จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 20 ราชินีที่อยู่ท่ามกลางหมู่คน
บทที่ 20 ราชินีที่อยู่ท่ามกลางหมู่คน
หยุนเยว่ไม่เชื่อว่าหลินหยุนที่อายุแค่นี้ จะสามารถไปถึงระดับการบรรลุที่เธอใฝ่ฝันเอาไว้ได้
แต่ว่า เธอก็ไม่กล้าสงสัยในสายตาของคุณท่านจิน
“เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นปรมาจารย์บู๊จริงเหรอคะ?”
คุณท่านจินเอ่ยว่า “ในเมื่อเขาบอกแล้วว่าเขารักษาโรคของฉันได้ เขาก็ต้องไม่ได้โกหกแน่ ปรมาจารย์คนหนึ่งไม่จำเป็นต้องหลอกเรา ฉันกลัวแค่ว่าสิ่งที่เขาต้องการเป็นค่าตอบแทนนั่น เราจะให้เขาไม่ได้!”
“สรุปคือจำคำของฉันเอาไว้ เขาคนนี้จะเป็นศัตรูด้วยไม่ได้เด็ดขาด!”
“ค่ะ!” หยุนเยว่พยักหน้า
หลินหยุนและโจวชิงเหอนั่งรถจากมา
ตอนอยู่บนรถ หลินหยุนคิดเรื่องฐานะที่แท้จริงของคุณท่านจินอยู่ตลอดเวลา
ดูจากระดับความนอบน้อมของโจวชิงเหอที่มีต่อคุณท่านจินแล้ว คุณท่านจินคนนี้ต้องไม่ใช่บุคคลนิรนามธรรมดาๆแน่
ชาติที่แล้ว เขาอาศัยอยู่ในมณฑลหลิงหนานนานถึงยี่สิบปี รู้จักคนใหญ่คนโตในมณฑลหลิงหนานแทบทุกคน นอกจากจินซื่อหรงแล้ว เขาไม่เคยได้ยินชื่อคุณท่านจินคนนี้มาก่อนเลย
“ผู้อำนวยการโจว คุณท่านจินคนนี้เป็นใครกันเหรอครับ? ผมเห็นคุณนอบน้อมต่อเธอมากทีเดียว” หลินหยุนถามแบบหยั่งเชิง
โจวชิงเหอยิ้มพร้อมพูดว่า “หมอเทพหลิน ถ้าคุณสนใจในฐานะที่แท้จริงของคุณท่านจินล่ะก็ ผมจะบอกคุณก็ได้ครับ คุณท่านจินเองก็ไม่ได้ตั้งใจปิดบังฐานะที่แท้จริงของเธอหรอกนะครับ”
“อ่อ ถ้าอย่างนั้นรบกวนผู้อำนวยการโจวด้วยนะครับ”
โจวชิงเหอแสดงสีหน้าลึกลับ ก่อนจะถามว่า “ผมไม่ทราบว่าหมอเทพหลินเคยได้ยินชื่อควีนจินแห่งหนานหลิงบ้างไหมครับ”
“ควีนจินเหรอครับ?” ในตอนนั้นเองหัวใจของหลินหยุนถึงกับกระตุก ชื่อนี้เขาเคยได้ยินมาก่อนจริงๆ
หลินหยุนแปลกใจเล็กน้อย “อย่าบอกนะครับว่าคุณท่านจินคนนี้…ก็คือควีนจินแห่งหนานหลิงผู้โด่งดัง!”
โจวชิงเหอพยักหน้า “ถูกต้องครับ เธอก็คือควีนจิน”
สายตาของโจวชิงเหอแสดงถึงความเคารพยำเกรง เขาถอนหายใจ “ควีนจินเป็นผู้ปกครองมณฑลหลิงหนาน เธอครอบครองจินไซทั้งหกและผู้รับใช้ทั้งสิบสอง ซึ่งทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นระดับมาเฟียของเมืองครับ”
“ทุกแวดวงการเมืองและธุรกิจล้วนแล้วแต่มีคนของควีนจิน ว่ากันว่าควีนจินออกคำสั่งได้แม้กระทั่งกับพวกคนชนชั้นสูง!”
