จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1342 แก้วหินวิญญาณ
หลินหยุนมองดูอยู่ครู่หนึ่ง
จู่ๆก็กระโดดขึ้นกลางอากาศ
แล้วเขาเหวี่ยงหมัดใส่ภูเขาทั้งสองลูก
หลังจากเสียงดังลั่นสนั่นแล้ว
พลังทิพย์ที่มาจากใต้พื้นดินก็หายไปในทันตา
ส่วนชายชุดดำทั้งแปดที่อยู่ตรงหน้าเขา หลังจากหยุดนิ่งครู่หนึ่ง ก็เริ่มโปร่งใสขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ผ่านไปครู่เดียวพวกเขาก็สลายไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อเห็นหุ่นเชิดทั้งแปดหายไปแล้ว โจวฮ่าวและซิงเฟยที่อยู่หลังหลินหยุนต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
โจวฮ่าวเร่งพูดว่า พี่หลิน ต้องขอบคุณพี่จริงๆ ไม่อย่างนั้น เกรงว่าแม้แต่ปากภูเขา เราคงเข้ามิได้!
หลินหยุนกล่าวอย่างแผ่วเบา ในเมื่อเราเดินทางมาด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องพูดกระไรมากพิธีแบบนี้ ไปกันเถอะ การเคลื่อนไหวเมื่อสักครู่ดังสนั่นอย่างมาก หากว่ามีคนอยู่รอยๆ คงจะเร่งมาในไม่ช้า!
ดวงตาของโจวฮ่าว เป็นประกาย แล้วเขาพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
ทั้งสามยังคงมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของทะเล
และหลังจากที่ทั้งสามจากไปไม่นาน
เป็นไปตามคาด
มีร่างสามร่างพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ทั้งสามนี้น่าจะเป็นผู้ฝึกอิสระ
พอมาถึงแล้ว ก็เห็นว่าทางผ่านภูเขาเป็นเหมือนอีกโลกหนึ่งที่แห้งแล้งอย่างมาก
มีพลังทิพย์กระจายอยู่ในอากาศอย่างวุ่นวาย
แววตาที่เหลือเชื่อปรากฏในดวงตาของพวกเขา
ทั้งสามมองหน้ากันและกัน และหนึ่งในนั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและกล่าวว่า เมื่อสักครู่อาจเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่!
คนที่สองพูดต่อว่า เกรงว่า มีคนที่ใจกล้ากว่าเรา ได้เข้าไปด้านในแล้ว!
คนที่สามกล่าวว่า เอาอย่างไรดี? ในเมื่อมีคนเปิดทางให้เราแล้ว เราคงไม่มีอะไรต้องลังเลแล้วใช่หรือไม่?
ทั้งสามเงียบลงอีกครั้ง
หลังจากนั้นสักครู่
ชายวัยกลางคนที่พูดเป็นคนแรกก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า ถ้าเป็นเช่นนี้ เราก็ลองเสี่ยงดูดีกว่า ในที่สุดเราก็มาถึงที่นี่ และมีคนเปิดทางอยู่ข้างหน้าเราแล้ว หากว่ายอมแพ้ ฉันคงจะเสียใจอย่างมาก!
ทั้งสองคนคิดว่าอย่างไร
เมื่อคนที่สองและคนที่สามได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็พยักหน้าและพูดว่า เอาล่ะ อย่างที่พี่ใหญ่กล่าว เราเข้าไปกันเถอะ! เผ่าสาปฟ้า ตอนนั้นแข็งแกร่งมากเพียงใดกัน หากเราสามพี่น้องกัน สามารถได้มรดกนี้มาเพียงเศษเสี้ยว เช่นนั้นชื่อของเราทั้งสามพี่น้องคงจะถูกจารึกไว้ในโลกคุนชางนี้!
