จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1286 มาถึงสำนัก
ทางด้านสำนักเทียนหยุน พวกเขายังคงค้นหาหลินหยุนอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม หลินหยุนก็เหมือนน้ำหยดหนึ่งที่ตกลงไปในทะเลอันกว้างใหญ่อย่างโลกคุนชาง ถ้าอยากจะหาเขาจนเจอ มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆเลย?
เมื่อไม่สามารถค้นหาหลินชางฉองเจอ สำหรับสำนักเทียนหยุนแล้ว มันก็เหมือนกับมีกระบี่พิฆาตเล่มหนึ่งลอยอยู่เหนือศีรษะ ไม่รู้ว่ามันจะลงมาฟันคนเมื่อไหร่ และไม่รู้ด้วยว่ามันจะฟันศีรษะของใครกันแน่
ดังนั้น ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ด้านในสำนักเทียนหยุน ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโส อาจารย์หรือลูกศิษย์ในสำนัก ทุกคนต่างอยู่ในสำนักและไม่กล้าเดินทางออกไป
ถึงแม้สำนักจะไม่ได้ออกกฎห้ามออกจากสำนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าออกจากสำนักแม้แต่ก้าวเดียว
มันอันตรายมากๆ
อันที่จริง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องอันตราย มันทำให้ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวมากๆ
เพราะคุณสามารถมองเห็น และสัมผัสมันได้
แต่เมื่อเรื่องอันตรายซ่อนอยู่ในที่ลับ คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเจอเรื่องอันตรายเมื่อไหร่ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะมาในรูปแบบไหน เรื่องนี้มันยิ่งทำให้รู้สึกหวาดผวาและน่ากลัวมากๆ
ความหวาดกลัวไม่ได้ค่อยๆหายไป แต่เมื่อเวลายิ่งผ่านไปนานมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สำนักหยุนเยว่ในเวลานี้
ตอนนี้ ด้านบนหุบเขา ยังคงมีเมฆสีขาวปกคลุมอยู่และเมฆสีขาวเหล่านี้
ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เพราะด้านในของมัน มีค่ายกลที่ทรงพลังมากๆอยู่
ในเวลานี้ มีชายชราร่างเล็กคนหนึ่ง เขาจับไม้เท้าและพับขากางเกงของตัวเอง ใส่รองเท้าแตะและเดินตรงเข้ามายังหุบเขา
วินาทีที่แล้ว รู้สึกเหมือนเขาอยู่ไกลมากๆ แต่วินาทีต่อมา เขาก็เดินเข้ามาใกล้แล้ว
ชายชราเดินมาถึงบริเวณรอบๆหุบเขา เขามองไปยังเมฆสีขาวที่อยู่ด้านบน
ผ่านไปสักพัก เขาก็หยิบตราสัญลักษณ์เล็กๆอันหนึ่งออกมา จากนั้นก็โยนเข้าไปในก้อนเมฆสีขาว
ชั่วพริบตา ก้อนเมฆสีขาวก็เคลื่อนไหวด้วยความเร็วทันที
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ก้อนเมฆสีขาวก็แบ่งเป็นสองข้าง และเผยทางเดินออกมาทันที
ชายชราขยับร่างกายและก็เดินเข้าไปทันที
อย่างไรก็ตาม หลังจากเดินทางมาถึงอีกฝั่งของหุบเขา ก็มีคนจำนวนมากมายืนรอเขา
คนที่เป็นผู้นำ ก็คือสองเยว่
คนที่อยู่ข้างๆสองเยว่ ก็คือสี่เยว่
และสามเยว่
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพลังและความแข็งแกร่ง ทำให้อำนาจและคำพูดของสามเยว่สู้สี่เยว่ไม่ได้
เมื่อเห็นชายชรา สองเยว่เอ่ยปากพูดทันที เป็นสหายเทียนหยุนนี่เอง ไม่รู้ว่าสหายมาที่สำนักเทียนหยุนในตอนนี้ มีธุระอะไรเหรอ?
