จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1319 ประตูสวรรค์ทางตะวันออก
ทันใดนั้น ลมหายใจในร่างกายของหลินหยุนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ร่างลางที่ยิ่งใหญ่ ได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา
ร่างลางนี้ ขยายตัวปกคลุมไปทั่วชั้นฟ้าชั้นดิน
เมื่อร่างลางนี้ปรากฏขึ้น ทั่วทั้งทะเลกวางยักษ์ก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง
ร่างลางสวมมงกุฏจักรพรรดิ ดวงตาสว่างใสดุจดั่งดวงดาว รูปร่างใหญ่โตไร้ที่สิ้นสุด
หลังจากที่ปรากฏกายขึ้น ก็ใช้นิ้วชี้ไปที่หลิงไถ
เสียงหัวอันน่าสยดสยองนั้นก็หยุดลงทันที จากนั้นก็ร้องโอดครวญขึ้นอย่างทุกข์ทรมาน
ลำแสงสีแดงได้ถูกพลังที่อธิบายไม่ได้ทำลายลงจนแหลกสลายไปในพริบตา
ในขณะที่ลำแสงสีแดงแหลกสลายลงไปนั้น มุกสีแดงที่มีขนาดเท่ากับเม็ดถั่วเม็ดหนึ่ง ก็ได้หยุดอยู่ภายในหลิงไถ ส่วนร่างลางนั้นก็ได้สลายหายวับไปในทันทีด้วยเช่นกัน
ขณะที่สลายหายวับไปนั้น ร่างกายของหลินหยุนก็เหี่ยวแห้งลงในทันที ผมขาวโพลนไปหมด สภาพร่างกายแก่หงำเหงือก เหลือเพียงแค่ลมหายใจเท่านั้น
แต่เวลานี้ดวงตาของหลินหยุนเต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์
ยาทองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วปฐพี
กลิ่นอายร่างลางของมหากษัตริย์ ทำให้ไหมจัญไรไร้เงาในยาทองนั้นมีชีวิตชีวามากขึ้น
เห็นได้ชัดว่าภายใต้กลิ่นอายร่างลางของมหากษัตริย์ที่ปลดปล่อยออกมานั้น ทำให้มันได้รับผลประโยชน์อย่างมากเลยทีเดียว
นี่คือพลังสายเลือดที่หลงเหลือเพียงเล็กน้อยในสายเลือดของหลินหยุน ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ร่างลางของมหากษัตริย์ปรากฏขึ้นมา
และนี่ก็มาถึงขอบเขตที่สุดของการมีชีวิตและความตาย ซึ่งก็คือไพ่เด็ดใบสุดท้ายของเขา
แต่ว่าเวลานี้ หลินหยุนไม่ได้มีความเศร้าโศกเสียใจอะไร กลับกลายเป็นตื่นเต้นดีใจอย่างบอกไม่ถูก
เพราะว่าจากภายในมุกเลือดที่สดใสเรืองรองนั้น เขาสามารถรับรู้ได้ถึงพลังงานที่แข็งแกร่ง
ถ้าหากดูดซับมันเข้ามาได้ จะสามารถนำมาใช้ในการหลอมยาทอง
เขาไม่รู้ว่าสิ่งของชิ้นนี้คืออะไรกันแน่ แต่แน่ใจอย่างมากว่า สิ่งของชิ้นนี้จะสามารถนำมาใช้เป็นสมบัติทั่วฟ้าดินเพื่อหลอมยาทองระดับเทพได้
ดวงจิตเป็นตัวนำพา หลินหยุนจึงเริ่มดูดซับอย่างต่อเนื่อง
การหลอมยาในสถานที่แห่งนี้ เสี่ยงต่ออันตรายอย่างแน่นอน
แต่ว่า หลังจากที่ร่างลางของมหากษัตริย์นี้ปรากฏขึ้น เสียงร้องไห้ที่เศร้าสลด รวมไปถึงเสียงการต่อสู้เหล่านั้น ก็สูญหายไปทั้งหมด
กลิ่นอายของมหากษัตริย์แผ่กระจายไปทั่ว คงน่าจะไม่มีพวกภูตผีปีศาจกล้าที่จะเข้ามาใกล้อีกแล้ว
แน่นอนว่า ถ้าเวลาเลยผ่านไปนาน ก็คงจะพูดยาก ดังนั้นเขาจึงต้องรีบกระทำการโดยเร็วที่สุด
หลินหยุนเป็นคนที่เด็ดขาดมาโดยตลอด เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็รีบหลอมยาทองและดูดซับมุกเลือดนั้นอย่างบ้าคลั่ง
เดิมทีร่างกายที่ห่อเหี่ยวลงไปแล้ว เห็นผลทันตาว่าได้ฟื้นฟูกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ก็เกิดเสียงดังตูมตามขึ้น มุกเลือดนั้นก็ถูกดูดซับจนหมดสิ้นแล้ว
ด้านในของยาทอง ก็มีเส้นสีเลือดเพิ่มขึ้น
การหลอมยาทองครั้งที่สาม สำเร็จแล้ว!
กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด ได้แผ่กระจายออกมาจากร่างกายของหลินหยุน
หลินหยุนถอนหายใจยาว แล้วก็ค่อย ๆ ลืมตาสองข้างขึ้นมา
ขณะที่มองไปบริเวณโดยรอบ ก็ไม่มีความรู้สึกเหมือนกับที่ว่า มีอันตรายรอบด้านยากที่จะเดินก้าวออกไป อีกแล้ว
พลังสายตาของเขา คิดไม่ถึงว่าสามารถที่จะมองทะลุผ่านหมอกดำอันหนาแน่น ออกไปไกลได้เป็นพันเมตรเลยทีเดียว
ดวงจิตทำการสำรวจขึ้นในทันที
สิบเมตร
สามสิบเมตร
ห้าสิบเมตร
หนึ่งร้อยเมตร
ซึ่งสามารถไกลออกไปถึงประมาณหนึ่งพันเมตรเลยทีเดียว
อีกทั้ง ยังไม่ถูกทำลายลงด้วย เป็นเพราะว่าด้านหน้านั้นราวกับมีแผ่นกั้นอยู่ ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้
หลินหยุนก็พลันตื่นเต้นดีใจขึ้นมาบ้าง ดูเหมือนว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอมมุกเลือดนั้นอย่างแน่นอน!
หากว่าไม่ได้ใช้มุกเลือดนี้ แต่ใช้สมบัติทั่วฟ้าดินชิ้นอื่นในการหลอม คงจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้อย่างเด็ดขาด
เขารู้สึกได้ว่าหลังจากที่ใช้มุกเลือดหลอมยาทองแล้วนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทะเลกวางยักษ์นี้ เหมือนจะใกล้ชิดกันมากขึ้นแล้ว
ไม่มีพยานหลักฐาน มีแต่เพียงความรู้สึก
ถอนหายใจอีกครั้ง
หลินหยุนก็กวาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบ
บริเวณด้านหน้าเป็นเทือกเขาที่ทอดยาวไม่มีจุดสิ้นสุด ส่วนจุดแสงสีแดงขนาดเล็กนั้นราวกับว่าอยู่ที่ขอบฟ้า ซึ่งในเวลานี้ลำแสงนั้นค่อนข้างจะเบาบางลงไปเป็นอย่างมาก
หลินหยุนเคลื่อนสายตาไปมา
ถ้าหากเขาคาดการณ์ไม่ผิด ตำแหน่งที่ตั้งของจุดแสงขนาดเล็กนั้นน่าจะเป็นแคว้นโบราณ หรือว่าจะเป็นศูนย์กลางของสำนักโบราณก็เป็นได้
ในเวลานี้เอง เสียงร้องเรียกที่แก่ชราและเศร้าสลด ก็ดังขึ้นในสมองของหลินหยุน
มานี่สิ!
