จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1383 อย่างเธอน่ะเหรอ
สองเยว่เห็นสถานการณ์ดังนั้น ก็ได้ชี้นิ้วออกไป ฉินชิงถงก็กระอักเลือดและกระเด็นลอยออกไปไกลอีกครั้ง
จากนั้นก็มองไปที่สี่เยว่และพูดขึ้นว่า ถ้าหากยังไม่ควบคุมลูกศิษย์ของเธอให้ดี อย่างนั้นก็อย่าได้กล่าวโทษที่ฉันจะสั่งสอนแทนเธอก็แล้วกัน!
สี่เยว่กวาดสายตามองไปที่ฉินชิงถง และตวาดใส่ด้วยเสียงแข็งว่า หากยังจะกำเริบเสิบสานอีก จะลงโทษโดยการกักตัวอยู่ในภูเขาด้านหลังเป็นเวลาสิบปี!
เวลานี้คู่ดวงตาที่งดงามของฉินชิงถงได้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มไปหมดแล้ว เสียสติลงอย่างที่สุด เหมือนจะไม่ได้ฟังคำพูดของท่านอาจารย์เลย พลันเงยหน้ามองไปที่หลินหยุนอีกครั้ง กำกระบี่ยาวในมือแน่น และตะโกนเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง หลินหยุน นายกำเริบเสิบสานมากนักไม่ใช่เหรอ? นายหยิ่งยโสมาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ?
ทำไมตอนนี้ถึงได้เอาแต่หลบอยู่ด้านหลังของคนอื่นทำตัวเป็นไอ้ขี้ขลาดอยู่ได้ล่ะ?
ในที่สุดนายก็เกิดความกลัวขึ้นแล้วใช่ไหม? ในที่สุดนายก็รู้แล้วว่าตัวเองนั้นต่ำต้อยแล้วใช่ไหม?
นายเองก็รับรู้ได้ถึงรสชาติของการที่ตนเองเป็นมดแมลงแล้วใช่ไหมล่ะ?
ถ้านายยังเป็นผู้ชายอยู่ ก็อย่าได้เอาแต่หลบซ่อน ออกมาต่อสู้กับฉันสิ ฉันจะนำทุกสิ่งที่อย่างที่นายเคยทำไว้กับฉัน คืนกลับให้นายทั้งหมดในวันนี้!
นายไม่กล้าอย่างนั้นเหรอ?
นายหวาดกลัวแล้วใช่ไหม?
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า หลินหยุนอ่ะหลินหยุน นายคงคิดไม่ถึงว่า นายเองก็มีวันนี้ด้วยล่ะสิ?
ตอนนั้นนายเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า สักวันหนึ่งฉันจะมายืนอยู่เบื้องหน้าของนายอย่างนี้?
สายตาของหลินหยุน ในที่สุดก็ได้จ้องมองไปที่ตัวของฉินชิงถงเป็นครั้งแรกแล้ว
มองไปยังหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าที่มีรอยคราบเลือดบริเวณมุมปาก และกำลังบ้าคลั่งอยู่อย่างที่สุด
ต้องบอกว่า การที่พบเจอฉินชิงถง ในสถานที่แห่งนี้นั้น หลินหยุนเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน
ดูเหมือนว่า หลังจากที่เธอออกมาจากตระกูลฉิน ออกมาจากเมืองมี่หยุนแล้ว เธอคงจะพบเจอกับสี่เยว่ และทางสี่เยว่ได้รับเธอเป็นลูกศิษย์ จากนั้นก็พากลับมาที่สำนักหยุนเยว่
ฉินชิงถงมีพรสวรรค์ความสามารถในการฝึกฝนวิชาของสำนักหยุนเยว่อย่างแท้จริง
ในระยะเวลาที่สั้นขนาดนี้ เริ่มต้นฝึกฝนจากแดนฝึกพลัง ไม่เพียงแต่จะฝึกฝนสำเร็จเข้าสู่ขั้นยาทอง ยังจะสูงถึงขั้นยาทองระดับสามด้วย ซึ่งถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
มิน่าล่ะที่เธอรู้สึกว่ามีคุณสมบัติเพียงพร้อมในการลงมือสังหารหลินหยุนแล้ว
แต่ว่า ถึงแม้พลังบำเพ็ญจะก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วมากแค่ไหน แต่ก็ยังคงเป็นคนที่ไม่มีสมองอยู่ดี
มองไปที่ฉินชิงถง สายตาของหลินหยุนแสดงอาการที่รังเกียจออกมา พร้อมกับเดินเข้าไปหาเธอ
ฉินชิงถงเห็นสถานการณ์ดังนั้นแล้ว ก็พลันตกใจจนร่างกายสั่นไหวไปทั้งหมด
เบิกตาโพลง และขับเคลื่อนพลังบำเพ็ญในร่างกาย พร้อมกับถือกระบี่ยาวฟาดฟันเข้าใส่หลินหยุนอีกครั้ง
หลินหยุนชี้นิ้วออกไป ทันใดนั้นฉินชิงถงก็ถูกควบคุมให้อยู่กับที่อย่างเหลือเชื่อ ไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้เลย
หลินหยุนหัวเราะเยาะ เดินเข้ามาที่เบื้องหน้าของเธอ และพูดขึ้นว่า ไม่เจอกันนาน พลังบำเพ็ญก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย แต่สมองกลับยังคงว่างเปล่า! ไม่มีการพัฒนาขึ้นเลยแม้แต่น้อย!