เพื่อพูดจบ
ทั้งสามคนก็รีบบินไปที่ทางเข้าภูเขา
นี่คือสุดหล้าทะเล นี่คือที่ที่เผ่าสาปฟ้าดำรงอยู่
ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม จะต้องมีคนที่อยากเสี่ยงอยู่เสมอ
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกครั้งที่มีงานประลองยุทธเก้าสำนัก ก็จะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน
มนุษย์ ต่างก็มีตัวตนอยู่ มีความคิดที่ตัวเองเป็นตัวเอก
พวกเขาทั้งหมดต่างก็มีความคิดที่ว่าตนคนที่สวรรค์เลือกเอาไว้
สิ่งนี้อยู่นอกเหนือการควบคุม
มันคือความคิดที่มีมาแต่กำเนิด
มันมีอารมณ์คล้ายกับการพนันร่วมด้วย
ความคิดที่ว่าคนอื่นอาจล้มลงในนี้ บางทีฉันอาจไม่ล้มล่ะ!
หากฉันทำสำเร็จ ฉันจะได้มีการดำรงอยู่อย่างเจ้าพ่อ…
นี่คือความคิดของนักพนันของเผ่าพันธุ์มนุษย์
ส่วนหลินหยุนทั้งสาม ตอนนี้ก็กำลังมุ่งเข้าไปที่สุดหล้าทะเลในขณะนี้
แม้ว่าพวกเขาเดินเข้าไป
แต่ความเร็วนั้นไม่ช้า
โจวฮ่าวและ ซิงเฟยทั้งสองเดินตามหลังหลินหยุนทั้งซ้ายและขวา ราวกับว่าพวกเขาเป็นผู้พิทักษ์ทั้งสองของหลินหยุน
ณ เวลานี้ถึงแม้จะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะชะล่าใจ
ขณะที่มุ่งไปข้างหน้า โจวฮ่าวพูดอย่างระมัดระวังว่า พี่หลิน จะไม่มีอันตรายใดๆ รออยู่ข้างหน้าใช่ไหม? ดูเหมือนว่ายังมีระยะห่างจากจุดที่ลึกที่สุดอยู่ระยะหนึ่ง!
ไม่รอให้หลินหยุนตอบ ซิงเฟยเบะปากและกล่าวว่า ก่อนหน้านี้คนที่ร้องจะมาก็นาย ตอนนี้คนที่คิดจะหนีก็นาย คนแบบนายเนี่ยนะ จะเป็นเจ้าพ่อคุนชางได้อย่างไร? เป็นอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง!
โจวฮ่าวไม่โกรธเคือง เขากล่าวด้วยท่าทีไม่รู้สึกผิดว่า แม่นางซิง คุณจะพูดแบบนี้ไม่ได้! ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของเรา ถ้าไม่มีชีวิตอยู่ เท่ากับว่าไม่เหลืออะไรเลย!
หลินหยุนไม่พูดอะไรเลย เขาเดินมุ่งหน้าต่อไป
หนึ่งวันผ่านไป
มีหุบเขาเล็กๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้า
ในหุบเขามีบ้านเรือนทรุดโทรมหลายหลัง
ล้วนเป็นบ้านมุงจากทั้งหมด มีบ้านมุงจากทั้งหมดสิบกว่าหลัง แต่ไม่มีชีวิตชีวาเลย
หลินหยุนไม่ได้หยุดดู พวกเขาข้ามหุบเขา ยืนอยู่บนยอดเขา มองไปรอบ ๆ
ตรงหน้าเป็นสถานที่เขียวขจี
ในส่วนลึกของป่าลึกเขียวขจีนั้น มีทะเลสีดำอยู่แห่งหนึ่ง
ใช่แล้ว
เป็นทะเลสีดำที่ไม่ใหญ่และไม่เล็ก
มองเห็นทะเลดำนั้น
โจวฮ่าวสูดหายใจเข้าและพูดอย่างตื่นเต้นว่า พี่หลิน เราใกล้จะถึงแล้ว! หากเราผ่านทะเลสีดำนั้นไป เราจะไปถึงส่วนลึกที่สุดของสุดหล้าทะเล! สิ่งที่อยู่เหนือจากทะเลสีดำนั้น คือสถานที่ดำรงอยู่ของเผ่าสาปฟ้าจริงๆ
ทะเลสีดำ…….
