จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1376 นัดหมาย
แผนการร้ายในใจของเสิ่นฉงกับเฉินฉางเฟิงนั้น แน่นอนว่าคงไม่สามารถที่จะปกปิดคนอื่นได้
พวกเขาเองก็คิดแบบนี้เช่นเดียวกัน
โดยผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือ เพียงแค่พวกเขาลงมือ และนำตราประทับสีฟ้านั้นมาครอบครองได้ พร้อมกับปีนขึ้นไปบนที่สูงและร้องตะโกน ก็สามารถที่จะยับยั้งสยบจิตใจของทุกคนที่นี่เพื่อไม่ให้กระทำการบุ่มบ่ามได้
โดยที่พวกเขาก็จะสามารถเอาชนะด้วยการที่ไม่ต้องสู้รบ พร้อมกับครอบครองสมบัติล้ำค่าสูงสุดได้โดยง่ายดายแล้ว
ถ้าหากไม่ได้ ก็ยอมถอยหลังหนึ่งก้าว โดยให้เจ้าสำนักของตนเองออกหน้าแทน ซึ่งก็คงจะสามารถสยบยับยั้งลงได้อย่างแน่นอน
โดยที่พวกเขาไม่ต้องไปสนใจยอดฝีมือของสำนักใหญ่อื่น ๆ อีก
เพราะว่าทุกคนต่างก็อยู่ในสถานการณ์ที่เปิดเผยกันทั้งหมด พูดยกตัวอย่างยอดฝีมือของสำนักเทียนหยุนก็แล้วกันว่า เขาจะกล้าลงมือกับเสิ่นฉงอย่างนั้นเหรอ?
เขาไม่กล้าอย่างแน่นอน
คนอื่นก็คงไม่กล้าด้วยเช่นกัน!
นี่ก็คือที่พึ่งพาของเสิ่นฉง!
ในทางกลับกัน ถ้าหากว่าเป็นยอดฝีมือของสำนักใหญ่แห่งใดแห่งหนึ่งที่ช่วงชิงเอาไปได้ก่อน ทางสำนักอริยสัจเอง ที่จริงแล้วก็คงยากที่จะลงมือแย่งชิงกลับคืนมาเช่นกัน!
ถึงอย่างไรก็ต้องรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเอาไว้!
นอกจากนี้ ล้วนแต่เป็นสำนักใหญ่ ซึ่งต่างก็ต้องมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันไม่มากก็น้อย ไม่สมควรที่จะทะเลาะฉีกหน้ากันซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้
นอกเสียจากว่าสมบัติล้ำค่าสูงสุดที่อยู่เบื้องหน้านี้ สามารถทำให้ผู้ที่ครอบครองมีพลังบำเพ็ญทะลุไปถึงขั้นแดนจิตปฐมตามที่ตำนานกล่าวเอาไว้ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงไม่ต้องไปกังวลว่าอะไรควรหรืออะไรไม่ควรแล้ว
พูดกันตามตรงว่าปัญหาที่สำคัญก็คือจะคุ้มค่าหรือไม่
เสิ่นฉงเองนั้นเข้าใจตรงจุดนี้อย่างชัดเจน ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะลงมือ
และก่อนหน้าที่จะลงมือนั้น เธอเองก็ได้ส่งข้อความไปให้กับศิษย์พี่ร่วมสำนักของตนเองแล้ว
โดยสถานที่ที่ตั้งแท่นบูชานั้น ผู้อาวุโสที่กำลังนั่งดื่มชาอยู่กับเจ้าสำนักเทียนหยุน ต่อให้พวกเขาไม่รับรู้ข่าวสารอะไร แต่ทั้งสองคนก็คือยอดฝีมือขั้นยาทองระดับเก้า ซึ่งก็สามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายการถือกำเนิดขึ้นของสมบัติล้ำค่าสูงสุดได้ในเวลาแรกอยู่แล้ว
เจ้าสำนักอริยสัจเคลื่อนสายตาไปมา และพูดขึ้นว่า สหาย หรือว่า พวกเราทั้งสองไปดูกันหน่อยดีไหม? สุดหล้าทะเลก็ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก แต่ก็ไม่ถึงกับใกล้ ซึ่งการเคลื่อนไหวของสมบัติล้ำค่าที่ถือกำเนิดขึ้น พวกเราอยู่ที่ตรงนี้ก็ยังรับรู้ได้อย่างชัดเจน น่าจะเป็นสมบัติล้ำค่าสูงสุดที่ยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่งอย่างแน่นอน!
