จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 196 หยามยอกเอาหนามบ่ง
เสิ่นหย่งของทีมฝ่ายตรงข้าม มองไปยังหลินหยุนที่ขึ้นมาบนเวทีด้วยใบหน้าท่าทางที่เหยียดหยาม
“ไอ้คนไร้ฝีมือไร้ความสามารถเช่นนี้ยังจะไม่คำนึงถึงความสามารถของตนเองอีก แม้ว่าฝีมือความสามารถของหลิ่วซิงจะเทียบเท่าได้กับกู้ซิวหรั่น แต่ว่ามีพละกำลังที่แข็งแกร่งมากกว่าหลายเท่านัก”
“ส่วนนาย ก็เป็นแค่ผู้ไร้ความสามารถอันดับสุดท้ายในคาบเรียนวิชาต่อสู้มาโดยตลอด อยู่ในระดับเดียวกันกับหลี่หลิวเฉิงผู้นั้น นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้ามาท้าทายเพื่อประลองกับหลิ่วซิง รนหาที่ตายชัด ๆ! ”
“มิน่าล่ะถึงได้ถูกยัยตัวแสบเถียนชุ่ยชุ่ยหลอกลวงไปนานตั้งหนึ่งปีกว่า และยังได้นำเงินจากการทำงานในช่วงหนึ่งปีกว่านี้ให้กับเถียนชุ่ยชุ่ยทั้งหมด สมน้ำหน้าเสียจริง! ”
นักศึกษาคนอื่นเห็นหลินหยุนขึ้นเวทีไปเอง ตอนแรกก็ตกตะลึง แต่จากนั้นก็หัวเราะเยาะเย้ยกันยกใหญ่
หลินหยุนผู้ที่ไร้ฝีมือไร้ความสามารถคงจะเป็นบ้าไปแล้ว! ความสามารถของเขาก็คงจะเก่งกาจกว่าหลี่หลิวเฉิงเพียงเล็กน้อย ทุกครั้งในคาบเรียนเมื่อมีการประลองต่อสู้จริงเขาก็จะอยู่เป็นลำดับสุดท้าย แต่ครั้งนี้กลับกล้าที่จะออกมาท้าประลองฝีมือกับหลิ่วซิง!
“ฮาฮา ในเมื่อเขาต้องการรนหาที่ตาย งั้นก็จะลงมือจัดการให้ตามที่เขาต้องการ! ”
จางซือจู่และคนอื่น ๆ เห็นหลินหยุนออกมาท้าประลองฝีมือกับหลิ่วซิงอย่างกะทันหัน ก็ตกตะลึงไปชั่วครู่
“แย่แล้ว หลินหยุนคงอดทนเห็นภาพที่พวกเขากลั่นแกล้งรังแกไอ้หินไม่ได้ ทำให้เกิดความโมโหขึ้น จึงออกมาเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ไอ้หินอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น! ” จางซือจู่กล่าวขึ้นอย่างท้อแท้
สิบแปดมงกุฎหยางเทียนโย่วกุมหน้ากุมตา ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ต่อให้เขาจะออกหน้าแทนไอ้หิน แต่เขาเองก็ต้องมีความสามารถถึงจะช่วยได้ไม่ใช่หรือ! ความสามารถของหลิ่วซิงจัดอยู่ในสิบอันดับแรก หลินหยุนคงจะทำได้เพียงแค่ตั้งรับการออกหมัด การออกหน้าท้าประลองในครั้งนี้ไม่ใช่ว่าเป็นการสบประมาทเหยียดหยามตนเองหรือยังไงกัน? ”
ไอ้หินมองไปที่หลินหยุน ซาบซึ้งใจอย่างมาก แต่ว่าเขาไม่ต้องการให้หลินหยุนถลำเข้าไปในความผิดพลาดเดิม
“หลินหยุน ขอบคุณที่ออกหน้าเพื่อข้า! แต่ว่านายไม่มีทางเอาชนะเขาได้ นายกลับลงมาเถอะ! “ไอ้หินเป็นเด็กที่สัตย์ซื่อ พูดจาตรงไปตรงมา ไม่มีเลี้ยวลดคดเคี้ยวอะไร”
จางซือจู่เอามือกุมหน้า มองไปที่ไอ้หินด้วยแววตาที่ขมขื่น เด็กคนนี้ แกไม่รู้จักที่จะอ้อมค้อมหน่อยหรือไง? แกพูดออกไปอย่างนี้ หลินหยุนเพื่อต้องการเอาหน้า ก็คงไม่มีทางจะกลับลงมาอีกเป็นแน่