ส่งเสียงฮึขึ้นอย่างเย็นชา สั่นสะเทือนจนกระบี่ยาวในมือของฉินชิงถงร่วงตกลงพื้น
หลินหยุนใช้ฝ่ามือตบไปที่ใบหน้าของฉินชิงถงอย่างรุนแรง ทันใดนั้น รอยฝ่ามือห้านิ้วสีแดงเลือดก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
ฉินชิงถงโมโหขึ้นโดยพลัน ความเกลียดชังก็พุ่งสูงขึ้นถึงขั้นสูงสุดแล้ว
ดิ้นรนอย่างสุดกำลัง เพื่อที่จะลงมือกับหลินหยุน
แต่ร่างกายของเธอถูกพลังที่มองไม่เห็นควบคุมเอาไว้ โดยที่ไม่มีใครสามารถหลุดพ้นหลบหนีไปได้
หลินหยุนพูดขึ้นอีกครั้ง แต่ไหนแต่ไรเธอเป็นคนที่ไร้สมองมาโดยตลอด ฉันเคยพูดเอาไว้แล้วว่า ฉันไม่เคยสนใจในตัวของเธอเลยแม้แต่น้อย ที่วันนี้เธอมาถึงขั้นนี้ได้ เป็นเพราะความผิดของเธอเองทั้งหมด!
ตอนนี้เธอคิดว่า ได้เข้ามาอยู่ในสำนักหยุนเยว่
พลังบำเพ็ญถึงขั้นยาทองระดับสาม ก็สามารถที่จะแก้แค้นกับฉันได้แล้ว
ฉินชิงถง ตั้งแต่ต้นจนจบเธอก็เป็นเพียงแค่กบในกะลา!
มาแก้แค้นกับฉัน? เธอมีคุณสมบัติเพียงพออย่างนั้นเหรอ?
เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล เป็นฉันที่บีบบังคับเธออย่างนั้นเหรอ?
เธอเข้าสู่ตระกูลฉู่ มีความสัมพันธ์ลับกับฉู่เทียนก็เป็นสิ่งที่ฉันบีบบังคับเธออย่างนั้นเหรอ?
เพราะว่าเธอเองนั้นเป็นคนไร้สมอง ถูกฉู่เทียนล่อลวงเล่นสนุกอยู่ในกำมือ ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ล้วนแต่เป็นความผิดของเธอคนเดียว! แต่เธอกลับคิดจะนำเรื่องเหล่านี้มากล่าวโทษฉันอย่างนั้นใช่ไหม?
ช่างน่าขันยิ่งนัก!
ฉันเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า หากไม่ใช่เห็นแก่หน้าของแม่ของเธอ เธอเองนั้น แม้แต่สิทธิ์ที่จะพูดต่อหน้าฉัน หรือคุณสมบัติที่จะให้ฉันมองเธอนั้นก็ยังไม่มีเลยเสียด้วยซ้ำไป!
เธอคิดว่าเธอเป็นใครกัน?
ในสายตาของฉันแล้ว แม้แต่มดแมลงเธอก็ยังเทียบไม่ได้ มดแมลงอย่างน้อยก็ยังมีสมอง แต่ว่า เธอมีสมองไหมล่ะ?
เธอมีแต่ร่างกายที่สกปรก ที่ไม่มีคุณค่าอะไรในสายตาของฉันเลย!
โกรธเคืองแล้วใช่ไหม?
โมโหแล้วใช่ไหม?
เธอยังจะมีหน้ามาโกรธเคืองอีกเหรอ?
เธอไม่ลองใช้สมองที่ไม่ค่อยจะได้เรื่องของเธอครุ่นคิดหน่อยเหรอว่า ทำไมสำนักหยุนเยว่ที่ไม่เคยมีผู้บำเพ็ญเซียนผู้ชายเข้ามาด้านในเลย แต่ฉันกลับมายืนอยู่ที่แห่งนี้ได้?
เธอไม่ลองคิดหน่อยเหรอว่า ทำไมตอนที่เธอคิดจะลงมือ แม้แต่ท่านอาจารย์ของเธอเองก็ยังต้องห้ามเธอเอาไว้ด้วย?
เธอบอกฉันหน่อยสิว่า สมองของเธออยู่ที่ไหน?