เจ้าสำนักเทียนหยุนจิบดื่มชาเล็กน้อย พร้อมกับหัวเราะและพูดขึ้นว่า สหาย ไม่ว่าจะเป็นสมบัติล้ำค่าสูงสุดอะไร ต่างก็เป็นเรื่องของพวกเด็กรุ่นหลังเหล่านั้นแล้ว ทำไมพวกเราจะต้องลงมือด้วยล่ะ?
หากพวกเราไปสถานที่นั้น ก็จะกลายเป็นว่าผู้ใหญ่รังแกเด็กแล้วไม่ใช่เหรอ?
ฉันว่า พวกเราไม่ควรที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ คนแก่ชราอย่างนายกับฉันทั้งสองคน ควรที่จะจิบดื่มชา พูดคุยเรื่องของพวกเรากันเองดีกว่า สำหรับเรื่องของพวกเด็กวัยรุ่นนั้น ก็ปล่อยให้พวกเขาไปจัดการกันเอาเองเถอะ!
เจ้าสำนักอริยสัจส่ายศีรษะไปมาอย่างจำใจ ถอนหายใจ และพูดขึ้นว่า เฮ่ย นายนี่ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าศิษย์น้องของฉันนั้นมีนิสัยอย่างไร ถ้าหากเธอลงมือสังหารอย่างบ้าคลั่งแล้ว ถึงเวลานั้นสำนักอริยสัจของฉันจะชี้แจงให้กับทั่วทั้งโลกคุนชางได้อย่างไรกันล่ะ?
ในทางกลับกัน หากว่าเป็นเพราะการช่วงชิงสมบัติล้ำค่า แล้วทำให้เธอต้องเสียชีวิตอยู่ที่สุดหล้าทะเล แล้วฉันจะจัดการกับตนเองอย่างไรล่ะ?
เมื่อถึงเวลานั้น หากฉันไม่สังหารกวาดล้างทั้งโลกคุนชางเพื่อมาฝังร่วมกันกับเธอ เกรงว่าศิษย์พี่อย่างฉันนี้คงจะไม่มีทางให้อภัยตนเองไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน!
แต่ถ้าหากฉันทำแบบนั้นแล้ว ฉันเองก็จะไม่ให้อภัยตนเองไปตลอดชีวิตด้วยเช่นกัน
ชายชราอย่างนายคงจะไม่ต้องการเห็นฉันในสภาพแบบนั้นล่ะสิ?