มานี่สิ!
มาที่ข้างกายของฉัน!
ฉันสามารถช่วยเหลือนายให้เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานได้!
มานี่สิ!
มานี่สิ!
หลินหยุนสั่นไหวอย่างรุนแรงไปทั่วทั้งร่างกาย และหรี่ตาลงอย่างกะทันหัน
เสียงนี้ คิดไม่ถึงว่าจะดังขึ้นมาจากส่วนลึกภายในจิตใจของเขา
สิ่งที่ทำให้เขาตื่นตระหนกนั้นก็คือ ภายในร่างกาย มีสิ่งมีชีวิตอยู่จริง ๆ
หลินหยุนเคลื่อนสายตาไปมา
สัตว์ประหลาดที่มีชีวิตตัวนี้ แข็งแกร่งอย่างมากเลย
ครุ่นคิดอยู่สักพักใหญ่ หลินหยุนก็โอบอุ้มซินเฟย และมุ่งหน้าเดินต่อไป
และในเวลานั้นเอง ภายนอกก็ได้มีการแพร่กระจายข่าวไปทั่วว่า หลินชางฉองได้เข้าไปในทะเลกวางยักษ์แล้ว
ใครเป็นผู้ที่กระจายข่าวเรื่องนี้ล่ะ?
ไม่ใช่ใครอื่น ก็คือบุตรธยานะนั่นเอง
เขาแข็งแกร่งทรงพลังอย่างมาก ถึงขนาดเทียบเคียงได้กับผู้บำเพ็ญเซียนขั้นยาทองระดับเจ็ด
แต่เขาไม่ใช่หลินหยุน ที่จะสามารถหลบหนีจากน้ำมือของยอดฝีมือขั้นยาทองระดับแปดได้
เมื่อยอดฝีมือของสำนักเทียนหยุนและสำนักอริยสัจตามตัวเขาจนพบ แต่กลับไม่พบเจอเงาร่างของหลินหยุนนั้น โดยในขณะที่เขากำลังหลบหนีอย่างเร่งด่วน จึงได้พูดเรื่องนี้ออกมา
หลินชางฉองเข้าสู่ทะเลกวางยักษ์แล้ว และเป็นการเข้าไปด้านในด้วยตนเอง
มีภาพแสดงที่ยืนยันเป็นหลักฐานได้
ข่าวนี้ ได้ทำให้โลกคุนชางระเบิดเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง
ยอดฝีมือของสำนักเทียนหยุนและสำนักอริยสัจ ก็หมดสิ้นหนทางแล้ว
เพราะไม่สามารถที่จะไล่ล่าตามลงไปในทะเลกวางยักษ์ได้
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เข้าสู่ทะเลกวางยักษ์แล้ว ไม่มีใครที่จะเอาชีวิตรอดกลับออกมาได้เลย
แม้ว่าจะไม่เต็มใจอย่างที่สุด แต่ก็ต้องจำใจยอมรับให้ได้
และด้วยเวลาที่ผ่านพ้นไป งานประลองยุทธเก้าสำนักก็ใกล้จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
แต่ละสำนักใหญ่ รวมไปถึงยอดฝีมือผู้ฝึกอิสระด้านต่าง ๆ ล้วนมารวมตัวกันอยู่ที่บริเวณด้านข้างของทะเลกวางยักษ์แล้ว เพื่อรองานประลองยุทธเก้าสำนักเริ่มต้นขึ้น
สำหรับสำนักกวางยักษ์แล้ว ในครั้งนี้ ถือว่าได้รับประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียว
ยอดฝีมือสำนักอริยสัจ พักอาศัยอยู่ในเมืองกวางยักษ์เป็นเวลาสามวัน
ทั้งสองสำนักก็ยิ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากขึ้น
สำนักเทียนหยุนเองก็ทำตามแบบผู้อื่น โดยให้ประโยชน์ผลตอบแทนที่ไม่น้อยต่อสำนักกวางยักษ์
