จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1318 ทวนหัก
หลินหยุนเองก็ลองทำดูบ้าง ซึ่งสีหน้าก็ย่ำแย่ลงทันทีเช่นกัน
ถ้าหากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่ต้องพูดถึงซินเฟยหรอก ตัวเขาเองก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย
เหอะเหอะเหอะเหอะเหอะ—-
เหอะเหอะเหอะเหอะเหอะ—-
เสียงหัวเราะที่น่าสยดสยองขนลุกขนพองราวกับว่าดังอยู่ที่ข้างหู เหมือนกับว่ามีคนหัวเราะอยู่ที่ข้างหูของคุณอย่างไรอย่างนั้น
ซินเฟยยิ่งมีสีหน้าที่ขาวซีดมากขึ้น ร่างกายก็เริ่มที่จะสั่นไหวถึงขั้นรุนแรงแล้ว
ซินเฟยกัดฟันใช้แรงดึงไปที่แขนของหลินหยุน และพูดขึ้นอย่างยากลำบากว่า หลินหยุน ฉัน……ฉันใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว! ฉันเหมือนใกล้จะตายแล้ว!
เวลานี้หลินหยุนเองก็มีสีหน้าที่ขาวซีดหนักขึ้นเช่นกัน
เดิมทีอาการบาดเจ็บของเขาก็ยังไม่หายโดยสมบูรณ์ พวกเสียงร้องไห้และเสียงหัวเราะที่น่าสยดสยองนั้น ก็ส่งผลกระทบต่อเขาเองอย่างมากเช่นกัน
แต่แน่นอนว่าเขาสามารถที่จะอดทนยืนหยัดได้เหนือกว่าซินเฟยเป็นอย่างมาก!
ขณะที่ซินเฟยพูดจบลงนั้น ก็กระอักเลือดออกมาในทันที
เมื่อกระอักเลือดออกมา หยินชี่ในบริเวณโดยรอบก็ยิ่งกำเริบเสิบสานมากขึ้น กลิ่นอายจำนวนมากเหมือนจะสะเทือนสั่นไหวขึ้นมากันทั้งหมด
หลินหยุนดวงตาเป็นประกายขึ้นโดยพลัน และชกซินเฟยจนสลบลงไป โดยที่ปล่อยให้เธอทรุดตัวลงในอ้อมแขนของตนเอง
จากนั้นก็ขยายร่าง เหาะเหินไปยังเบื้องหน้า
ตั้งแต่ที่เข้าสู่ทะเลกวางยักษ์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ทำการเหาะเหิน
ไม่นานนัก เสียงกรีดร้องอันน่าเศร้าสลดอย่างที่สุด ก็ดังขึ้นที่บริเวณด้านหลังของเขา
ในขณะเดียวกัน กลิ่นอายจำนวนนับไม่ถ้วนก็กำลังมุ่งหน้าตรงมาทางเขาอย่างรวดเร็ว
หลินหยุนเบิกตาโพลง
เป็นพวกทหารโครงกระดูก และยังเป็นพวกทหารโครงกระดูกที่แข็งแกร่งมากอีกด้วย!