เมื่อเจ้าสำนักอริยสัจได้พูดออกไป เขาที่เดิมทีเป็นคนที่สุขุมไม่ตื่นตระหนก กลับต้องหวาดระแวงจนต้องพลันหรี่ตาลง
ผู้อาวุโสที่อยู่เบื้องหน้านี้ อย่าได้มองว่าตอนนี้เขามีลักษณะท่าทางสง่างาม ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือผู้เก่งกาจไร้เทียมทานที่เติบโตมาด้วยกันนั้น เจ้าสำนักเทียนหยุนเองเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ชายชราที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้ ในตอนวัยหนุ่มนั้น มีลักษณะนิสัยเป็นอย่างไร
ร่ำลือกันว่าตอนนั้นที่เสิ่นฉงบำเพ็ญฝึกฝนอยู่ด้านนอก เมื่อกลับมาถึงที่โลกคุนชางแล้วก็พบว่าเธอได้ตั้งครรภ์กับชายแปลกหน้าคนอื่น ซึ่งก็คือลูกศิษย์อัจฉริยะสองคนนั้นของเสิ่นฉง
ใช่แล้ว หนึ่งคนในนั้นได้ถูกหลินชางฉองสังหารลงแล้วในช่วงก่อนหน้านี้
โดยในตอนนั้น ชายชราผู้นี้โกรธแค้นอย่างสุดขีด เขาไม่ได้ทำร้ายอะไรต่อเสิ่นฉง แต่กลับลงมือสังหารกวาดล้างคนอื่นอย่างบ้าคลั่ง
ไม่เพียงแค่สังหารคนภายนอกไปไม่น้อย ร่ำลือกันว่าแม้แต่ศิษย์ร่วมสำนักอริยสัจด้วยกันก็ยังถูกเขาสังหารลงไปหลายคนอีกด้วย
เรื่องเหล่านี้เป็นความลับยิ่งใหญ่ในตอนนั้นของสำนักอริยสัจ
แต่ในฐานะที่เป็นหนึ่งในยอดฝีมือผู้เก่งกาจไร้เทียมทาน เจ้าสำนักเทียนหยุนเองก็ได้ยินได้ฟังเรื่องนี้มาบ้าง
เวลานี้ชายชราคนนี้ได้พูดแบบนี้ขึ้น เขาเองจะทำเป็นไม่ใส่ใจก็คงไม่ได้แล้ว
ในตอนนั้นแม้เสิ่นฉงจะบอกว่าได้หักหลังเขา ไปมีลูกกับชายคนอื่นแล้ว แต่เขาเองก็ไม่เคยสงสัยแม้แต่น้อย ถึงสถานะของเขาในจิตใจของเสิ่นฉง
ถ้าหากเสิ่นฉงเสียชีวิตลงไปจริง ๆ แล้ว ชายชราผู้นี้จะบ้าคลั่ง……ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นแล้ว คนแรกที่จะประสบกับอันตรายก็คือตัวเขา
แม้เขาจะมั่นใจว่าสามารถต้านทานฝ่ายตรงข้ามได้ แต่นั่นก็แค่ต้านทานเพียงเท่านั้น
เมื่อดำเนินการต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตายจริง ๆ แล้ว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามอย่างเด็ดขาด!
โดยเรื่องนี้ตัวของเขาเองก็รับรู้ได้ชัดเจนเป็นอย่างดี
ในตอนนั้นฝ่ายตรงข้ามคือยอดฝีมือผู้เก่งกาจไร้เทียมทาน สยบรุ่นเด็กหนุ่มในโลกคุนชางทั้งหมด กดทับจนทุกคนแทบจะโงหัวไม่ขึ้น ซึ่งในจำนวนนี้ก็รวมถึงตัวเขาเองด้วย
อีกทั้งต่อมาแม้ว่าจะเพิ่มระดับขึ้นสู่ขั้นยาทองระดับเก้าแล้วก็ตาม ฝ่ายตรงข้ามนั้นก็ยังคงเป็นคนที่หนึ่งอยู่ดี
หลังจากนั้นยี่สิบปีเต็ม ตัวเขาจึงสำเร็จเข้าสู่ขั้นยาทองระดับเก้าได้เป็นคนที่สอง
แม้ว่าต่างก็เป็นยอดฝีมือผู้เก่งกาจไร้เทียมทาน แต่ระหว่างผู้เก่งกาจกับผู้เก่งกาจก็มีความแตกต่างกัน
คิดถึงตรงนี้ เจ้าสำนักเทียนหยุนก็ถอนหายใจเล็กน้อย และพูดว่า ชายชราอย่างนายนี้ คิดต้องการที่จะนั่งดื่มชาอย่างสงบสุข พูดคุยสนุกสนานกันก็ยังทำไม่ได้ นายนี่จริง ๆ เลย ไม่รู้จะทำอย่างไรกับนายดี!
แต่พวกเราพูดตกลงกันเอาไว้ก่อนนะว่า ต้องรับรองว่าจะไม่มีคนตายเกิดขึ้น!
