จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1378 เชื่อฟัง
ต่อสู้กันอย่างดุเดือด!
โดยที่ไม่มีสำนักใหญ่เข้าร่วมการต่อสู้ที่ดุเดือดนี้
ใครต่างก็ไม่ใช่คนโง่เขลา
แม้แต่สำนักอริยสัจยังสละสิทธิ์แล้ว สำนักใหญ่อื่น ๆ ก็คงจะไม่คิดว่าตนเองนั้นแข็งแกร่งเหนือกว่าสำนักอริยสัจอย่างแน่นอน! จึงรอคอยอยู่ก่อน
รอให้พวกคนเหล่านี้แย่งชิงกันสักระยะ เมื่อพวกยอดฝีมือเสียชีวิตลงไปอีกจำนวนหนึ่งแล้ว พวกเขาจึงค่อยลงมือ แบบนั้นคงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
แต่คนอื่นก็ไม่ใช่คนโง่เขลาเหมือนกัน
ทุกคนที่แย่งชิงนั้น ต่างก็เริ่มหลบหนีออกไปจากสุดหล้าทะเลกันอย่างบ้าคลั่งแล้ว
เพียงพริบตาเดียว ก็ออกไปอยู่ที่บริเวณด้านข้างของสุดหล้าทะเลกันแล้ว
และในเวลานี้ ผู้บำเพ็ญเซียนของสำนักใหญ่เหล่านั้นก็ได้ติดตามไป พวกเขาไม่ยอมสละสิทธิ์อย่างแน่นอน เพราะไม่ง่ายเลยที่สำนักอริยสัจจะประกาศไม่เข้าร่วมแย่งชิง นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเขา
อีกฝั่งหนึ่ง คนของสำนักเทียนหยุนก็มาถึงที่ด้านข้างของเจ้าสำนักแล้ว
เห็นสถานการณ์แบบนี้แล้ว รองเจ้าสำนักก็รีบพูดขึ้นว่า เจ้าสำนัก เรื่องของหลินชางฉองนั้น พวกเราจะยอมปล่อยไปอย่างนั้นเหรอ?
เจ้าสำนักเทียนหยุนได้ยินดังนั้น ก็ครุ่นคิดสักครู่และพูดขึ้นว่า ไม่มีทางปล่อยไปแน่ เรื่องสังหารหลินชางฉองนั้นสำคัญอย่างมาก แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับการถือกำเนิดขึ้นของสมบัติล้ำค่าสูงสุดนี้ ซึ่งหลินชางฉองนั้นจะไปสังหารเขาเมื่อไรก็ได้ แต่โอกาสการแย่งชิงสมบัติล้ำค่าสูงสุดไม่ใช่ว่าจะมีอยู่ทุกเมื่อ!
หลายคนของสำนักเทียนหยุนต่างก็พยักหน้า
เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
อีกทั้งยังอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่สำนักอริยสัจประกาศไม่เข้าร่วมแย่งชิงด้วยแล้ว
โอกาสของพวกเขาก็ถือว่ามีมากขึ้นเลยทีเดียว
ทางฝ่ายสำนักอริยสัจในตอนนี้ เจ้าสำนักอริยสัจนำโอสถออกมาสองเม็ด แบ่งให้กับเสิ่นฉงและเฉินฉางเฟิงกินเข้าไป โดยสีหน้าของทั้งสองคนหลังจากที่กินโอสถเข้าไปแล้ว ก็ฟื้นตัวดีขึ้นไม่น้อย
แต่หากต้องการให้อาการบาดเจ็บฟื้นฟูกลับมานั้น คงจะไม่รวดเร็วขนาดนี้แน่นอน
เห็นสำนักใหญ่อย่างสำนักเทียนหยุนไม่ได้เคลื่อนไหวลงมืออะไร เสิ่นฉงก็สูดหายใจลึก และพูดขึ้นว่า ศิษย์พี่ การที่สละสิทธิ์เข้าร่วมแย่งชิงนั้น เป็นการตัดสินใจที่ลวก ๆ ไปหรือไม่?