“หลินหยุน ไอ้หินไม่เป็นอะไรมากแล้ว นายอย่าบุ่มบ่าม กลับลงมาก่อน! ” จางซือจู่กล่าวเตือนขึ้น
หลินหยุนมองไปที่พวกเขาเหล่านั้น และยิ้มอย่างเฉยเมย “วางใจเถอะ ข้ารู้ตัวดีว่าอะไรควรอะไรไม่ควร! ”
ผู้ฝึกสอนมองไปที่หลินหยุน ไม่ปกปิดความเอือมระอาในจิตใจแม้แต่น้อย หลินหยุนและหลี่หลิวเฉิงทั้งสองเหมือนกัน คือเป็นผู้ที่รั้งท้ายในคาบเรียนวิชาต่อสู้
ผู้ฝึกสอนที่ชอบการเอาชนะอย่างเขานี้ จึงรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวอย่างมากกับนักเรียนลักษณะนี้
ผู้ฝึกสอนถามขึ้นอย่างเย็นชาว่า “หลินหยุน นายแน่ใจนะว่าจะท้าประลองกับหลิ่วซิง? ”
“แน่นอน” หลินหยุนตอบ
“ตกลง” ผู้ฝึกสอนมองไปที่หลิ่วซิงที่มีท่าทางดีอกดีใจ และกังวลว่าหลิ่วซิงจะไม่แสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่เหมือนเมื่อครู่ที่ผ่านมา
แม้ว่า เขาจะดูถูกหลินหยุน แต่ก็ไม่ต้องการให้ในคาบเรียนของเขา เกิดเหตุการณ์นักเรียนบาดเจ็บขึ้น
ผู้ฝึกสอนพูดตักเตือนว่า “หลิ่วซิง ห้ามประลองกันจนทำให้ได้รับบาดเจ็บล่ะ! ”
หลิ่วซิงหัวเราะแหะแหะ “ผู้ฝึกสอนวางใจได้ ข้ารับรองว่าจะไม่ทำร้ายเขาจนบาดเจ็บแน่นอน! ”
หลิ่วซิงพูดในใจว่า “ข้าไม่ทำให้เขาบาดเจ็บ แต่ว่า ข้าจะทำให้เขาเข้าโรงพยาบาล”
จางซือจู่มีท่าทางโมโหขึ้น “หึ ผู้ฝึกสอนก็ทำเกินไปแล้ว ยังไม่ทันได้ลงมือประลอง เขาก็ตัดสินให้หลินหยุนพ่ายแพ้แล้ว! ”
หยางเทียนโย่วเบะปาก พูดพึมพำเบา ๆ ว่า “หรือนายคิดว่าหลินหยุนจะเป็นผู้ชนะล่ะ? ”
จางซือจู่ถึงกับสำลัก “ก็ได้ คำพูดเมื่อครู่นี้ก็ถือว่าข้าไม่ได้พูดแล้วกัน! ”
ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงบัดนี้ กู้ซิวหรั่นผู้ที่นั่งอยู่บนแท่นอันดับหนึ่ง แทบจะไม่อยากมองดูหลินหยุนเลยแม้แต่น้อย
ผู้ฝึกสอนตะโกนขึ้นว่า “เริ่มต้นได้! ”
“ไอ้เด็กน้อย เตรียมรับมือกับหมัดของข้า! ” หลิ่วซิงหรี่ตาลง มองไปที่หลินหยุน รอยยิ้มเยาะเย้ยราวกับกระหายเลือดปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
สั่งสอนหลินหยุนเสร็จแล้ว หวางหยู่หันจะให้อะไรเป็นสิ่งตอบแทนกับเขา? เพียงคิดก็ทำให้มีความหวังขึ้นอย่างมากแล้ว!
หลิ่วซิงดวงตาร้อนผ่าว บริเวณท้องน้อยก็เริ่มร้อนรุนแรงขึ้นเช่นกัน
ทันใดนั้น หลิ่วซิงก็ได้ยินเสียงร้องตกใจขึ้นจากบริเวณโดยรอบ จากสัญชาตญาณ เขารู้สึกได้ถึงพลังของลมหายใจที่มีความรุนแรงและอันตรายเป็นอย่างมาก
เมื่อเขาตื่นขึ้นจากอาการตกตะลึง ก็เห็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของหลินหยุน อยู่ใกล้กับตัวเขามาก
ช่วงท้องเกิดอาการเจ็บปวดขึ้นโดยพลัน เวลานั้นหลิ่วซิง ขาดอากาศหายใจไม่ออก
เจ็บปวด เจ็บปวดมากเหลือเกิน!