ชายชรายังคงมีสีหน้าที่เป็นมิตร คล้ายๆกับคนชราจากชนบท
เมื่อได้ยินคำพูดของสองเยว่ เขาก็พูดเบาๆ ฉันมาครั้งนี้ เพราะอยากจะถามสหายทุกคน หลินชางฉองคนนั้นเป็นใครมาจากไหนกันแน่ ฉันคิดว่าสำนักของพวกคุณน่าจะรู้เรื่องเหล่านี้
เมื่อสองเยว่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ สายตาของเธอก็เปล่งประกายและพูด สหายเทียนหยุน คุณพูดแบบนี้หมายความว่าไง? หลินชางฉองเป็นใครมาจากไหน สำนักหยุนเยว่ของเราจะรู้ได้ยังไง ฉันคิดว่าสหายเทียนหยุนไปหาหลินชางฉองคนนั้นให้เจอ จากนั้นค่อยถามเขาโดยตรงจะดีกว่า บางทีคุณอาจจะได้คำตอบ
ชายชราพูดเบาๆ สหายสองเยว่ ทำไมต้องพูดแบบนี้ด้วย? พวกเราไม่มีใครเป็นคนโง่ ในเมื่อพวกเราต่างเป็นคนฉลาด ก็พูดกันอย่างคนฉลาดจะดีกว่า
หลินชางฉองคนนั้น ทำไมเขาต้องไปเมืองมี่หยุน ทำไมเขาถึงมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉิน
ฉันเชื่อว่าเรื่องนี้ สหายสองเยว่ น่าจะรู้ดีอย่างแน่นอน?
การมาของฉันในครั้งนี้ ก็เพื่อมาสอบถามเท่านั้น หลินชางฉองคนนั้นเป็นใครมาจากไหนกันแน่!
เขากับสำนักของพวกคุณ มีความเกี่ยวข้องอะไรกันแน่
สหายสองเยว่ ความต้องการของฉัน ไม่ได้มากเกินไปใช่ไหม?
สายตาของสองเยว่กระตุกทันที
เธอเองก็คาดคิดไม่ถึงจริงๆ ชายชราที่ยืนอยู่ด้านหน้าคนนี้ สามารถตรวจสอบเรื่องเหล่านี้จนเจอ
อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้ มันก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของเธอ
หลินหยุนออกจากสำนักหยุนเยว่และตรงไปที่เมืองมี่หยุน
ระยะเวลาที่เขาอยู่ที่เมืองมี่หยุนก็นานพอสมควร และเขาก็สร้างเรื่องใหญ่ที่เมืองมี่หยุนอีกด้วย
อันที่จริง ถ้าอยากจะตรวจสอบเรื่องเหล่านี้ จะพูดว่ายากก็เป็นเรื่องยาก จะพูดว่าง่ายก็เป็นเรื่องง่ายเหมือนกัน
ถ้าตรวจสอบหลินหยุนไปเมืองมี่หยุนและการกระทำต่างๆทั้งหมดของเขาในตระกูลฉิน มันก็สามารถคาดเดาได้เลยว่าหลินหยุนไปเมืองมี่หยุนเพื่อทำอะไรกันแน่
เมื่อบวกกับช่วงเวลาก่อนหน้านี้ สำนักหยุนเยว่ปกป้องตระกูลฉินมากๆ ถ้าคาดเดาว่าหลินหยุนมีความสัมพันธ์กับสำนักหยุนเยว่ มันก็สามารถเดาออกได้อย่างง่ายดาย
ชายชราที่ยืนอยู่ด้านหน้าคนนี้ ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยปรากฏตัว
หลินหยุนปรากฏตัวที่สำนักเทียนหยุนอีกครั้ง เขาได้ลงมือสังหารผู้อาวุโสสองคนจนเสียชีวิต
แต่ชายชราที่ดูแล้วไม่ได้ร้ายกาจคนนี้กลับไม่ได้ปรากฏตัวที่สำนักของตัวเอง
เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาแอบมาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างลับๆ
ถ้าพูดกันแบบนี้……
ถ้าวันนั้น ตอนที่เธอต่อสู้กับรองเจ้าสำนักเทียนหยุน ถ้าชายชราคนนี้หลบซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ เขาคงลงมือช่วยอย่างแน่นอน
ถ้ามีเพียงรองเจ้าสำนักเทียนหยุนเพียงคนเดียว เธอไม่กลัวอยู่แล้ว!