เจ้าสำนักอริยสัจพูดขึ้นว่า ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ พวกเราออกไปจากที่นี่กันก่อน!
เสิ่นฉงได้ยินดังนั้น ก็พูดคร่ำครวญขึ้นว่า ไม่ได้! ในเมื่อพวกเราสละสิทธิ์ที่จะแย่งชิงสมบัติล้ำค่านี้แล้ว ก็จะต้องสังหารหลินชางฉองให้ได้ โดยฉันคิดไปถึงขนาดที่ว่า สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้เป็นสิ่งที่หลินชางฉองทำขึ้นเพื่อสร้างความวุ่นวาย!
ได้ยินเธอพูดขึ้นแบบนั้น เจ้าสำนักอริยสัจถึงกับเคลื่อนสายตาไปมา และพูดว่า ทำไมถึงได้คาดการณ์แบบนี้ล่ะ?
เสิ่นฉงพูดว่า ยอดฝีมืออย่างพวกเราจำนวนมากมาตระเวนสำรวจร่องรอยของเขา หากเขาไม่สร้างสถานการณ์ความวุ่นวายขึ้นมาบ้าง แล้วจะสามารถหลบหนีเอาตัวรอดไปได้อย่างไรล่ะ?
สำหรับเธอแล้วมองว่า นี่เป็นเรื่องที่เห็นกันได้อย่างชัดเจน
เจ้าสำนักอริยสัจไม่ได้พูดอะไร สงบนิ่งไปชั่วครู่ และพูดขึ้นว่า ช่างเถอะ ครั้งนี้ น่าจะมีโอกาสไม่มากแล้ว ยังไงก็รอให้เธอกลับไปพักฟื้นรักษาอาการบาดเจ็บให้หายดีเสียก่อน แล้วค่อยมาคิดวางแผนกันใหม่อีกครั้ง!
เสิ่นฉงไม่ค่อยพึงพอใจ แต่ก็ย้อนคิดถึงการต่อสู้อันชุลมุนก่อนหน้านี้
เกรงว่าหลินชางฉองนั้นคงจะไม่แอบซ่อนตัวอยู่อีก โดยได้เข้าร่วมศึกแย่งชิงสมบัติล้ำค่านี้แล้วด้วย
อย่างนั้นก็คงไม่มีทางที่จะปรากฏตัวขึ้นมาอีกแล้ว
ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้หลินหยุนอยู่ที่ไหนล่ะ?
เขาไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน
ยังคงอยู่ในวิมาน กำลังปรับสภาพความมั่นคงของพลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับหกของตนที่เพิ่งบรรลุขึ้นชั้นสำเร็จ
ตราประทับสีฟ้านั้น ก็เป็นของเขาจริง ๆ
เขานำแผ่นทองเกล็ดมังกรออกมา ผสมรวมเข้ากับน้ำรวมสารไม้วิญญาณที่เหลือจากการหลอมยาทองให้กับซินเฟย แล้วหล่อหลอมจนกลายเป็นตราประทับสีฟ้าขึ้น
ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าสูงสุดอย่างแน่นอน
มีเพียงสมบัติล้ำค่าแบบนี้ จึงจะสามารถดึงดูดให้ทุกคนแย่งชิงกันอย่างดุเดือด และสร้างโอกาสให้กับตัวเขาเอง
อีกทั้งในช่วงงานประลองยุทธเก้าสำนัก เขาได้บุกเบิกสร้างวิมานปลอมเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย
ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อยืดเยื้อเวลา ให้เขาได้ทำการหลอมยาทองอย่างต่อเนื่อง
เวลานี้หลินหยุนได้สำเร็จขั้นแดนยาทองระดับหกอย่างสมบูรณ์แล้ว
ต้องขอบคุณพวกคนเหล่านั้นที่เขาสังหารก่อนหน้านี้ ทำให้เขาได้รับสมบัติล้ำค่าและน้ำพลังทิพย์จำนวนไม่น้อย
ไม่อย่างนั้น ต่อให้เขามีสมบัติล้ำค่าที่ใช้ในการหลอมยาทอง แต่ก็คงทำการหลอมได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ขณะนั้น ภายในหลิงไถ เจียซินพูดขึ้นว่า ผู้หญิงคนนั้นได้จากไปแล้ว ส่วนพวกคนที่แย่งชิงสมบัติล้ำค่านั้น ก็ใกล้ที่จะออกไปจากบริเวณนี้แล้ว ซึ่งน่าจะปลอดภัยแล้ว!
