จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1314 เกินไปแล้วโยม
ยอดฝีมือขั้นยาทองระดับหกสามคน ย่อมมีความเร็วพอสมควร ซึ่งก็ได้ไล่ตามชายหนุ่มชุดดำกับหลินหยุนสามคนนั้นได้ทันแล้ว
ชายหนุ่มชุดดำหันหน้ากลับมามองเล็กน้อย ยิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า จะไล่ตามมากันทำไมล่ะ? จะต้องให้ฉันลงมือสังหารพวกเขาอย่างนั้นเหรอ? แม้ว่าฉันจะโปรดปรานในสิ่งนี้ แต่ทำไมถึงจำเป็นต้องทำสิ่งนี้ด้วย?
วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์ที่จะกระทำสิ่งนี้นะ!
หลินหยุนส่ายศีรษะไปมา โดยที่ไม่ได้พูดอะไร
ส่วนซินเฟยเองจนถึงตอนนี้ก็ยังคิดไม่ออกว่า ทำไมคนผู้นี้ถึงได้ตัดสินใจลงมือ ช่วยเหลือหลินหยุนและตัวเธอเองด้วย
ถูกต้อง ชายหนุ่มหัวล้านชุดดำที่อยู่เบื้องหน้านี้ ไม่ใช่คนอื่นไกล ก็คือบุตรธยานะแห่งสำนักธยานะที่ดูเหมือนจะมีสติฟั่นเฟือน และยังเคยปะทะต่อสู้กับหลินหยุนมาแล้วครั้งหนึ่งด้วย
เธอคิดที่จะสอบถามหลินหยุนในทันที ว่าได้ไปมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับบุตรธยานะที่สติฟั่นเฟือนนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
แต่เธอเองก็รู้ว่า เวลานี้ยังไม่เหมาะสม
ด้านหลังยังมีผู้คนไล่ล่าอยู่ ซึ่งห้ามที่จะก่อเรื่องเพิ่มขึ้นอีกเป็นอันขาด
ไม่นาน ยอดฝีมือทั้งสามคนก็ไล่ตามมาจนทันแล้ว
ยอดฝีมือตระกูลป๋ายคนนั้นตวาดเสียงดังขึ้นทันทีว่า สหายชุดดำที่อยู่เบื้องหน้า ปล่อยตัวหลินชางฉองออกมาจะเป็นการดีที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้ว วันนี้นายกับไอ้ปีศาจหลินชางฉองนั้น จะต้องพบกับความตายไปพร้อมกัน!
บุตรธยานะถึงกับจำใจไม่รู้จะทำอย่างไรดี ก็เลยหันหลังกลับมาปล่อยพลังหมัดสีทองเข้าใส่
ทั้งสามคนที่อยู่ด้านหลังต่างก็พากันตกใจ
จากนั้นก็พลันพบว่า ยอดฝีมือตระกูลป๋ายผู้นั้น หลังจากที่ถูกโจมตีด้วยพลังหมัดสีทองแล้ว ร่างกายและยาทองของเขาก็แหลกละเอียดในพริบตา แม้แต่คลื่นพลังเพียงเล็กน้อยก็ไม่มีปรากฏ
เห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว ยอดฝีมือตระกูลจาง รวมถึงผู้ฝึกอิสระผู้นั้น ต่างก็จิตใจสั่นสะเทือน ในสมองล้วนมีแต่ความว่างเปล่า
ทันใดนั้นก็หันหลังเพื่อหลบหนีเอาตัวรอดอย่างเร่งรีบ
เห็นเงาร่างทั้งสองนั้นได้หนีจากไป บุตรธยานะก็พูดพล่ามขึ้นว่า ทำไมจะต้องเป็นแบบนี้ด้วยล่ะ!
ครึ่งวันผ่านไป ที่บริเวณในภูเขาลึก
หลินหยุนนั่งขัดสมาธิอยู่ในวิมาน
เวลานี้สีหน้าของเขาขาวซีดอย่างที่สุด และอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงอย่างมาก
ส่วนบุตรธยานะกับซินเฟยนั้นก็อยู่ด้านข้าง
ซินเฟยอยู่ในสภาพที่เคร่งเครียดอย่างที่สุดมาโดยตลอด เข้าไปใกล้หลินหยุน แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเอ่ยปากพูดกับคนบ้าสติฟั่นเฟือนนั้น
บุตรธยานะพูดขึ้นอย่างจำใจว่า ทำไมเธอถึงดูเหมือนว่าจะเกรงกลัวฉันล่ะ? ฉันคือนักบวช มีจิตใจเมตตากรุณา ตรงไหนกันที่ทำให้เธอหวาดกลัวมากขนาดนี้?
ซินเฟยพูดอะไรไม่ออก
นายน่ะเหรอเป็นนักบวช?
และยังจะมีจิตใจเมตตากรุณาอีก?
หากนายมีจิตใจเมตตากรุณา ถ้าอย่างนั้นในใต้หล้านี้ก็คงจะไม่มีคนที่มีจิตใจเมตตากรุณาอีกแล้ว!
เธอยากที่จะเชื่อว่า บุตรธยานะแห่งสำนักธยานะที่ยิ่งใหญ่ ทำไมถึงได้อยู่ในสภาพเช่นนี้
เห็นซินเฟยไม่พูดไม่จา บุตรธยานะก็พูดขึ้นว่า เธออย่าได้วิตกเคร่งเครียดไป ทำอย่างกับว่าฉันเป็นเสือกินคนอย่างไรอย่างนั้น น่าเบื่อมากเลย?
ซินเฟยก็ยังไม่กล้าที่จะพูด โดยที่สายตาได้จับจ้องมาที่ร่างของหลินหยุนโดยตลอด
สามวันผ่านไปแล้ว หลินหยุนก็ยังคงรักษาอาการบาดเจ็บอยู่เช่นเคย
แต่ดูจากสภาพแล้ว เหมือนจะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไร
ทนทรมานแบบนี้มาอีกสองวัน ในที่สุดหลินหยุนก็รักษาอาการบาดเจ็บจนเสร็จสิ้น และลืมตาสองข้างขึ้นมาอีกครั้ง
สูดหายใจยาว พร้อมกับลุกยืนขึ้น
หลินหยุนที่สีหน้าขาวซีดได้มองไปยังบุตรธยานะ ครั้งนี้ ต้องขอบคุณอย่างมาก!
บุตรธยานะกำลังคาบต้นหญ้าอยู่ที่ปาก ยืนพิงที่ประตูวิมานอย่างสบายใจ ในมือถือนิยายเล่มหนึ่งที่เหมือนจะมีชื่อว่าจักรพรรดิเซียนเกิดใหม่พร้อมกับเปิดอ่านอย่างมีอรรถรส
ได้ยินที่หลินหยุนพูด ก็คายต้นหญ้าที่ปากทิ้งและพูดขึ้นว่า โยมไม่ต้องเกรงใจฉันก็ได้ นักบวชมีจิตใจที่เมตตากรุณา เมื่อเห็นโยมใกล้ที่จะเสียชีวิต ฉันเองจะปล่อยไปโดยที่ไม่สนใจได้อย่างนั้นเหรอ?
แน่นอน โยมอย่าได้หลงลืม เรื่องที่ได้ตกลงกับฉันเอาไว้ก็พอแล้ว!
หลินหยุนพยักหน้า ไม่ลืมอย่างแน่นอน!
ได้ยินที่สองคนพูดกัน ซินเฟยก็รีบมองไปที่หลินหยุนและถามขึ้นว่า นายตกลงรับปากเรื่องอะไรกับเขาเหรอ?
หลินหยุนพูดว่า เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น! ใช่แล้ว สถานการณ์ที่เมืองกวางยักษ์เป็นอย่างไรบ้าง?