หลิ่วซิงอยากจะร้องตะโกน แต่ว่า เมื่อเขาอ้าปาก ก็ไม่สามารถส่งเสียงอะไรออกมาได้
ที่จริงแล้ว ความเจ็บปวดอย่างที่สุด ก็จะทำให้ไม่มีแรงที่จะร้องตะโกนออกมาได้
เดิมที การแสดงในโทรทัศน์ต่างก็เป็นเรื่องที่ไม่จริงทั้งนั้น ความเจ็บปวดทรมานอย่างที่สุดจริง ๆ แล้วนั้น จะทำให้ทั้งร่างกายปราศจากเรี่ยวแรงใด ๆ แม้แต่เสียงก็ไม่สามารถร้องตะโกนออกมาได้
ขณะนี้ ณ ที่ตรงนี้เงียบสงบลงอย่างน่ากลัว แม้แต่เสียงที่เข็มตกลงพื้นก็ยังสามารถได้ยิน
เมื่อผู้ฝึกสอนเพิ่งพูดให้การประลองเริ่มต้นขึ้น ทุกคนก็เห็นหลิ่วซิงอยู่ในสภาพที่ตกตะลึง หลินหยุนพุ่งพรวดเข้ามาด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างมาก ช่วงเวลาเพียงแวบเดียว ก็ปล่อยหมัดชกหลิ่วซิง กระเด็นลอยไปไกล!
หลิ่วซิงนอนแผ่หลาอยู่บนพื้น เป็นตะคริวทั้งร่างกาย เหงื่อเย็นไหลออกตลอด และไม่มีเสียงร้อง ใด ๆ แม้แต่น้อย
“เมื่อสักครู่ เกิดอะไรขึ้น! ” จางซือจู่ถามด้วยอาการที่ตกตะลึง
หยางเทียนโย่วก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาเท่าไหร่นัก พูดพึมพำกับตนเองว่า “ข้าก็มองเห็นไม่ชัดเจน รวดเร็วมากเหลือเกิน! ”
ใช่สิ! รวดเร็วมาก เร็วจนถึงขนาดที่ผู้ฝึกสอนก็ยังมองไม่ชัดเจน!
“ฉ้อโกง! หลินหยุนฉ้อโกง! ” หวางหยู่หันที่ตั้งสติกลับมาได้ก็ร้องตะโกนขึ้นในทันที
เธอให้คำสัญญาว่าจะมีผลประโยชน์ให้กับหลิ่วซิง แม้กระทั่งไม่เสียดายที่จะยอมสูญเสียรูปลักษณ์เรือนร่างที่สวยงามของเธอ จนทำให้หลิ่วซิงตกลงตอบรับที่จะช่วยเธอแก้แค้นหลินหยุน
แต่ทว่า นึกไม่ถึงว่าตอนนี้หลิ่วซิงถูกหมัดของหลินหยุนกระเด็นออกไปไกล ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะให้ทุกคนเชื่อกันได้อย่างไร!
“ใช่เลย ฉ้อโกง หลินหยุนฉ้อโกงอย่างแน่นอน เขาจะสามารถเอาชนะหลิ่วซิงได้อย่างไรกัน! แต่ก่อน แม้แต่ข้าเขาก็ยังสู้ไม่ได้เลย! ” ชายผู้หนึ่งพูดตะโกนขึ้นด้วยท่าทางที่ไม่เชื่อ
เถียนชุ่ยชุ่ยก็อ้าปากค้างเล็กน้อย อยู่ในท่าทางที่ไม่เชื่อเช่นเดียวกัน สีหน้าที่ตะลึงงุนงงนั้น กอปรกับอารมณ์ท่าทางการขมวดคิ้วอันอ่อนโยนของเธอ เปรียบเสมือนกับนางมารจิ้งจอกที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล ทำให้ผู้ใดต่างก็หวังที่จะสวมกอด และลูบไล้อย่างเมามัน
“ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ หลินหยุนที่ไร้ความสามารถนั้นทำไมกลับมีฝีมือความสามารถที่เก่งกาจได้ถึงเพียงนี้! ”
เสิ่นหย่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็มีท่าทางที่ตกตะลึงเช่นกัน ร้องหวาดกลัวขึ้นในจิตใจ “เรื่องราวกลับเป็นอย่างนี้ได้อย่างไรกัน? ทำไมหลินหยุนถึงมีความสามารถเก่งกาจขนาดนี้? หรือเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาปกปิดอำพรางความเก่งกาจของเขามาโดยตลอด? ”