หลินหยุนพยักหน้าเล็กน้อย และพูดขึ้นว่า ไม่เป็นไร รออีกสักระยะเวลาหนึ่ง หลังจากที่ฉันสามารถปรับสภาพความมั่นคงของพลังบำเพ็ญได้แล้ว ค่อยออกไปจากที่นี่กัน!
ขณะที่พูด ก็หลับตาลงและปรับสภาพความมั่นคงของพลังบำเพ็ญต่อ
ส่วนด้านนอกในตอนนี้ เจ้าสำนักอริยสัจได้นำตัวเสิ่นฉงกับเฉินฉางเฟิง รวมถึงยอดฝีมือขั้นยาทองระดับห้าอีกหลายคน ออกจากพื้นที่บริเวณของสุดหล้าทะเลแล้ว
บนท้องฟ้า พวกคนเหล่านั้นก็ยังคงแย่งชิงกันอย่างดุเดือด
แต่การสังหารชีวิตคนนั้นมีจำนวนลดลงไปอย่างมาก
เสิ่นฉงหยุดร่างของตนเองโดยพลัน และพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่ว่า ศิษย์พี่ ฉันยังไม่ค่อยจะยินยอมนัก!
เจ้าสำนักอริยสัจได้ยินดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ และพูดขึ้นว่า ศิษย์น้อง เชื่อฟังนะ กลับไปกับฉันก่อน ส่วนเรื่องที่เหลือนั้น มอบให้ศิษย์พี่จัดการว่าอย่างไรล่ะ?
เสิ่นฉงพูดอย่างเย็นชาว่า ครั้งนี้ ฉันระดมผู้คนมาเป็นจำนวนมากมาย ฉันเองได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่เป็นไร แต่ตอนนี้ฉางเฟิงก็บาดเจ็บสาหัสด้วย ครั้งนี้ไม่เพียงสังหารหลินชางฉองไม่สำเร็จ แม้แต่สมบัติล้ำค่าก็ยังไม่ได้มาครอบครองอีกด้วย!
ฉันไม่ยอม!
เจ้าสำนักอริยสัจยิ้มเล็กน้อย และพูดขึ้นว่า ศิษย์น้อง เชื่อมั่นในศิษย์พี่ หลินชางฉองนั้น จะต้องตายอย่างแน่นอน ส่วนสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้น ก็จะนำมาให้ด้วย ว่าอย่างไรล่ะ?
ได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้ว แววตาของเสิ่นฉงก็เป็นประกายขึ้น รีบพูดขึ้นว่า คุณคิดจะทำอย่างไร? หากไม่พูดให้แน่ชัด ฉันก็จะไม่ไป!
เจ้าสำนักอริยสัจส่ายศีรษะไปมาอย่างจำใจ และพูดขึ้นว่า ตกลง หลินชางฉองนั้น น่าจะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสำนักหยุนเยว่ เรื่องนี้ ศิษย์น้องเองก็คงจะรับรู้แล้ว ครั้งนี้ไม่สามารถที่จะสังหารเขาได้ ครั้งหน้าพวกเราบุกไปที่สำนักหยุนเยว่กัน แล้วหลินชางฉองนั้นจะไม่ยอมปรากฏตัวขึ้นอีกอย่างนั้นเหรอ?