ไม่มีเทพสังหารอย่างหลินชางฉองแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาพปกติ
พูดถึงทางหลินหยุนกันต่อ เขาเองก็มุ่งหน้าเดินไปอีกหลายวันแล้ว
ดวงอาทิตย์สีเลือดนั้น ค่อย ๆ เคลื่อนตัวขึ้นมาจากทางทิศตะวันออก
ส่วนบริเวณด้านหน้าของเขาก็ปรากฏซากปรักหักพังที่ทรุดโทรมขึ้น
ซากปรักหักพังอยู่ภายในบริเวณที่ล้อมรอบด้วยภูเขา ครอบคลุมพื้นที่ไม่กว้างใหญ่มากนัก ขนาดหนึ่งพันเมตรโดยประมาณ
หลินหยุนมุ่งหน้าตรงเข้าไปยังซากปรักหักพังนั้น
เมื่อเข้าไปใกล้แล้วก็พบว่า ที่แห่งนี้น่าจะเป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แต่ก็มีความแตกต่างจากหมู่บ้านธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน
อย่ามองว่ามีขนาดที่ไม่กว้างใหญ่นัก แต่แผ่นป้ายที่แตกหักอยู่ภายใต้ฝ่าเท้านั้น กลับทำให้หลินหยุนต้องตื่นตกใจขึ้น
ประตูสวรรค์ทางตะวันออก!
นี่คงจะเป็นสำนักแห่งหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงจะไม่มีแผ่นป้ายแบบนี้แน่นอน
มองไปที่แผ่นป้ายที่แตกหักนั้น หลินหยุนก็ยิ่งแปลกประหลาดใจกับแคว้นโบราณ หรือสำนักโบราณของทะเลกวางยักษ์นี้มากขึ้นแล้ว
มีประตูสวรรค์ทางตะวันออก ก็จะต้องมีประตูสวรรค์ทางใต้ ประตูสวรรค์ทางเหนือ และประตูสวรรค์ทางตะวันตกด้วยล่ะสิ!
เขามองว่าชื่อเรียกนี้ ค่อนข้างที่จะโอ้อวดเกินไปหน่อย
ประตูสวรรค์
นี่ถึงขนาดคิดว่าตนเองมีสถานะเป็นพระเจ้าเลยหรืออย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น ทะเลกวางยักษ์นี้ แม้ว่าจะมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล
แต่เมื่อมองเปรียบเทียบไปทั่วทั้งโลกคุนชาง หรือว่าทั่วทั้งโลกแล้ว นั่นก็เป็นเพียงแค่มุมส่วนหนึ่งเท่านั้น
โดยที่ไม่รู้ว่าผู้ใด ถึงได้กำเริบเสิบสาน กล้าที่จะตั้งตนเองว่าเป็นพระเจ้าได้
อะไรถึงเรียกว่าพระเจ้า?
ท้องฟ้าคือพระเจ้า ปกคลุมทุกสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่มุมมองความคิดที่ธรรมดาทั่วไปเท่านั้น
พระเจ้าที่แท้จริงแล้ว นั่นคือผู้ที่มีโลกเป็นของตนเอง
อย่างน้อยก็คือผู้ปกครองโลก ซึ่งประตูที่เข้าสู่เขตแดนของโลกนั้น เรียกได้ว่าเป็นประตูสวรรค์
แต่ต่อให้เป็นโลกบำเพ็ญเซียนที่แท้จริง ก็ยังไม่กล้าที่จะกระทำแบบนี้
บางที สำนักโบราณหรือแคว้นโบราณนี้ ในตอนนั้นอาจจะเป็นโลกบำเพ็ญเซียนที่ยิ่งใหญ่ไปทั่วโลกก็เป็นได้
แต่หากใช้คำว่าพระเจ้ามาใช้เรียกแทนตนเอง หลินหยุนมองว่า เป็นการไม่เจียมเนื้อเจียมตัวเอาเสียเลย