ซินเฟยรีบพูดขึ้นว่า คนของสำนักเทียนหยุนกับสำนักอริยสัจต่างมาถึงแล้ว! ตอนนี้กำลังตามหานายไปทั่วทุกแห่งหน! อีกทั้ง คนของสำนักอริยสัจยังได้ประกาศไล่ล่าอีกด้วย!
ทุกคนที่แจ้งเบาะแสรายละเอียดเกี่ยวกับนายนั้น จะได้รับเครื่องรางทิพย์ชั้นยอดคนละหนึ่งชิ้น!
คนที่สังหารนายได้ ไม่เพียงแต่จะได้รับเครื่องรางทิพย์ชั้นยอดหนึ่งชิ้นแล้ว ยังจะได้รับสิทธิในการเข้าสู่สำนักอริยสัจ กลายเป็นลูกศิษย์สายในคนสำคัญอีกด้วย!
ตอนนี้ หากว่านายออกไปด้านนอก ก็จะถูกคนพบเจอตัวในทันที!
มีคำพูดหนึ่งที่ว่าไม่มีที่ให้ยืนอยู่ได้อีกแล้ว!
ในตอนนี้พวกเราก็คงจะมีสถานการณ์ประมาณแบบนี้แล้ว!
หลินหยุนพยักหน้าเล็กน้อย
เรื่องนี้ เขาเองไม่ค่อยจะกังวลใจมากนัก
ความสามารถในการหลบซ่อนตัวของเขา ไม่ใช่ว่าผู้ใดก็สามารถที่จะพบเจอได้
ครุ่นคิดสักครู่ หลินหยุนก็มองไปยังบุตรธยานะ และพูดขึ้นว่า ฉันต้องการโอสถชั้นยอดบางอย่างในการฟื้นฟูทางเดินของเลือดลมในร่างกาย!
บุตรธยานะได้ยินดังนั้น ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที และพลันพูดขึ้นว่า ทำไมนายต้องใช้สายตาแบบนั้นมองมาที่ตัวฉันด้วย? ในตัวของฉันไม่ได้มีสมบัติล้ำค่าที่สูงส่งขนาดนั้นสักหน่อย!
หลินหยุนพูดขึ้นว่า ฉันฟื้นฟูร่างกายเร็วขึ้นหนึ่งวัน จึงจะสามารถมอบสิ่งที่นายต้องการได้เร็วขึ้นอีกหนึ่งวัน
บุตรธยานะพลันพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า คุณโยม แบบนี้เท่ากับว่ากำลังข่มขู่ฉัน! จิตใจของนายนี้มันช่างย่ำแย่ยิ่งนัก! เชื่อไหมว่าฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว และก็จะลงมือสังหารนายทิ้งในตอนนี้เลย!
หลินหยุนพูดขึ้นว่า จะไม่ทำให้นายเสียเปรียบหรอก! ในเมื่อเป็นนักบวช ก็จะต้องมีลักษณะท่าทางของนักบวชสิ!
บุตรธยานะเหลือบตาขาวใส่โดยที่พูดอะไรไม่ออก และพูดขึ้นว่า ถึงอย่างไรในตัวของฉันก็ไม่มีโอสถทิพย์อะไรนั่นอยู่แล้ว! นายตามหาผิดคนแล้ว!
หลินหยุนพูดขึ้นว่า นายไม่อยากที่จะเข้าใจและรับรู้ว่า อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าธยานะอย่างแท้จริงอย่างนั้นเหรอ?
บุตรธยานะได้ยินดังนั้นก็ตื่นตะลึงขึ้น
จากนั้นก็ถอนหายใจยาว และเก็บอาการเมื่อครู่นี้ขึ้น พร้อมกับพูดอย่างจริงจังว่า ตกลง หวังว่านายจะทำให้ฉันพึงพอใจ ไม่อย่างนั้น ฉันจะโปรดสัตว์นายแน่นอน!
เมื่อพูดจบ
ก็เกิดลำแสงแวบขึ้น
โอสถหนึ่งเม็ดก็ลอยมาที่ตัวของหลินหยุน
หลินหยุนยื่นมือรับ แล้วก็นั่งขัดสมาธิ กลืนโอสถนั้นเข้าไป และฟื้นฟูร่างกายต่อไป
สิบวันหลังจากนั้น ลมหายใจของหลินหยุนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พลังทิพย์ก็พลุ่งพล่านอย่างผิดปกติ
ผ่านไปสักพักหนึ่ง หลินหยุนก็ได้ถอนหายใจยาว และในที่สุดก็ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นอีกครั้ง
ซินเฟยรีบวิ่งเข้ามาหา เป็นอย่างไรบ้าง? อาการบาดเจ็บของนายหายดีแล้วเหรอ?
หลินหยุนส่ายศีรษะไปมา
ในตอนนี้เขาก็ยังคงมีสีหน้าที่ซีดขาวอยู่เช่นเคย
ทางเดินของเลือดลมนั้นได้ฟื้นฟูกลับเป็นปกติแล้ว
อาการบาดเจ็บก็ฟื้นฟูแล้วทั้งหมด แต่ก็ยังต้องใช้เวลาพักรักษาตัวอีกสักระยะ
แต่ว่า ไม่เป็นปัญหาใหญ่แล้ว!
ขณะที่พูด สายตาของหลินหยุนก็จ้องมองไปยังบุตรธยานะ
และได้ปล่อยเส้นลำแสงตรงเข้าใส่บุตรธยานะทันที
บุตรธยานะก็คว้าเอาไว้ในมือได้ในพริบตา
ในขณะเดียวกัน พลังอันพิสดารก็ได้แผ่กระจายปกคลุมไปทั่วทั้งภายในวิมาน
ซินเฟยตกใจขึ้นอย่างกะทันหัน รีบหันหน้ามองไปที่หลินหยุนและถามขึ้นว่า นี่คืออะไร?
หลินหยุนพูดว่า ไม่มีอะไร พวกเราไปกันเถอะ!
เมื่อพูดจบ ก็พาซินเฟยออกมาจากวิมาน
ซินเฟยพูดขึ้นว่า พวกเราไม่สนใจเขาแล้วเหรอ?
หลินหยุนพยักหน้า ไปเถอะ พวกเราไปกันที่ทะเลกวางยักษ์!
เวลานี้เขายิ่งรับรู้ได้อย่างลึกซึ้งว่า พลังบำเพ็ญของตนเองนั้นไม่เพียงพอแล้ว
เหตุการณ์แบบที่เกิดขึ้นในเมืองกวางยักษ์นั้น เขาจะไม่ยินยอมให้เกิดขึ้นอีกครั้งอย่างเด็ดขาด
แน่นอนว่า ถ้าหากไม่มีบุตรธยานะยื่นมือเข้าช่วย เขาเองก็ยังคงมีไพ่เด็ดใบสุดท้ายหลงเหลืออยู่
แต่ถ้าหากแม้แต่ไพ่ใบสุดท้ายยังจะต้องใช้ออกไป ผลลัพธ์ของการที่เขากระทำไปทั้งหมดนั้น ก็คงจะหนักหนาสาหัสอย่างมากเลยทีเดียว
แผนการที่ดีที่สุดในตอนนี้ จำต้องอยู่ที่ทะเลกวางยักษ์ จึงจะสามารถทำให้เขาพบเจอกับปาฏิหาริย์ได้
ดังนั้น ต่อให้จะมีความเสี่ยงต่ออันตรายบ้าง ก็คงไม่เป็นอะไรแล้ว
และในขณะเดียวกันนั้น ยอดฝีมือของสำนักอริยสัจ สำนักเทียนหยุน และสำนักกวางยักษ์ รวมถึงยอดฝีมือผู้ฝึกอิสระอีกจำนวนมาก ต่างก็พากันสืบเสาะค้นหาแหล่งพักพิงของหลินหยุนกันอย่างไม่หยุด