เปรี๊ยะ—-
หลินหยุนใช้ฝ่ามือตบไปยังใบหน้าอีกข้างหนึ่งของฉินชิงถง
อีกหนึ่งรอยฝ่ามือห้านิ้วสีแดง ก็ปรากฏขึ้นที่บนใบหน้าอีกครั้ง
หลินหยุนพูดต่อว่า ฉันจะบอกกับเธออีกครั้งว่า ฉันเห็นแก่หน้าของแม่ของเธอ จึงไว้ชีวิตเธอ แต่อย่าได้มาพูดจาไร้สาระต่อหน้าของฉันอีก ไม่อย่างนั้น ความอดทนของฉันก็มีขีดสุดเช่นกัน!
ถ้าหากมีอีกครั้ง ต่อให้แม่ของเธออยู่ในที่แห่งนั้นด้วย ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้!
รีบไสหัวไปซะ!
หลินหยุนสะบัดท่อนแขนขึ้นในทันที ฉินชิงถงนั้นก็กระเด็นลอยออกไปไกล
สี่เยว่เห็นเหตุการณ์ดังนั้น เงาร่างก็หายวับไป รองรับร่างของฉินชิงถงเอาไว้ในอ้อมอก
ฉินชิงถงโมโห เคียดแค้น และอับอายอย่างที่สุด พร้อมกับตะโกนกรีดร้องขึ้นอย่างเสียสติ หลินหยุน นายจะต้องไม่ตายดีแน่!
ฟู่ว์—-
กระอักเลือดออกมาอีกครั้งในทันที
จากนั้นก็มองไปที่สี่เยว่ พร้อมกับน้ำตาไหลพรากออกมา ท่านอาจารย์ ท่านจะต้องช่วยฉันสังหารเขาทิ้งซะ! ท่านอาจารย์ ฉันขอร้องท่าน ช่วยฉันสังหารเขาด้วย!
เห็นสภาพที่น่าสงสารของฉินชิงถง สีหน้าท่าทางของสี่เยว่ก็ย่ำแย่ลงยิ่งนัก
จากนั้นก็หันมองไปที่หลินหยุน และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า ชิงถงคือลูกศิษย์ของฉัน เห็นถึงสถานะและเกียรติของนาย สั่งสอนเล็กน้อยก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่กระทำถึงขั้นนี้ มันมากเกินไปแล้ว!
หลังจากวันนี้ไป ฉันไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก!
ไม่อย่างนั้น ฉันก็จะไม่เกรงใจแล้ว!
เมื่อสี่เยว่พูดจบ สองเยว่ก็ตวาดขึ้นเสียงแข็งว่า สี่เยว่ เธอกำเริบเสิบสาน……
หลินหยุนชูมือขึ้นเล็กน้อย เพื่อขัดจังหวะการพูดของสองเยว่
จากนั้นสายตาก็จ้องมองไปที่สี่เยว่
และพูดขึ้นว่า อย่างเธอน่ะเหรอ?
หลินหยุนยิ้มเยาะ เธอคิดว่า พลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับแปดอย่างเธอนี้ ทั่วทั้งสำนักหยุนเยว่ นอกจากสองเยว่แล้ว ก็ไม่มีใครที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเธอแล้ว วันนี้สองเยว่ได้รับบาดเจ็บ ก็ยิ่งไม่มีใครสามารถหยุดยั้งเธอได้อีกแล้วใช่ไหม?
เธอคิดว่า เจ้าพระคุณอย่างฉันนี้ เธอคิดจะยอมรับก็ยอมรับ เธอไม่คิดจะยอมรับก็ไม่คิดจะยอมรับอย่างนั้นเหรอ?
เธอคิดว่า เธอกำเริบเสิบสานต่อหน้าฉันแบบนี้ ฉันเองไม่มีทางที่จะจัดการอะไรเธอได้อย่างนั้นใช่ไหม?
คู่อาจารย์และลูกศิษย์อย่างพวกเธอนี้ ช่างเหมือนกันจริง ๆ ต่างก็ถือว่าตนเองถูกต้องไปทั้งหมด!
ในเมื่อเธอคิดที่จะไม่เกรงใจแล้ว ถ้าอย่างนั้น ฉันจะให้โอกาสเธอสักครั้งหนึ่ง ให้เธอลองดูสักตั้ง?
เธอ กล้าไหมล่ะ?
สีหน้าของสี่เยว่ก็พลันหม่นหมองลงในทันที มองไปที่หลินหยุน และพูดเยาะเย้ยว่า ดูเหมือนว่า นายมีความมั่นใจในตัวเองมากเหลือเกิน นายคิดว่า สามารถเอาตัวรอดออกมาจากสุดหล้าทะเลได้แล้ว ก็ไม่มีใครทำอะไรนายได้อีกอย่างนั้นเหรอ?
ดีเลย ในเมื่อนายต้องการจะลองดู อย่างนั้นฉันก็จะให้นายได้รับรู้เสียบ้างว่า อะไรที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน!
นายจดจำให้ดีนะว่า สถานที่แห่งนี้คือสำนักหยุนเยว่ ไม่ใช่สถานที่ที่นายจะมากำเริบเสิบสานได้!