พริบตาเดียวพวกทหารโครงกระดูกก็มาอยู่ที่เบื้องหน้าแล้ว
หลินหยุนชกหมัดเข้าใส่ พวกทหารโครงกระดูกขั้นยาทองระดับสามทั้งห้าตนก็แหลกสลาย กลายเป็นหมอกดำ สูญหายไปในความว่างเปล่า
หลินหยุนถอนหายใจยาว
และก็ไม่กล้าที่จะเหาะเหินต่ออีก ทำได้เพียงโอบอุ้มซินเฟยมุ่งหน้าเดินต่อไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งในเวลานี้ เขาได้มาถึงที่สันเขาแห่งหนึ่ง
เบื้องหน้าก็ยังคงมืดมิด ปลายทางที่สามารถมองเห็นได้นั้น ก็แค่สิบกว่าเมตร ซึ่งก็มองไม่เห็นอะไร
แต่ในขณะที่หลินหยุนกำลังคิดที่จะมุ่งหน้าเดินต่อไปนั้น ก็มีแท่นดินขนาดเล็กปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของเขา
แท่นดินมีขนาดที่ไม่ใหญ่ ซึ่งมีขนาดประมาณโต๊ะสี่เหลี่ยมที่คนทั่วไปใช้ในการรับประทานอาหาร อีกทั้งมีมุมหนึ่งที่แตกหักแล้วด้วย
หลินหยุนดวงตาเป็นประกาย และรีบก้าวเดินเข้าไปดู
บริเวณโดยรอบของแท่นดินนั้น มีโครงกระดูกกองกันอย่างหนาแน่น เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยโครงกระดูกขาวโพลนไปทั้งหมด
สถานที่แห่งนี้ คงจะเคยเกิดสงครามการปะทะครั้งใหญ่และดุเดือดขึ้นอย่างแน่นอน
หลินหยุนพลันพบว่า โครงกระดูกเหล่านี้ แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นโครงกระดูกของคน แต่ในจำนวนนั้นก็ยังมีโครงกระดูกของสัตว์ปะปนอยู่บ้างเล็กน้อย
อีกทั้ง ยังมีทวนยาวที่แตกหัก ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าของแท่นดินด้วย
หลินหยุนขมวดคิ้ว พบว่าในบริเวณด้านข้างของทวนยาวนั้น เป็นโครงกระดูกของคนที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งส่วนด้านหน้าของโครงกระดูกคน เป็นโครงกระดูกสัตว์ และก็ไม่สมบูรณ์เช่นกัน
สัตว์ชนิดนี้ เหมือนจะเป็นลิงตัวหนึ่ง
ท่อนแขนที่เรียวยาวและกรงเล็บที่แหลมคมอย่างที่สุด ได้ทิ่มแทงไปยังกลางหน้าอกของโครงกระดูกคน และในส่วนกระโหลกศีรษะของลิงนั้น มีหัวทวนครึ่งท่อน
ดูเหมือนว่า จะเป็นการตายลงพร้อมกันอย่างแน่นอน
หลินหยุนถอนหายใจยาว คนหนึ่งคนกับลิงหนึ่งตัว ตอนมีชีวิตอยู่คงจะมีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งอย่างมาก ขาดอีกเพียงเล็กน้อยก็จะเข้าสู่ขั้นแดนจิตปฐมแล้วอย่างแน่นอน
เพราะว่าทวนหักด้ามนั้น เดิมทีก็ไม่ใช่สิ่งของธรรมดาทั่วไป
แม้ว่าจะแตกหัก แม้ว่าจะผ่านไปนานไม่รู้กี่ปีแล้ว เวลานี้ ด้านบนของทวนหักด้ามนั้น ก็ยังคงมีพลังอานุภาพที่น่าสะพรึงกลัวหลงเหลืออยู่ เหมือนจะก่อตัวกลายเป็นขอบเขตอย่างหนึ่งไปแล้ว
นี่มันเหนือกว่าเครื่องรางทิพย์ชั้นยอดเสียอีก
โครงกระดูกสองร่างนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่มีความแข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดของสถานที่แห่งนี้แล้ว