แต่ถ้าต้องต่อสู้กับชายชราที่อยู่ด้านหน้าคนนี้ เธอก็คงต้องเกรงกลัวอยู่แล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จู่ๆสองเยว่ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที
ถึงแม้เธอจะมีท่าไม้ตายเก็บซ่อนอยู่ ถ้าวันนั้นชายชราคนนี้ลงมือจริงๆ เธอมีโอกาสสูงมากๆที่จะเสียชีวิต
ชายชราที่อยู่ด้านหน้าคนนี้ ดูเหมือนชายชราชนบททั่วไป
แต่ทุกคนในโลกคุนชางต่างรู้ดี สำนักเทียนหยุนมีฐานะและความแข็งแกร่งจนถึงทุกวันนี้ เพราะอาศัยเขาเพียงคนเดียว
อย่างไรก็ตาม……ตอนนี้อีกฝ่ายรู้เรื่องนี้แล้ว
ต้องทำยังไงดี?
เอ่ยปากยอมรับตามตรง?
แต่ถ้าเป็นแบบนี้ จะเกิดปัญหาอะไรตามมาทีหลังกันแน่?
เมื่อเธอครุ่นคิดแล้ว ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ได้เลย
เธอหายใจเข้าลึกๆและหันไปมองสี่เยว่ เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและล้มเลิกความคิดทันที
สองเยว่พูด สหายเทียนหยุนพูดล้อเล่นแล้ว คนอย่างหลินชางฉองกับสำนักเทียนหยุนของพวกเราไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย เขาเป็นใครมาจากไหนนั้น สำหรับคำถามนี้ ฉันก็ตอบไม่ได้จริงๆ!
คำพูดนี้เป็นเรื่องจริง
อันที่จริง เธอยอมรับฐานะเจ้าพระคุณของหลินหยุน แต่สี่เยว่ที่อยู่ข้างๆและคนของเธอ ไม่ยอมรับหลินหยุน
เธอพูดแบบนี้ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ของเธอกับสี่เยว่เอาไว้
ถ้าเธอพูดตรงๆออกมา มันก็ไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมแล้ว
สำหรับฐานะเจ้าพระคุณของหลินหยุน พวกเขาทุกคนต้องมีความคิดที่ตรงกัน ถึงจะสามารถพูดออกมาได้
เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ สีหน้าของสี่เยว่ค่อยๆดีขึ้นทันที
แต่เจ้าสำนักเทียนหยุนได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาไม่เชื่ออยู่แล้ว
เจ้าสำนักเทียนหยุนมองไปที่สองเยว่และพูด สหายสองเยว่ จนถึงตอนนี้แล้ว คุณยังไม่ยอมพูดความจริงออกมาอีกเหรอ? ถ้าคุณยังปิดบังต่อไป มันก็ไม่มีประโยชน์หรอก?
เมื่อเขาพูดจบ สี่เยว่ที่อยู่ข้างๆเปล่งเสียงไม่พอใจออกมา เธอพูดอย่างดูถูก เทียนหยุน คุณมาหาเรื่องสำนักหยุนเยว่ของพวกเราเหรอ? ถ้าคิดแบบนี้ พวกเราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว ฉันคิดว่าคุณควรคิดให้ดีๆ คุณมีความสามารถแบบนั้นหรือเปล่า!
สายตาของชายชราเปล่งประกายทันที เขามองไปที่สี่เยว่ทันที
เขาหัวเราะเบาๆและพูด สหายสี่เยว่ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คุณก็ยังคงเป็นคนอารมณ์ร้อนเหมือนเดิม ไม่แปลกใจเลยที่หลายปีที่ผ่านมา คุณก็ยังสู้สหายสองเยว่ไม่ได้
ดูเหมือน มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ!
เมื่อสี่เยว่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ สีหน้าของเธอก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที