จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 129 ค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์
บทที่ 129 ค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์
ในตึกว่างเยว่ หลินหยุนเก็บหินผลึกทองคำที่ถูกตัดแบ่งออกเป็นหลาย ๆ ชิ้น ไว้ที่มุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น
วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว หลังจากที่เขากลับจากตำบลเป่ยเหยียน
ตลอดสามวันที่ผ่านมา หลินหยุนไม่ได้ไปไหนเลย ได้แต่ฝึกบำเพ็ญวิชาอยู่ในตึกว่างเยว่ตลอด จนใกล้จะเลื่อนไปถึงระยะปฐมภูมิตอนปลายอีกขั้นแล้ว
แต่ค่ายกลรวมพลังขนาดเล็ก ที่เขาสร้างไว้เมื่อครั้งก่อนมันหมดฤทธิ์ไปแล้ว เป็นเพราะพลังงานของหยกเหล่านั้น ที่ถูกนำมาใช้สร้างค่ายกลได้หมดสิ้นลงแล้วนั่นเอง
“ไม่รู้ว่าเส้เทียนหัวกับเจี่ยงสงหาได้ไปถึงไหนแล้ว?”
มีหินผลึกทองคำแล้ว หลินหยุนยังคงขาดหินอีกสี่ชนิดคือ หินผลึกแดงแห่งธาตุไฟหินออบซิเดียนแห่งธาตุดิน หินผลึกน้ำแข็งแห่งธาตุน้ำ และเทอร์ควอยซ์แห่งธาตุไม้
หินห้าธาตุเหล่านี้ ไม่ได้มีคุณค่าในสายตาของมนุษย์โลก ซึ่งนี่เป็นจุดที่ทำให้หลินหยุนรู้สึกพึงพอใจอย่างที่สุด
หากหินห้าธาตุเป็นอัญมณีล้ำค่า ซึ่งมีราคาสูงพอ ๆ กับเพชรแล้วล่ะก็ ความปรารถนาของหลินหยุนที่จะหามันเจอได้ ก็คงจะเป็นการงมเข็มในมหาสมุทรแน่แล้ว
หลินหยุนขึ้นมาบนดาดฟ้า มองไปที่ทะเลสาบเยว่หยาที่ส่องประกายวับวามอยู่เบื้องล่าง แต่ความคิดของเขา กลับย้อนไปถึงงานประลองยุทธเมื่อไม่กี่วันก่อน
ในวันนั้นเสี่ยวยู่เล่าบรรยายให้เขาฟังว่า ปรมาจารย์กู่สามารถบินบนท้องฟ้าได้ แถมยังเหยียบเมฆได้อีก หลินหยุนจึงเฝ้าคิดวนเวียนถึงปัญหาข้อนี้ไม่หยุด
ในเมื่อไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง หลินหยุนจึงไม่รู้แน่ชัดว่า ปรมาจารย์กู่ทำแบบนั้นได้อย่างไร
แต่จากการคาดเดาของหลินหยุน ผู้ฝึกบู๊ในโลกนี้ หากต้องการไปให้ถึงระดับลอยล่องเหนือนภา อย่างน้อยที่สุด พวกเขาจะต้องเป็นปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเสียก่อนถึงจะได้
ความแข็งแกร่งของปรมาจารย์กู่ น่าจะอยู่ในขอบเขตระดับพรสวรรค์โดยกำเนิดขั้นสูงสุด หากไม่ใช่เพราะวิชาศพทองแดงของสำนักยินซือ ความแข็งแกร่งของเขา อาจจะเทียบกับฉินหนันเทียนไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่อย่างไรก็ตาม เขาถึงกับสามารถเหยียบเมฆเข้าสนามได้ นี่นับเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
ทว่า จู่ ๆ หลินหยุนก็นึกถึงวิชาเหยียบบนคลื่นน้ำของฉินหนันเทียน จากนั้นก็เหมือนเริ่มจะเข้าใจได้ว่า เทคนิคที่ปรมาจารย์กู่ใช้เหยียบเมฆ สรุปแล้วมันคืออะไรกันแน่
ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย สรุปได้ง่าย ๆ ว่ามันเป็นเพียงลูกเล่นไม้ประดับ ที่ออกแนวแฟนตาซีหน่อย อาจจะดูดีน่ามองก็จริง แต่มันก็แค่เอามาเสริมแต่งให้ดูฟู่ฟ่าหรูหราเท่านั้น ไม่ได้มีประโยชน์ใช้สอยจริงจังอะไร
เวทย์ที่ร้ายกาจทรงพลังจริงๆ ไม่ได้มีอะไรที่ต้องฉูดฉาดหรูหราเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน มันเป็นเทคนิคที่ธรรมดาพื้นฐานมากๆ จึงทำให้คนเห็นรู้สึกว่ามันดูราบเรียบไม่โดดเด่น ไม่ชวนตื่นตาตื่นใจ
เช่นเดียวกับวิชาสิบแปดท่าต้าเต๋าของหลินหยุน นั่นเป็นผลสำเร็จที่มาจากการพัฒนาปรับปรุงและสรรค์สร้าง โดยปรมาจารย์อาวุโสของสำนักต้าเต๋า รุ่นแล้วรุ่นเล่าจำนวนนับไม่ถ้วน
นั่นคือศาสตร์วิชาบู๊ที่แท้จริงของผู้เป็นเซียน ทุก ๆ กระบวนท่าล้วนมีความหมายที่สื่อถึงหลักการแห่งฟ้าดิน ทุก ๆ กระบวนท่าล้วนเป็นศูนย์รวมของกฎเกณฑ์แห่งวิถีต้าเต๋า
แต่รูปแบบของวิชาสิบแปดท่าต้าเต๋า เมื่อดูแล้วจะเป็นอะไรที่ธรรมดาสามัญอย่างยิ่ง
แต่ความแข็งแกร่งของช่วงขอบเขตระยะปฐมภูมิ จะสามารถนำออกมาใช้ได้สูงสุดแค่ห้ากระบวนท่าแรกเท่านั้น หากบำเพ็ญเพียรจนเข้าสู่ขอบเขตที่สอง ระยะแด่เทพเจ้า จะสามารถใช้แปดกระบวนท่าแรกออกมาได้
หากเข้าสู่ระยะแด่เทพเจ้า จะสามารถปลดผนึกพลังเทพที่ซ่อนเร้นอยู่ในร่าง สามารถฝึกฝนบำเพ็ญเพียรเป็นเทพที่แท้จริง
ประมาณบ่ายสามโมง เจี่ยงสงก็โทรมาหาหลินหยุน
“ปรมาจารย์หลิน ของที่คุณต้องการ พวกเราหาเจอแล้วครับ”
หลินหยุนเบิกตากว้างโดยพลัน นี่หาหินห้าธาตุเจอได้รวดเร็วขนาดนี้เลยหรือนี่?
“อยู่ที่ไหน?” หลินหยุนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณอยู่ที่ไหน ผมจะส่งไปให้คุณโดยตรงเลยครับ!” เสียงของเจี่ยงสงเคลือบแฝงไปด้วยเจตนาประจบเอาใจแบบเต็มพิกัด
“ไม่ต้องหรอก ฉันต้องดูก่อนว่ามันใช่สิ่งที่ฉันต้องการหรือเปล่า” หลินหยุนรู้สึกว่า มันไม่ควรจะรวดเร็วถึงขนาดนี้ แม้ว่าหินห้าธาตุจะไม่ได้มีค่าอะไร แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เวลาไม่ถึงสิบวันไม่ก็สักครึ่งเดือน ก็สามารถหาเจอได้แบบนี้
หลินหยุนกังวลว่า สิ่งที่พวกเจี่ยงสงหาเจอจะไม่ใช่หินห้าธาตุ แต่เป็นหินอย่างอื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเสียมากกว่า
“ถ้าอย่างนั้น ผมจะส่งรถไปรับคุณนะครับ!” เจี่ยงสงจัดการรับมือได้ดีมาก
“ได้”
หลินหยุนบอกที่อยู่กับเจี่ยงสง จากนั้นก็ออกจากบ้านพัก ไปรอยังสถานที่ที่นัดหมายกันไว้
ในคฤหาสน์ของเจี่ยงสง หินหลากสีวางเรียงรายซ้อนกันอยู่ใต้ชั้นวางองุ่นในลานบ้าน เจี่ยงสงนั่งคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ กองหินเหล่านั้น ค่อย ๆ หยิบขึ้นมาทีละก้อน พิจารณาดูอย่างระมัดระวัง
“นี่มันก็แค่หินที่มีสีเฉย ๆ เองไม่ใช่เรอะ? ไม่เห็นจะมีราคาค่างวดอะไรเลย! ปรมาจารย์หลินดูเหมือนให้ความสำคัญน่าดู หินพวกนี้มันมีประโยชน์อะไรกันแน่ล่ะเนี่ย?”
เจี่ยงสงเก่งมากในการขุดค้นความต้องการในใจคน แค่ฟังจากน้ำเสียงของหลินหยุนเมื่อครู่ เขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงความใส่ใจของหลินหยุน ที่มีต่อหินเหล่านี้แล้ว
“ท่านเจียงครับ ปรมาจารย์หลินมาถึงแล้ว!” ลูกน้องคนหนึ่ง วิ่งจากข้างนอกเข้ามารายงาน
เจี่ยงสงยืนขึ้น แล้วรีบสั่งลูกน้องทั้งหลายว่า “ตามฉันไปต้อนรับปรมาจารย์หลินเดี๋ยวนี้!”
“ครับผม!”
“ปรมาจารย์หลิน ทั้งหมดที่คุณต้องการอยู่ที่นี่แล้วครับ!” เจี่ยงสงพาหลินหยุนไปที่ชั้นล่างสุดของชั้นวางองุ่น
ตั้งแต่ที่ด้านนอกประตูบ้านของเจี่ยงสงแล้ว ที่หลินหยุนสัมผัสได้ถึงพลังปราณของธาตุทั้งห้าที่แข็งแกร่งเข้มข้นไหลเวียนอยู่
ตอนนี้สามารถยืนยันได้ด้วยตาตัวเองแล้ว ทั้งหมดเป็นของจริงแน่นอน
นี่คือหินห้าธาตุที่เขาต้องการ
“ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เธอหาเจอด้วยตัวเองรึ? ” หลินหยุนหันไปมองเจี่ยงสง แล้วเอ่ยถาม
“นี่เป็นเส้เทียนหัวกับเจิ้งเทียนหว้า ขาใหญ่แห่งเมืองทั้งเจ็ดที่ร่วมแรงแข็งขัน ตามหาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยครับ หินพวกนี้ไม่มีราคาค่างวดอะไร และถึงแม้ว่าจะมีไม่มาก แต่ก็ง่ายต่อการรวบรวมครับผม!”
“ดีมาก” หลินหยุนเข้าใจแล้วว่า ทำไมพวกเจี่ยงสง ถึงตามหาหินห้าธาตุเจอได้อย่างรวดเร็วถึงขนาดนี้
“เดี๋ยวเธอหาใครสักคนเอาไปส่งที่ตึกว่างเยว่ก็แล้วกัน!”
“ตึกว่างเยว่!” เจี่ยงสงตกใจจนผงะ “ควีนจินถึงกับมอบตึกว่างเยว่ให้ปรมาจารย์หลินไปแล้วเหรอครับนี่!?”
ตึกว่างเยว่แห่งทะเลสาบเยว่หยา เป็นคฤหาสน์ที่ดีที่สุดในหลินโจว ไม่มีที่ไหนที่สามารถเทียบเคียงได้
สมัยก่อน เจี่ยงสงเป็นคนสั่งให้เจ้าของโครงการ มอบคฤหาสน์ที่ดีที่สุดในส่วนทะเลสาบเยว่หยาไปให้กับควีนจินด้วยตัวเอง แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ควีนจินจะโอนถ่ายไปให้หลินหยุนแทน นี่แสดงให้เห็นชัดว่า ควีนจินให้ความสำคัญกับหลินหยุนมากขนาดไหน
เจี่ยงสงมองแววตาของหลินหยุนที่จ้องมา ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวเป็นเท่าทวีคูณ
“เด็กๆ มาช่วยปรมาจารย์หลินขนย้ายหินพวกนี้ไปเร็วเข้า!”
ยามพลบค่ำ ณ.ลานตึกว่างเยว่
หลินหยุนตัดหินห้าธาตุทั้งหมดที่ได้มา ให้เป็นรูปทรงเดียวกัน รวมทั้งหมดสี่สิบแปดชิ้น
มีหินห้าธาตุแล้ว ต่อไปสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การสลักรูปแบบการก่อตัวของค่ายกลรวมพลัง ต้องสลักหินให้ครบทั้งหมดสี่สิบแปดชิ้น
จากนั้นจัดเรียงตามการโคจรของมหาจักรวาล ใช้ห้าธาตุองค์ประกอบเป็นตัวขับเคลื่อน คำนวณการโคจรของดาวประจำสัปดาห์ เพื่อให้เกิดการไหลเวียนไม่มีที่สิ้นสุด กำเนิดพลังงานหล่อเลี้ยงอย่างเพียงพอ
หลังจากนี้ แม้ว่าหลินหยุนจะไม่ได้ไปสนใจมันอีก ค่ายกลนี้ก็จะสามารถเติมพลังงานให้กับตัวเองได้โดยอัตโนมัติ
“ยังมีเวลาอีกสามวันก่อนที่โรงเรียนจะเปิด ในสามวันนี้การสร้างค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์จะต้องเสร็จสมบูรณ์”
จากนี้ไป หลินหยุนจะไม่กลับไปที่บ้านของพวกเซี่ยหยู่เวยหลังนั้นอีกแล้ว ตึกว่างเยว่จะเป็นบ้านถาวรของหลินหยุน รอให้สร้างค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์สำเร็จเรียบร้อย สถานที่แห่งนี้จะค่อย ๆ กลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับพรแห่งฟ้าดิน
เมื่อหลินหยุนฝึกฝนบำเพ็ญวิชาที่นี่ จะสามารถได้ผลลัพธ์เป็นสองเท่า โดยที่ใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว!
หลินหยุนใช้เวลาสองวันครึ่ง ในการสลักหินทั้งสี่สิบแปดก้อนนี้ตามรูปแบบค่ายกล
ด้วยความแข็งแกร่งของเขา ซึ่งอยู่ในระยะปฐมภูมิระดับกลาง นี่จึงเป็นเพียงโครงงานขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งของเขาก็เท่านั้น
หากไม่ใช่เพราะ ความแข็งแกร่งก่อนหน้านี้ของหลินหยุนอยู่ในแดนกษัตริย์เซียน มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับกฎของฟ้าดิน เขาในเวลานี้ ย่อมไม่สามารถสลักจารึกรูปแบบการก่อตัวของค่ายกลได้เป็นแน่
เนื่องจากทุกครั้งที่สลักจารึกรูปแบบการก่อตัวของค่ายกล เรียกได้ว่าแทบจะเป็นการย่อเอากฎของฟ้าดินมาใช้สร้างค่ายกลนี้ขึ้นก็ว่าได้
“ในที่สุดก็เสร็จซะที!” หลินหยุนเหนื่อยจนลงไปนอนแผ่กับพื้นเลยทีเดียว
“ต่อไปจัดวางค่ายกล วางศิลาฤกษ์เป็นฐานมั่น!”
เวลานี้ล่วงเข้าสู่ยามดึกมากแล้ว แม้ว่าอากาศจะแจ่มใสดี แต่เพราะเศรษฐกิจของจีนที่พัฒนาอย่างรวดเร็วเกินไปในช่วงหลายที่ผ่านมา ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศอย่างร้ายแรง จนไม่สามารถมองเห็นดวงดาวได้อีกต่อไป
แต่หลินหยุนก็สามารถค้นหาตำแหน่งของฐานการก่อตัว ที่สอดคล้องกับการโคจรของดวงดาวได้อย่างแม่นยำ
หลินหยุนจัดวางหินฐานสี่สิบแปดก้อน ตามรูปแบบค่ายกลอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กลับไปยังส่วนดาดฟ้าของบ้านพัก
“ยังขาดขั้นตอนสุดท้ายอีกขั้น!”
หลินหยุนหลับตาลง จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงเร้นพลังทิพย์อันรุนแรงสายหนึ่ง ก็พุ่งเข้าจู่โจมยังตำแหน่งแกนกลางค่ายกล หินฐานที่ใหญ่ที่สุดซึ่งหลินหยุนจัดวางไว้พลันระเบิดออกมาพร้อมเสียงดัง “เปรี๊ยะ”ดังสนั่นขึ้นมาเสียงหนึ่ง
ทันใดนั้นศิลารากฐานสี่สิบแปดก้อนก็สว่างจ้า ดั่งท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดสลัวปรากฏมีแสงแห่งดวงดาวสี่สิบแปดดวงส่องประกายวับวาวเจิดจรัส
พลังที่มองไม่เห็นแผ่รัศมีครอบคลุมพื้นที่ในระยะหลายพันเมตร ไอทิพย์แห่งฟ้าดินในรัศมีร้อยลี้ต่างมารวมตัว แล้วบรรจบกัน ณ. ทะเลสาบเยว่หยาด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง
อีกไม่นาน พลังทิพย์แห่งฟ้าดินที่อยู่ที่นี่ จะเพิ่มสูงขึ้นจนอยู่เหนือกว่าเมืองทั้งเมืองอย่างเทียบกันไม่ติด
หลินหยุนถอนหายใจออกมาได้ในที่สุด นั่งขัดสมาธิบนดาดฟ้า แล้วเริ่มการฝึกบำเพ็ญวิชาเซียนต่อไป
“ค่ายกลรวมพลังก็มีแล้ว แต่ยังขาดค่ายกลป้องกันอีกค่ายหนึ่ง ถ้าอยากใช้ที่นี่เป็นฐานที่มั่นถาวร อย่างน้อยค่ายกลป้องกันค่ายนี้ จะต้องต้านทานการโจมตีที่อยู่ในระดับของระเบิดนิวเคลียร์ได้
หลินหยุนในเวลานี้ ทำได้เพียงจินตนาการได้ก็เท่านั้น หากต้องการสร้างค่ายกลฮู่ซาน วัสดุที่ต้องใช้ก็จะยิ่งหายากขึ้นไปอีกไม่รู้กี่เท่า และแน่นอนว่าไม่มีทางทำได้สำเร็จภายในระยะเวลาเพียงชั่วข้ามคืน
อีกทั้งสิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างค่ายกลฮู่ซานคือภูติค่ายกล และวิญญาณที่เหมาะสมที่สุดในการเป็นภูติค่ายกล ก็คือสัตว์เทพตามธรรมชาติ
ชี่ทิพย์บนโลกนี้ช่างแห้งแล้งอย่างยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงสัตว์เทพ ขอแค่ได้เจอสัตว์อสูรสักตัวก็นับได้ว่าไม่เลวแล้ว
ดังนั้น เรื่องของการสร้างค่ายกลฮู่ซาน คงทำได้เพียงต้องอาศัยโชคชะตาเท่านั้นแล้ว