ส่วนคนผู้นั้น น่าจะเป็นผู้ที่สาบานด้วยชีวิตว่าจะพิทักษ์รักษาแท่นดินด้านหลังนั้น
สายตาของหลินหยุนจ้องมองไปที่แท่นดินนั้น
พลังในอากาศที่เบาบาง หลินหยุนสามารถรับรู้สัมผัสได้แล้ว
หลินหยุนดวงตาเป็นประกาย และเดินตรงเข้าไปที่แท่นดินด้วยความระมัดระวัง
ที่นี่ เหมือนจะเป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามมิติ และดูเหมือนจะเป็นค่ายกลระดับที่ไม่ต่ำด้วย
ในขณะนั้นเอง เสียงหัวเราะอันน่าสยดสยองก็ดังขึ้นอีกครั้ง
หลินหยุนครุ่นคิดชั่วครู่ โดยที่ไม่สนใจเสียงหัวเราะนั้น และมองที่แท่นดินต่อไป
หลังจากที่มองสำรวจอย่างละเอียดแล้วก็พบว่า ที่นี่คือสถานที่เคลื่อนย้ายข้ามมิติจริง ๆ แต่ตอนนี้ได้พังทลายลงแล้ว
ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามมิตินี้ น่าจะอาศัยแท่นดินนี้ ในการรวบรวมพลังพื้นดิน โดยอาศัยแรงพลังที่อยู่ภายในพื้นดิน นำมาใช้เป็นฐานพลังในการขับเคลื่อน
แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าผ่านไปนานกี่ปีแล้ว ภายในพื้นดินก็คงจะไม่หลงเหลือพลังงานอะไรเท่าไรแล้ว
พื้นดินน่าจะถูกทำลายลงอย่างพินาศ หลงเหลือเพียงแค่คลื่นพลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่สิ่งที่ทำให้หลินหยุนรู้สึกสะเทือนจิตใจนั้นก็คือการมีอยู่ของค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามมิติ โดยที่จะเคลื่อนย้ายข้ามมิติไปยังสถานที่แห่งใด
ด้วยสายตาของเขาแล้ว สามารถที่จะมองออกได้ว่า นี่คือค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามมิติที่กำหนดจุดหมายปลายทางได้
เป็นไปได้อย่างมากว่า เคลื่อนย้ายข้ามมิติไปยังจุดที่ลึกที่สุดของทะเลกวางยักษ์แห่งนี้
จากตำแหน่งที่เขาอยู่ในตอนนี้ น่าจะเป็นเพียงแค่บริเวณด้านข้างของทะเลกวางยักษ์เท่านั้น
หากจะเคลื่อนย้ายข้ามมิติ ก็คงจะเคลื่อนย้ายข้ามมิติไปยังจุดที่ลึกที่สุดอย่างแน่นอน
ก็หมายความว่า ที่นี่ในตอนนั้นอาจจะเป็น สถานที่เคลื่อนย้ายข้ามมิติในบริเวณภายนอกของแคว้นโบราณนั้นก็เป็นได้
ถ้าหากคาดเดาไม่ผิด ในสถานะที่เป็นจุดเคลื่อนย้ายสำคัญ ก็คงไม่น่าจะมีสภาพที่เรียบง่ายธรรมดาอย่างนี้ ในตอนนั้นบริเวณโดยรอบตรงนี้จะต้องมีสิ่งก่อสร้างจำนวนไม่น้อย และจะต้องมีพลังการปกป้องคุ้มกันอย่างแน่นหนาแน่นอน
ประมาณว่าถูกมหาศึกสงครามครั้งนั้นทำลายล้างลงจดหมดสิ้น ตอนนี้จึงไม่หลงเหลือแม้แต่ร่องรอยอะไรเลย
หลินหยุนสูดหายใจลึก โอบร่างของซินเฟยไว้ แล้วมุ่งหน้าเดินต่อไป
สำหรับทวนหักด้ามนั้น เขาไม่ได้ไปแตะต้อง
ถ้าหากทวนด้ามนี้สมบูรณ์ไม่แตกหัก นั่นคงจะเป็นอาวุธเทพชิ้นหนึ่งอย่างแน่นอน