หลินหยุนนิ่งเงียบไป เขารู้ว่าคำพูดของโจวชิงเหอเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ควีนจินน่ะเป็นคนใหญ่คนโตของมณฑลหลิงหนานแน่นอน
ต่อให้พูดว่าเธอคือกษัตริย์ที่ไม่มีวันล้มแห่งมณฑลหลิงหนาน ก็คงจะไม่เกินไป
“คาดไม่ถึงว่าที่แท้แล้วคนใหญ่คนโตและมีชื่อเสียงแบบเธอ จะทนรับอาการเจ็บป่วยมาโดยตลอด ไม่แปลกใจเลยที่ชาติก่อนถึงเคยเพียงแค่ได้ยินชื่อควีนจิน แต่ยังไม่เคยเห็นหน้าของเธอเลยสักครั้ง” หลินหยุนแอบเสียดาย
แต่ว่า ดวงของควีนจินดีไม่น้อยเลยที่มาเจอเขา ไม่อย่างนั้นชาตินี้เธอก็อย่าคิดว่าจะได้หลุดพ้นจากความทรมานของอาการเจ็บป่วยนั่น
โจวชิงเหอเอ่ยขึ้นว่า “หมอเทพหลิน ถ้าหากท่านรักษาอาการป่วยของควีนจินได้ล่ะก็ ต่อไปมันก็จะเป็นผลดีกับตัวท่านมากครับ!”
หลินหยุนยิ้มน้อยๆ “ผู้อำนวยการโจววางใจเถอะครับ ในเมื่อผมรับปากเธอแล้ว ยังไงผมก็รักษาโรคของเธอให้หายดีได้แน่”
“ผมต้องขอบคุณหมอเทพหลินแทนควีนจินด้วยครับ!” โจวชิงเหอพูด
หลินหยุนไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่มองโจวชิงเหอด้วยสายตาเรียบเฉย ถ้าโจวชิงเหอรู้ว่าตัวเขารักษาโรคให้ควีนจิน ที่จริงเป็นเพราะเห็นแก่หน้าเขา แต่ไม่รู้ว่าโจวชิงเหอคิดยังไง?
ในสายตาของหลินหยุน ควีนจินเธอเป็นเพียงแค่ส่วนธรรมดาส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิต ฐานะและอำนาจเล็กน้อยพวกนั้นของเธอ ไม่ได้มีความสำคัญต่อหลินหยุนเลยแม้แต่น้อย
แต่ไม่ว่าจะยังไงหลินหยุนก็ต้องใช้ชีวิตไปตามประเพณีปกติ ถ้าหากเขาได้ผูกมิตรกับคนใหญ่คนโตบ้าง ก็ไม่ได้มีผลเสียอะไร
โจวชิงเหอพาหลินหยุนมาส่งที่คลินิกตระกูลเซี่ย แล้วตัวเขาก็กลับไป
เมื่อหลินหยุนกลับมาดูคลินิกก็เข้าไปดูเล็กน้อย เขาเห็นเซี่ยหยู่เวยกำลังตรวจคนไข้เด็กรายหนึ่งอยู่
หลินหยุนกำชับกับเซี่ยหยู่เวยว่า “ผมจะออกไปเดินเล่น บางทีคืนนี้คงไม่กลับมาแล้ว บอกให้น้าเฟินไม่ต้องเป็นห่วง”
เซี่ยหยู่เวยตอบอย่างไม่ประสบอารมณ์ว่า “รู้แล้วล่ะน่า”
หลินหยุนเดินจากมา เขาเรียกรถเพื่อนั่งไปถึงด้านบนภูเขาเขตชานเมืองหลินโจวด้วยตัวคนเดียว
คืนนี้ค่าการบำเพ็ญของเขาอีกนิดเดียวก็จะถึงระยะปฐมภูมิแล้ว เขากลัวว่าตัวเขาจะไปเกิดมีการเคลื่อนไหวอะไรที่บ้านตระกูลเซี่ย ดังนั้นเขาตั้งใจจะไม่กลับบ้านแล้วในคืนนี้
ชาติที่แล้วหลินหยุนเป็นกษัตริย์เซียนที่ถูกลงทัณฑ์ ชาตินี้เขาจึงทำได้เพียงเดินอยู่บนทางแห่งการบำเพ็ญเซียนอีกครั้ง สำหรับระยะปฐมภูมินั้น ไม่มีความยากสำหรับเขาเลยสักนิด
หลินหยุนหาหินมาก้อนหนึ่ง ก่อนจะขึ้นไปนั่งขัดสมาธิ จากนั้นเขาก็เอาขนมปังกับนมที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตวางลงข้างๆ ตัวเขาในตอนนี้ยังบรรลุไม่ถึงระดับปี้กู่ เขายังต้องทานอาหารเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป
วงเวทย์ป้องกันง่ายๆก็ถูกวางไว้รอบตัวเขา จากนั้นเขาจึงเริ่มฝึก
ที่นี่คือด้านบนภูเขาของชานเมืองหลินโจว ซึ่งปกติแล้วจะไม่ค่อยมีคนมา หลินหยุนเลือกที่นี่ โดยพื้นฐานแล้วไม่มีคนมารบกวนเขา
ในระหว่างที่เขากำลังฝึกนั้น ฟ้าก็ค่อยๆมืดลง บนภูเขาไม่มีแสงไฟทำให้ทั่วทุกที่มืดมิดไปหมด
หลินหยุนมีวงเวทย์ป้องกันตัวเขาไว้ พวกยุง แมลง หนูและงูต่างก็เข้าใกล้เขาไม่ได้แม้แต่น้อย
จนเป็นเวลาประมาณตีหนึ่ง จู่ๆด้านล่างของภูเขาก็มีเสียงของฝีเท้าที่เดินกันสะเปะสะปะวุ่นวายดังขึ้น
เด็กหนุ่มสี่คนเดินแบกกระสอบมาทางด้านหน้าห่างไปไม่ไกลจากหลินหยุน
“ที่นี่ก็แล้วกัน!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น
“ดี เริ่มขุดได้!”
เด็กหนุ่มทั้งสี่คนหยิบพลั่วออกมา แล้วเริ่มขุดหลุม
กระสอบใบนี้มีบางสิ่งกำลังดิ้นพร้อมกับส่งเสียงอู้อี้ คล้ายกับมีคนคนหนึ่งอยู่ในกระสอบ
เดิมหลินหยุนก็ไม่อยากไปสนใจ แต่ได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากกระสอบนั้น หลินหยุนก็ทำได้เพียงหยุดฝึกก่อนชั่วคราว
ช่วยคนหนึ่งชีวิต ยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น
ถึงหลินหยุนจะไม่ได้มีจิตใจที่เมตตา แต่เขาก็ไม่สามารถมองดูคนอื่นถูกฆาตกรรมต่อหน้าต่อตาเขาได้
“พวกนายคิดจะทำอะไรกันน่ะ?” หลินหยุนไปหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าเด็กหนุ่มทั้งสี่ในพริบตา โดยไม่มีแม้แต่เสียง
เด็กหนุ่มสี่คนที่กำลังขุดหลุมอยู่นั้น แต่เดิมก็กำลังทำเรื่องละอายใจอยู่ แถมอยู่บนภูเขาที่มืดมิดแบบนี้ พวกเขาต้องไม่คิดไม่ฝันว่าจู่ๆจะมีคนปรากฏตัวแน่
ถูกหลินหยุนทำเอาให้ตกใจกะทันหัน!
“ผี!!” คนสี่คนร้องกันอย่างอนาถ วิ่งกันแตกกระเจิง
จริงๆแล้วพวกเขาถูกคนจ้างมา ถ้าหากไม่ใช่เพราะเงินล่ะก็ พวกเขาเองก็คงไม่ยอมทำเรื่องไร้คุณธรรมแบบนี้
หลังถูกหลินหยุนที่จู่ๆก็โผล่มาทำเอาตกใจ ก็รีบหาข้อแก้ตัวหนีหายกันไปหมดอย่างรวดเร็ว
หลินหยุนเดินไปหยุดอยู่หน้ากระสอบทรายใบนั้น แต่จู่ๆมันก็เลิกขยับไป
ตายแล้วเหรอ?