เสิ่นฉงพูดว่า ถ้าหากเขาไม่ปรากฏตัวล่ะ?
เจ้าสำนักอริยสัจครุ่นคิดชั่วครู่ แล้วก็ถอนหายใจเล็กน้อย และพูดขึ้นว่า อย่างนั้นสำนักหยุนเยว่ก็คงไม่จำเป็นที่ต้องดำรงอยู่อีกต่อไปแล้ว! ส่วนสมบัติล้ำค่านั้น เธอพาฉางเฟิงไปที่เมืองกวางยักษ์ก่อน แล้วศิษย์พี่จะนำสมบัติล้ำค่ามามอบให้กับเธอเอง ตกลงไหมล่ะ?
นี่ไม่ใช่คำพูดของเจ้าสำนัก ที่พูดคุยกับคนในสำนักของตนแล้ว
แต่เป็นคำพูดที่อ่อนโยนของชายคนหนึ่งกับหญิงคนหนึ่ง ที่ซึ่งเป็นหญิงที่ตนรัก
ได้ยินฝ่ายตรงข้ามพูดแบบนั้นแล้ว ในที่สุดเสิ่นฉงก็วางใจลงได้บ้าง และพูดขึ้นว่า ตกลง ฉันจะพาฉางเฟิงไปที่เมืองกวางยักษ์ก่อน!
พูดจบ เงาร่างทั้งสองก็กะพริบหายวับไป โดยมุ่งหน้าต่อไปทางทิศเหนือ
ทิศเหนือ นั่นก็คือทิศทางที่ตั้งของเมืองกวางยักษ์
ส่วนทางเจ้าสำนักอริยสัจ ก็ติดตามอยู่ด้านหลังอย่างช้า ๆ
ส่วนในบริเวณที่ไม่ไกลออกไปนัก นับพันคนก็ยังคงต่อสู้แย่งชิงสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้นอยู่
การต่อสู้ที่ชุลมุนก็ยังคงดำเนินต่อไป
โดยมีผู้เสียชีวิตอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่ตราประทับสีฟ้ามาอยู่ในมือของผู้ใด ผู้นั้นก็จะต้องตายลงในวินาทีถัดมา
แต่ในขณะนั้นเอง ยอดฝีมือขั้นยาทองระดับแปดคนหนึ่งก็กระโดดขึ้นมาในอากาศ
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ทุกท่าน หยุดแย่งชิงกันได้แล้ว สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ เป็นของฉันแล้ว!
เงาร่างนี้รวดเร็วมากถึงขั้นที่ทำให้ทุกคนถึงกับเหลือเชื่อกันเลยทีเดียว
แวบเดียว ก็มาถึงเบื้องหน้าของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นยาทองระดับเจ็ดที่เพิ่งจะได้รับตราประทับนั้น
เพียงใช้ฝ่ามือตบออกไป ร่างกายของยอดฝีมือขั้นยาทองระดับเจ็ดคนนั้นก็แหลกสลายไปในพริบตา
คนผู้นี้ยื่นมือออกไปหยิบตราประทับมาไว้ในมือ แล้วก็หลบหนีไปในทันที
ทุกคนเห็นเหตุการณ์ดังนั้น ก็เริ่มไล่ตามไปอย่างบ้าคลั่ง
ยอดฝีมือของหลายสำนักใหญ่เห็นเหตุการณ์นั้นแล้ว ก็ทยอยไล่ตามกันไปอย่างรวดเร็วที่สุดทันที
แต่ยอดฝีมือขั้นยาทองระดับแปดผู้นั้น มีความรวดเร็วที่น่ากลัวอย่างมาก เพียงพริบตาเดียวก็ทิ้งระยะห่างพวกที่ไล่ตามมาด้านหลังออกไปไกลแล้ว!