้ามคือคุณชายสามตระกูลมู่ ยังกล้าที่จะเสนอเงื่อนไขความต้องการที่มากขนาดนี้ และยังพูดจาหยาบคายอีก จะไม่เกิดผลร้ายตามมาได้อย่างไร?
ไอ้หนุ่มนี้เกรงว่าจะมาจากตระกูลใดตระกูลหนึ่งเหมือนกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับวงศ์ตระกูลขนาดใหญ่อย่างตระกูลมู่แล้ว จะไปเหนือกว่าได้อย่างไร!
ไอ้หนุ่มนี้ช่างไม่เจียมเนื้อเจียมตัวเอาเสียเลย!
ผู้คนบริเวณโดยรอบต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์
เวลานี้ ในบริเวณที่ใกล้กับเส้นทางการขึ้นภูเขา ลูกศิษย์ในชุดสีส้มสองคน ต่างก็มองหน้าสบตาซึ่งกันและกัน พร้อมกับขมวดคิ้วขึ้น
ลูกศิษย์หนึ่งคนในนั้นพูดขึ้นว่า ศิษย์พี่ ทำอย่างไรกันดี? พวกเราจะเข้าไปห้ามปรามพวกเขาดีหรือไม่? วันนี้เป็นวันทดสอบของสำนักของเรา ซึ่งการลงมือปะทะกันที่นี่ แสดงว่าไม่ได้เห็นสำนักของเราอยู่ในสายตาเลย!
ลูกศิษย์ในชุดสีส้มอีกคนหนึ่งก็ส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา ห้ามปรามอะไรกัน? มองไม่ออกหรืออย่างไร? เด็กหนุ่มผู้นั้น คือน้องชายแท้ ๆ ของศิษย์พี่มู่หง ตอนนี้ก็ยังไม่ตกเป็นรองสักหน่อย พวกเราจะร้อนใจไปทำไม?
ลูกศิษย์หนุ่มที่พูดขึ้นก่อนหน้านี้นั้น กลับขมวดคิ้วขึ้นอีก และพูดว่า แต่ว่า……ในเขตของสำนักบริเวณเชิงเขา ห้ามลงมือก่อความวุ่นวาย นี่คือกฎระเบียบ หากพวกเราไม่เข้าไปห้ามปราม จะถูกตำหนิไหม?
ลูกศิษย์ที่มีอายุมากกว่านั้นพูดขึ้นว่า นายนี่! ยังอ่อนต่อโลกจริง ๆ! หากตอนนี้พวกเรายื่นมือเข้าไปห้ามปราม นายคิดว่า น้องชายของศิษย์พี่มู่หงคนนี้ จะพอใจไหม?
ด้วยพลังบำเพ็ญของเขา การที่มาเข้าร่วมทดสอบนี้ก็เป็นเพียงแค่ทำตามขั้นตอนเท่านั้น ซึ่งจะสามารถผ่านการทดสอบได้อย่างแน่นอน ต่อไปก็จะเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนักของเราแล้ว
และยังจะมีศิษย์พี่มู่หงอยู่อีก
นายลองคิดดูว่า หากตอนนี้พวกเราเข้าไปห้ามปราม จะเกิดอะไรขึ้น?
นับจากวันนี้ไป พวกเรายังจะมีชีวิตที่สุขสบายอยู่อีกเหรอ?
ลูกศิษย์ที่อายุน้อยกว่าได้ยินดังนั้น ร่างกายก็พลันสั่นไหว รับรู้เข้าใจในทันที
และรีบพูดกับศิษย์พี่ที่อายุมากกว่านั้นว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น เกรงว่านับจากวันนี้ไป พวกเราก็คงจะไม่สามารถอยู่ในสำนักได้อีกแล้ว ยังดีที่ศิษย์พี่พิจารณาอย่างรอบคอบ หากไม่มีศิษย์พี่ บางทีฉันอาจจะกระทำผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว! ขอบคุณศิษย์พี่มาก!
ฝ่ายตรงข้ามยิ้มเล็กน้อย ส่ายมือไปมาและพูดว่า ไม่เป็นไร ศิษย์น้องยังหนุ่มนัก เข้าร่วมสำนักก็เพียงแค่ช่วงสั้น ๆ รอให้นายอยู่ในสำนักเป็นเวลานานแล้ว ก็จะเข้าใจเหตุการณ์แบบนี้ไปเองอย่างแน่นอน!
ชายหนุ่มรีบพูดขึ้นว่า ยังต้องให้ศิษย์พี่แนะนำอยู่อีกมากเลย!
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ท่ามกลางฝูงชน หมัดของชายชราก็ได้พุ่งเข้าใส่ไปที่เบื้องหน้าของหลินหยุนแล้ว
หลินหยุนชี้นิ้วออกไป ก็เกิดเสียงตูมตามดังขึ้น
ตูม—-
ยอดฝีมือขั้นยาทองระดับสามที่แข็งแกร่ง กระเด็นลอยออกไปไกล กระแทกกับพื้นอย่างหนัก และกระอักเลือดออกมา
เห็นภาพเหตุการณ์นี้ ทุกคนต่างก็ตื่นตะลึงกันไปหมด
มีคนจำนวนไม่น้อย ตกใจจนถึงกับกรีดร้องขึ้น
ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่า จะมีผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้
ลุงหยูผู้นี้ เป็นถึงยอดฝีมือขั้นยาทองระดับสามเลย!
คิดไม่ถึงว่าจะถูกเด็กหนุ่มที่ธรรมดาคนหนึ่ง เอาชนะได้ด้วยนิ้วเดียว?
ไอ้หนุ่มนี้……มีพลังบำเพ็ญขั้นไหนกันแน่?
นี่……
ไอ้หนุ่มนี้ตกลงเป็นใครกันแน่?
ทำไมถึงได้แข็งแกร่งมากขนาดนี้?
ไอ้หนุ่มนี้เมื่อมองดูแล้ว ก็น่าจะมีอายุประมาณยี่สิบต้น ๆ!
คิดไม่ถึงว่าจะมีพลังบำเพ็ญที่แข็งแกร่งมากขนาดนี้?
ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ!
ไม่เพียงแต่ทุกคนจะตื่นตะลึง
ลูกศิษย์สำนักฉีซานสองคนที่อยู่บริเวณเส้นทางการขึ้นภูเขานั้น ต่างก็คาดคิดไม่ถึงเหมือนกันว่า เหตุการณ์จะกลับกลายเป็นอย่างนี้ไปได้
ลูกศิษย์หนุ่มผู้นั้นตกใจอย่างกะทันหัน พร้อมกับอุทานขึ้นว่า เป็นไปได้อย่างไร? คนผู้นี้คือใคร? ทำไมถึงได้แข็งแกร่งมากขนาดนี้?
ลูกศิษย์ที่มีอายุมากกว่านั้นก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที ไม่อยากจะเชื่อกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น