จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 200 งานเฉลิมฉลองมหาวิทยาลัยเริ่มต้นขึ้น
หวางหยู่หันได้พูดปลอบใจต่อว่า “คุณชายกู้ ชาติตระกูลของคุณสูงศักดิ์ เส้นสายความสัมพันธ์ต่อบุคคลก็กว้างขวาง คะแนนวิชาอื่นของคุณก็ดีกว่าเขามากมายห่างไกลกว่าเขาเป็นพันลี้ แม้ว่าวิชาการต่อสู้ของคุณจะสู้เขาไม่ได้ มันจะเป็นอะไรไปล่ะ? ”
“คุณสามารถแข่งเล่นเปียโนกับเขา การเล่นเปียโนของคุณโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย สามวันหลังจากนี้ก็จะเป็นงานเฉลิมฉลองมหาวิทยาลัย รายการแสดงของคุณไม่ใช่ว่าได้รับการคัดเลือกแล้วหรอกเหรอ? เวลานั้นคุณก็เล่นบรรเลงเพลงให้ไพเราะ ทำให้เขาได้เห็นถึงความสามารถของคุณ”
แววตาของกู้ซิวหรั่นค่อย ๆ กลับมามีประกายมากขึ้น กลิ่นอายความหงอยเหงาซึมเศร้าในตัวของเขาในที่สุดก็มลายหายไป
“คุณพูดได้อย่างถูกต้อง ฉันไม่จำเป็นต้องแข่งขันวิชาต่อสู้กับเขา ความสามารถพิเศษของฉันไม่ใช่วิชาต่อสู้ ฉันเองที่มีทิฐิมากเกินไปหน่อย”
กู้ซิวหรั่นหันมองไปที่หลินหยุนที่นั่งอยู่บนที่นั่ง สองมือกำหมัดแน่น “หลินหยุน ข้ายอมรับว่าวิชาต่อสู้ของนายเก่งกาจยอดเยี่ยมมาก แต่ อย่าลืมว่า ตอนนี้คือยุคเทคโนโลยี ต่อให้วิชาต่อสู้ของคุณจะเก่งกาจแค่ไหน แล้วจะมีประโยชน์อะไร? ”
“นอกจากวิชาต่อสู้แล้ว นายสู้อะไรข้าไม่ได้สักอย่าง สามวันหลังจากนี้คืองานเฉลิมฉลองมหาวิทยาลัย เวลานั้นข้าจะบรรเลงเพลงประกอบร่วมกับอีหลิง ข้าคงจะได้รับความรู้สึกอันดีจากอีหลิง ส่วนนาย ทำได้เพียงนั่งบนด้านล่างของเวทีแหงนมอง เพื่อดูข้าเอาชนะใจหญิงสาวสวย”
เวลานี้ ผู้ฝึกสอนถูกนักเรียนสองคนประคองร่างกาย แล้วค่อย ๆ นั่งลงไป
แต่ ทางผู้ฝึกสอนบอกให้คนช่วยนำเขาส่งไปที่ห้องพยาบาลโดยตรงเลย ที่จริงแล้วเขาได้รับบาดเจ็บไม่หนัก หลินหยุนไม่มีทางที่จะทำร้ายคนจนบาดเจ็บสาหัสหรือกระทั่งฆ่าคนในมหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน
แต่ว่า ผู้ฝึกสอนเองไม่มีหน้าที่จะทนอยู่ต่อไปได้ เมื่อครู่เขาได้กล่าวอย่างโอ้อวดเอาไว้ จะสั่งสอนให้หลินหยุนให้เข็ดหลาบ จะให้เขาทราบว่าเหนือคนยังมียอดคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า
แต่ ไม่ทันไรก็ถูกหลินหยุนชกกระเด็นลอยไปไกล ถึงกับเสียหน้าเสียเกียรติเป็นอย่างมาก
ดังนั้น ผู้ฝึกสอนจึงหาข้ออ้างปลีกตัวจากไป เพื่อหลีกเลี่ยงสภาพที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เมื่อผู้ฝึกสอนจากไป คาบวิชาต่อสู้ก็ใกล้จะสิ้นสุดลง พวกนักเรียนต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ สายตามองไปที่หลินหยุนทั้งอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ
ไม่มีข้อสงสัยใด ๆ หลินหยุนกลายเป็นม้านอกสายตาของวิชาต่อสู้นี้ คาดว่าข่าวคงจะกระจายโด่งดังไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย
ช่วงบ่ายหลังจากที่เลิกเรียน หลินหยุนกลับไปถึงหอพัก ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกพวกเพื่อนที่เลวทรามตามสอบถามไม่หยุด
หลินหยุนพูดกลบเกลื่อนไปว่าตนเองได้พบกับปรมาจารย์ลึกลับผู้หนึ่ง ถ่ายทอดเคล็ดลับวิชาต่อสู้ให้เขา จึงจะสามารถรอดพ้นจากคำถามเหล่านั้นมาได้
คนอื่น ๆ ต่างก็พากันเชื่อไปบ้าง แต่หลินหยุนเห็นท่าทางที่สงสัยของเลยเฉียง จึงรู้ได้ว่าโกหกหลอกลวงเขาไม่ได้
ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดของวงศ์ตระกูลนักบู๊ เลยเฉียงจะชัดเจนกว่าคนธรรมดาทั่วไป ที่หลินหยุนแสดงออกมานั้นไม่ใช่วิชาการต่อสู้ แต่มันเป็นวิชาบู๊ที่จริงแท้แน่นอน