หลินหยุนแยกแยะออกได้ว่าคนในกระสอบนั่นยังหายใจอยู่
หลินหยุนเปิดถุงกระสอบออก ด้วยแสงไฟฉายที่คนพวกนั้นทิ้งไว้ทำให้เขามองเห็นคนในกระสอบได้อย่างชัดเจน
ชายชราคนนี้สวมใส่ชุดฉางเผ่าสีขาว เส้นผมยาวสีขาวเทาถูกม้วนเป็นมวยผม
หลังจากที่กระสอบถูกเปิดออก ก็มีกลิ่นสาบเหงื่อเหม็นโชยออกมาจากด้านใน
ถ้าไม่ได้โดนมัดมือมัดเท้าใส่ไว้ในกระสอบ สภาพของเขาก็คงยังพอดูดีอยู่บ้าง
หลินหยุนหยิบเอาผ้าที่ปิดปากของเขาออก ชายชราสูดลมหายใจอย่างแรง
หลินหยุนถามเขาว่า“คุณเป็นใครครับ? ทำไมพวกเขาต้องทำร้ายคุณด้วย?”
ชายชรารอพักหนึ่งก่อนจะปล่อยลมหายใจออกมา เขาลุกขึ้นนั่ง แล้วมองมาที่หลินหยุนพร้อมตอบว่า “ไอ้หนุ่ม เจ้ามีน้ำไหม? ข้ากระหายจะตายแล้ว!”
หลินหยุนทิ้งน้ำแร่ให้เขาขวดหนึ่ง
“ขอบใจมาก!” ชายชราบิดเปิดฝาขวดน้ำ แล้วเงยหน้าขึ้นเทน้ำลงในปาก
น้ำทั้งขวดถูกเขาดื่มจนหมดในครั้งเดียว แล้วเขาก็เรอออกมา ก่อนจะยิ้มแหะๆมาทางเขา “เด็กรุ่นหลานพวกนั้น ยังกล้าลงมือจริงๆนะ ถ้าไม่ใช่ได้เจ้าช่วยไว้ล่ะก็ ชีวิตชราของข้าก็คงต้องทิ้งไว้ที่นี่วันนี้แล้ว”
“จริงสินะไอ้หนุ่ม กลางดึกแบบนี้เจ้ามาทำอะไรบนเขากัน?” ชายชราเอ่ยถาม
จากนั้น จู่ๆชายชราก็เหมือนจะนึกเรื่องที่น่ากลัวขึ้นมาได้ เขารีบถอยหลังไปมองหลินหยุนอยู่ไกลๆ ก่อนจะถามอย่างตื่นกลัวว่า “เจ้าคงจะไม่ใช่ผีจริงๆใช่ไหม?”
“คุณเคยเห็นผีพกขวดน้ำแร่ด้วยเหรอครับ?” หลินหยุนตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“นั่นสินะ ผีน่ะไม่ดื่มน้ำหรอก! เป็นเพราะไอ้พวกเด็กเวรพวกนั้นแท้ๆ ทำเอาข้าเข้าใจผิด” ชายชราเริ่มก่นด่าพวกเด็กหนุ่มกลุ่มนั้นที่หนีไปเมื่อกี้
หลินหยุนมองดูชายชราสุดแปลกคนนั้น แล้วถามขึ้นอีกครั้ง“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของผมเลยนะครับ”
ชายชราอึ้งไปสักพัก เขามองหลินหยุนแล้วหัวเราะเล็กน้อยพร้อมกับตอบว่า “ผู้เฒ่าซูเหลียงจื๊อ ไอ้หนุ่มจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไรล่ะ?”
“หลินชางฉอง” หลินหยุนกล่าวเรียบๆ
ชายชราคนนั้นตบไปที่ต้นขาของเขา แล้วยกนิ้วหัวแม่มือขึ้น “ชางฉองสองคำนี้ตั้งได้ดีมาก! ข้าเห็นเจ้ามีจุดยืนถางระหว่างคิ้วที่อวบอิ่ม ใจกลางหน้าผากกลมมน อนาคตต้องได้เป็นคนทำการใหญ่โตแน่นอน! หน้าที่ตำแหน่งการงานก้าวกระโดด และจะเป็นจริงในอีกเร็ววัน!”