แต่ในสภาพที่แตกหักแบบนี้ ก็ไม่ถือว่าสำคัญอะไรแล้ว ซึ่งเขาเองก็ไม่เห็นคุณค่า
เดินต่อไปอีกเป็นเวลาหลายวัน เสียงหัวเราะอันน่าสยดสยองนั้นก็ไม่ดังขึ้นอีกแล้ว และเขาก็ไม่ได้พบเจอกับทหารโครงกระดูกอีกเลย
แต่ยิ่งเดินไปข้างหน้ามากเท่าไร หลินหยุนก็พบว่า เสียงร้องไห้อันเศร้าสลดนั้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
เวลาผ่านไปอีกสองวัน หลินหยุนก็ยังเดินออกจากภูเขาไม่ได้
แต่ เขาพลันพบว่า ด้านหน้านั้นมีลำแสงสีแดงปรากฏขึ้น
ลำแสงสีแดงนี้ เหมือนกับประภาคารอย่างไรอย่างนั้น ทะลุผ่านหมอกดำไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ขณะที่มองเห็นลำแสงสีแดงนั้น ร่างกายของหลินหยุนก็สั่นไหวอย่างรุนแรง เหมือนกับว่าร่างกายถูกพลังที่แปลกประหลาดโจมตีเข้าใส่แล้ว
ดวงไฟสีแดงนั้นเหมือนจะอยู่ห่างไกลออกไปเป็นหมื่นพันลี้ แต่กลับมีหนึ่งเส้นลำแสงที่เพียงพริบตาเดียวก็มาถึงที่เบื้องหน้า ทันใดนั้นก็พุ่งพรวดเข้าไปที่ระหว่างคิ้วของหลินหยุน
หลินหยุนตกใจอย่างมาก รีบกดไปที่ระหว่างคิ้ว แล้วก็กระอักเลือดออกมา
แต่เลือดที่ออกมานั้นกลับกลายเป็นสีดำ
ทันใดนั้น ยาทองของหลินหยุนก็ขับเคลื่อนขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
เสียงหัวเราะที่น่าสยดสยองนั้นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ ไม่ได้ดังขึ้นที่ภายนอก แต่ดังขึ้นมาจากภายในร่างกายของเขา
ร่างกายของหลินหยุนสั่นไหวอย่างรุนแรง สีหน้าขาวซีดไปทั้งหมด กัดฟันเหล็กในปากแน่นแล้วก็ตะโกนเสียงดังขึ้น
พลังยาทองได้รับการกระตุ้นจนขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ พริบตาเดียวก็ได้ห่อหุ้มหลิงไถนั้นเอาไว้
แต่ภายในหลิงไถ กลับถูกลำแสงสีแดงที่แปลกประหลาดนั้นปกคลุมทั้งหมดแล้ว
พลังยาทองไม่สามารถที่จะเข้าสู่ภายในได้ ประสาทสัมผัสทั้งหกก็สูญสิ้นไปหมดแล้ว
บริเวณหลิงไถระหว่างคิ้วนั้น เรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่าตันเถียนข้างบน
คนเรามีกันอยู่สองตันเถียน ซึ่งล้วนมีความสำคัญอย่างที่สุด
ตันเถียนข้างล่าง เป็นที่ตั้งอยู่ของโลกกำลังภายในตัว
ตันเถียนข้างบน คือบริเวณที่ดวงจิตถือกำเนิดขึ้น และก็คือที่ตั้งอยู่ของจิตใจและสติปัญญา
หลินหยุนเกิดความหวาดกลัวอย่างมาก รีบขับเคลื่อนพลังยาทองอย่างบ้าคลั่ง เพื่อที่จะช่วงชิงหลิงไถของตนกลับคืนมา
แต่ว่า จิตใจและสติปัญญาของเขากำลังถูกทำลายพังพินาศลงไปอย่างรวดเร็ว
หลินหยุนโมโหขึ้นทันที คิดที่จะช่วงชิงดินแดนหลิงไถของฉันอย่างนั้นเหรอ?
ช่างคิดเพ้อเจ้อเกินไปหน่อยแล้ว!
ลำพังแค่ปีศาจร้ายตนหนึ่ง ยังกล้าที่จะแสดงความดุร้ายเกรี้ยวกราดต่อหน้าของฉัน ช่างรนหาที่ตายจริง ๆ เลย!