จางเหมิงที่กำลังทอดสะพานรักอยู่กับเหยียนเสวเหวิน เกือบที่จะสำลักน้ำลายเสียชีวิต “ไม่ใช่สิ นึกไม่ถึงว่าหลิ่วซิงจะพ่ายแพ้แล้ว! พ่ายแพ่ต่อหลินหยุนผู้ที่ไม่ได้เรื่องได้ราวนั้น! ”
เวลานี้ กู้ซิวหรั่นในที่สุดก็ได้ลืมตาขึ้น และมองไปที่หลินหยุน ในแววตาปรากฏความประหลาดใจขึ้นแวบหนึ่ง
สีหน้าของผู้ฝึกสอนสับเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง สายตาที่มองไปที่หลินหยุนปรากฏออกมาถึงความระมัดระวังบ้างเล็กน้อย
หลินหยุนยังยืนอยู่กับที่ เอามือไขว้หลัง และพูดขึ้นว่า “ผู้ฝึกสอน ได้เวลาประกาศผลแพ้ชนะแล้ว”
ผู้ฝึกสอนมีสีหน้าที่แปลกประหลาด และค่อย ๆ พูดขึ้นว่า “หลินหยุน เป็นผู้ชนะ! ”
ชายผู้หนึ่งที่วิ่งเข้าไปดูสภาพอาการของหลิ่วซิงได้ตะโกนขึ้นว่า “ผู้ฝึกสอน หลิ่วซิงได้รับบาดเจ็บสาหัส เกรงว่าจะต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน! ”
หวางหยู่หันยืนขึ้นอย่างกะทันหัน ตำหนิติเตียนหลินหยุนด้วยความโมโห “หลินหยุน เป็นเพียงแค่การประลองฝีมือเท่านั้น นายกลับใช้กำลังทำร้ายฝ่ายตรงข้ามจนบาดเจ็บสาหัส! จิตใจนายช่างโหดร้ายยิ่งนัก! ”
“ผู้ฝึกสอน คุณต้องทวงคืนความยุติธรรมให้กับหลิ่วซิงด้วย โดยการลงโทษหลินหยุน! ”
พวกเพื่อนนักเรียนต่างพากันแสดงสีหน้าท่าทางที่แปลกประหลาด คำพูดนี้ทำไมได้ฟังแล้วมันค่อนข้างคุ้นหู! ใช่สิ เมื่อครู่จางซือจู่ไม่ใช่พูดแบบนี้ขึ้นหรอกเหรอ? แต่ทว่าได้สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งของทั้งสองฝ่ายแล้ว ฝ่ายที่ได้รับบาดเจ็บคือหลิ่วซิง
ผู้ฝึกสอนมองไปที่หลินหยุน ด้วยแววตาไม่เป็นมิตร “หลินหยุน ทำไมนายถึงลงมือกับเพื่อนนักเรียนรุนแรงขนาดนี้ด้วยล่ะ! ”
“……” ตอนนี้ แม้แต่เพื่อนนักเรียนที่เข้าข้างหลิ่วซิงก็เริ่มทนดูเหตุการณ์ต่อไปไม่ไหวแล้ว
เมื่อสักครู่หลิ่วซิงชกโจมตีไอ้หินจนบาดเจ็บ ผู้ฝึกสอนบอกว่าเป็นการเข้าใจผิด ตอนนี้หลิ่วซิงถูกหลินหยุนทำร้ายจนบาดเจ็บ ผู้ฝึกสอนกลับตำหนิโทษหลินหยุน
ต่อให้มีการเข้าข้างลำเอียง มันก็แสดงออกอย่างชัดเจนออกนอกหน้าจนเกินไปแล้ว!
จางซือจู่และอีกหลายคนโมโหจนหน้าเขียว “เกินไปแล้ว ผู้ฝึกสอนเกินไปแล้วจริง ๆ ข้าจะไปฟ้องร้องเขาที่สำนักงานการฝึกสอน! ”
หลินหยุนมองไปที่ผู้ฝึกสอน จ้องสบตากับผู้ฝึกสอนอย่างไม่เกรงกลัว และพูดว่า “หมัดและเท้าไม่มีตา ใครสั่งให้เขากระจอกไร้น้ำยาเช่นนี้ล่ะ! ”
ทุกคนถึงกลับตะลึงขึ้นอีกครั้ง คำพูดนี้ ได้ฟังแล้วก็รู้สึกคุ้นหูอีกเช่นเดียวกัน