ไม่คาดคิดว่าจะเป็นจริง มีทะเลสีดำจริงๆด้วย…………..
ฉันเคยเห็นทะเลสีดำนี้ในบันทึกของตระกูลฉัน
แต่ไม่มีการบันทึกที่ละเอียดลึกนัก!
เห็นได้ชัดว่า สถานที่นี้ไม่ธรรมดา!
หลินหยุนพยักหน้า ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า ไปกันเถอะ ไปดูกันเถอะ!
ทั้งสามมุ่งหน้าสู่ทะเลดำ
หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งวัน
ในที่สุดก็มาถึงแล้ว
มันคือทะเล
ทะเลจริงๆ
เพียงแต่ว่า ทะเลนี้เป็นสีดำสนิท
ในทะเลสีดำนี้ ไม่มีการผันผวนของพลังทิพย์ใดๆ และไม่มีชีวิตชีวาใดๆเลย
หลินหยุนเดินไปที่ชายหาด
เขายื่นมือแล้วโบก
เขาจับท้องทะเลนั้นขึ้นมา
มันเป็นเพียงน้ำทะเลสีดำขนาดเท่ากำปั้น แต่น้ำหนักที่บรรจุอยู่ในนั้นหนักเป็นพันกิโล
หนักอย่างไม่น่าเชื่อ
น้ำทะเลสีดำสนิทลอยอยู่บนฝ่ามือของหลินหยุน
สามารถมองเห็นได้ว่า
ข้างในนั้นมีอนุภาคสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนที่มองเห็นด้วยตาเปล่าได้ยาก
ซึ่งเป็นเพราะเม็ดสีดำเหล่านี้ จึงทำให้น้ำทะเลกลายเป็นสีดำ
ดวงตาของหลินหยุนเป็นประกาย
พลังที่มองไม่เห็นถูกปล่อยออกมา
ทันใดนั้น
น้ำทะเลระเหยไปจนหมด และเม็ดสีดำทั้งหมดก็ถูกแยกออกมา
หลินหยุนกำลังจะใช้ดวงจิตเทพตรวจสอบ
แต่เม็ดสีดำนั้น กลับกลายเป็นเมฆควันดำแล้วสลายตัวไป
หลินหยุนไม่คาดคิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เกิดขึ้น
ขณะนั้นเขาก็จับน้ำทะเลขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่ง
และแยกเม็ดสีดำออกมา
ขณะที่แยกตัวออกมา เขาใช้พลังทิพย์ห่อหุ้มเม็ดสีดำเหล่านี้เอาไว้
ด้านหลังเขา
โจวฮ่าวและซิงเฟยเดินเข้ามาใกล้
มองดูเม็ดสีดำที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลังทิพย์ พวกมันเป็นเหมือนกับทราย โจวฮ่าว อดไม่ได้ที่จะถามอย่างรวดเร็วว่า พี่หลิน นี่มันอะไรกัน…?
ดวงตาของหลินหยุนเป็นประกายและกล่าวว่า นี่คือแก้วหินวิญญาณ
โจวฮ่าวตกตะลึง และจู่ๆ ก็ถามขึ้นว่า แก้วหินวิญญาณ? แก้วหินวิญญาณคืออะไร?
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำนี้
แววตาของซิงเฟยก็สงสัยเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าเธอเองก็ไม่รู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของแก้วหินวิญญาณนี้
หลินหยุนมองไปที่โจวฮ่าว อย่างมีความหมายและพูดว่า นายก็ไม่รู้เหมือนกันเหรอ?
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โจวฮ่าวก็พูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า พี่หลิน ฉันไม่รู้ หากว่าฉันรู้แล้วจะถามเพื่อการใด? พี่หลิน พี่รู้ได้อย่างไรว่าสิ่งนี้คือแก้วหินวิญญาณ?
แล้วแก้วหินวิญญาณมันคืออะไรกันแน่?
เป็นหินพลอยชนิดหนึ่งหรือ?