สำหรับสมบัติล้ำค่าสูงสุดนั้น ชายชราอย่างเราทั้งสองคนก็ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยหรอก!
ชายชราอย่างนายนี้ควรที่จะให้โอกาสกับคนอื่นเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นผลประโยชน์ของโลกคุนชางก็จะกลายเป็นของพวกนายทั้งหมดแล้วไม่ใช่เหรอ? หากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็คงจะไม่เป็นการดี!
คำพูด ได้เอ่ยออกไปอย่างตรงไปตรงมาแล้ว
ทีนี้ก็รู้อยู่แก่ใจโดยไม่ต้องอธิบายแล้ว
หากไม่พูดอย่างตรงไปตรงมา ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง
พูดอย่างตรงไปตรงมา จึงจะถือว่ายืนยันแน่นอนแล้ว
เจ้าสำนักอริยสัจพยักหน้า และพูดขึ้นว่า แน่นอน เพียงแค่ศิษย์น้องทั้งหลายของฉันไม่เป็นอันตรายใด ๆ ส่วนสมบัติล้ำค่าสูงสุดนั้น พวกเราก็จะไม่ไปสนใจ!
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็ค่อย ๆ ลุกยืนขึ้นมา และเกิดลำแสงกะพริบขึ้นพร้อมกับหายตัววับไปกับที่
ระยะห่างขนาดนี้สำหรับพวกเขาสองคนแล้วนั้น ถือว่าไม่มีปัญหาอะไร ยอดฝีมือขั้นยาทองระดับเก้า แค่เพียงพริบตาเดียวก็มาถึงแล้ว
บริเวณประตูทางเข้าของสุดหล้าทะเล
เวลานี้ทุกคนต่างก็กำลังรุมโจมตีเสิ่นฉงกับเฉินฉางเฟิงอย่างหนักหน่วง
ทั้งสองคนเป็นยอดฝีมือขั้นยาทองระดับแปด กำลังตกอยู่ภายใต้การรุมโจมตีของยอดฝีมือขั้นยาทองระดับสี่ ยอดฝีมือขั้นยาทองระดับห้า และยอดฝีมือขั้นยาทองระดับหกรวมนับพันคน ซึ่งตอนนี้ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว
แต่ตราประทับสีฟ้านั้น ก็ยังคงอยู่ในมือของเสิ่นฉง
ในขณะนั้นเอง ผู้อาวุโสที่ฝึกตนอิสระขั้นยาทองระดับเจ็ดสูงสุดคนหนึ่ง ได้นำทุกคนมองไปที่เสิ่นฉงพร้อมกับตะโกนใส่อย่างดุดันว่า สหายเสิ่นฉง สหายฉางเฟิง พวกเราเองไม่ต้องการที่จะลงมือต่อสู้กับพวกคุณ และยิ่งไม่ต้องการที่จะเป็นปรปักษ์กับสำนักอริยสัจด้วย!
แต่เมื่อสมบัติล้ำค่าสูงสุดได้ถือกำเนิดขึ้น ทุกคนก็ต้องการที่จะครอบครอง!
จริงที่ว่าสำนักอริยสัจนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก แต่คงจะไม่สามารถให้ผู้บำเพ็ญในโลกคุนชางทั้งหมดยอมสละทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วก็ตกไปเป็นของสำนักอริยสัจทั้งหมดได้!
สหายทั้งสองคนควรที่จะมอบตราประทับออกมา พวกเราเองก็จะไม่ต้องปะทะสู้รบกับทั้งสองคนจนถึงขั้นเอาเป็นเอาตาย!
เสิ่นฉงสีหน้าท่าทางเย็นชา แข็งกระด้างไปทั้งหมด กอปรกับเวลานี้ยังได้รับบาดเจ็บไม่น้อยด้วย และยังมีรอยเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ ก็ยิ่งจะทำให้เธอมีความโหดเหี้ยมดุดันมากขึ้นไปอีก