แต่ว่า ในเมื่อหลินหยุนไม่พูด เลยเฉียงก็ไม่ได้เข้าไปสอบถาม เพราะว่าเขาต้องการปกปิดสถานะที่แท้จริงของตน
เวลาสามวันผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วครู่ งานเฉลิมฉลองสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจวประจำปีก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
วันนี้เป็นวันที่อากาศดีแดดจ้าท้องฟ้าแจ่มใส กล่าวได้ว่าสมดั่งที่ฟ้าประทานพร
ในช่วงบ่ายสี่โมงเย็นได้เริ่มต้นก่อตั้งเวทีที่บริเวณสนามหญ้าของมหาวิทยาลัย โดยเป็นงานเฉลิมฉลองที่หนึ่งปีมีหนึ่งครั้ง อีกทั้งยังเป็นสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่เน้นการเรียนการสอนด้านภาพยนตร์เป็นที่สุด ดังนั้นขนาดของการจัดงานจะต้องยิ่งใหญ่ สิ่งของหลายสิ่งอย่างจะต้องครบถ้วนและใช้งานได้อย่างมืออาชีพ อาทิ ลำโพง ไฟ เป็นต้น
รายการแสดงของมหาวิทยาลัย ไม่ทราบว่าโดนผู้ใดแพร่กระจายออกไป
ทกคนต่างก็รอคอยรับชมการแสดงระหว่างดาวประจำมหาวิทยาลัยอีหลิงกับเดือนประจำมหาวิทยาลัยกู้ซิวหรั่น
โดยเป็นการแสดงของดาวและเดือนประจำมหาวิทยาลัยที่ทุกคนต่างก็ให้ความสนใจ อีกทั้งยังเป็นการแสดงร่วมกัน ไม่ทันต้องพูดว่าเป็นการแสดงอะไร แค่รู้ว่าเป็นการแสดงของดาวและเดือนประจำมหาวิทยาลัย ก็เพียงพอที่จะทำให้นักเรียนทุกคนคาดหวังตั้งตารอ
เมื่อเข้าสู่ช่วงค่ำคืน งานเฉลิมฉลองมหาวิทยาลัยก็ได้เริ่มต้นขึ้น
หลินหยุนกับจางซือจู่และอีกหลายคนนั่งอยู่บริเวณมุมของสถานที่จัดงาน รับฟังจางซือจู่และอีกหลายคนที่อยู่ตรงนั้นทอดถอนหายใจ
“ได้ยินว่าครั้งนี้ดาวมหาวิทยาลัยอีหลิงจะขึ้นเต้นรำบนเวที จุ๊จุ๊ ครั้งนี้ได้ดูชมอย่างเต็มตาเต็มใจเลยทีเดียว ซึ่งทำให้ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอดูอย่างจริงจัง! ” จางซือจู่พลางแทะกินเมล็ดทานตะวัน พลางพูดขึ้น
หยางเทียนโย่วพูดขึ้นอย่างรวดร้าว “ได้ยินว่าครั้งนี้กู้ซิวหรั่นจะขึ้นแสดงร่วมกันกับอีหลิง มันช่างแย่จริง ๆ กู้ซิวหรั่นไอ้หนุ่มที่มีรูจมูกบาน ที่แอบคิดหมายปองนางฟ้าของฉันมาโดยตลอด ครั้งนี้เกรงว่าเขาจะสำเร็จแผนการที่วางเอาไว้แล้วแน่เลย! ”
“นั่นคือนางฟ้าของข้า สิบแปดมงกุฎหากว่านายกล้าที่จะแย่งกันกับข้า ข้าจะเลิกคบเป็นเพื่อนกับนายเลย! ” จางซือจู่พูดด้วยความโกรธเคือง
“เลิกคบเป็นเพื่อนกับฉันงั้นเหรอ หากใครไม่เลิกคบ ใครผู้นั้นต้องเป็นสุนัข! ” หยางเทียนโย่วนานทีปีหนที่จะองอาจสักครั้ง
ที่จริงแล้วมหาวิทยาลัยได้แต่งตั้งดาวประจำมหาวิทยาลัยไว้ทั้งหมดสี่คน แต่ว่าจางเหมิงผู้ที่สวยแต่รูปจูบไม่หอม มีเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกที่งดงาม แม้ว่าหลายคนจะชื่นชมหลงใหลในความสวยงามของเธอ แต่มีน้อยคนนักที่จะยอมรับในกับตัวเธออย่างจริงใจ
ส่วนอีกสองคนที่เหลือ ต่างก็มีจุดบกพร่องมากมาย มีเพียงแค่อีหลิง ที่ถือได้ว่าเป็นนางฟ้าที่แปลงกายลงมาทั้งสละสลวยและบริสุทธิ์ ทุกคำชื่นชมเยินยอสามารถใช้ได้กับตัวเธอทั้งหมด ไม่มีคำใดที่ไม่เหมาะสม
ด้วยเหตุนี้ อีหลิงจึงกลายเป็นนางฟ้าที่ทุกคนต่างชื่นชมเยินยอด้วยความจริงใจ แม้ว่ากู้ซิวหรั่นที่หยิ่งยโส กลับก็ต้องยอมสยบต่ออีหลิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชายผู้อื่นแต่อย่างใด
หลินหยุนได้ยินสองคนนั้นดุด่ากันไปมา จึงได้ระลึกถึงความหลังในอดีต
เขาจำได้ว่าชาติที่แล้วในงานเฉลิมฉลองมหาวิทยาลัย อีหลิงกับกู้ซิวหรั่นคนหนึ่งเล่นเปียโน อีกคนหนึ่งเต้นรำ ร่วมกันแสดงได้อย่างพร้อมเพรียงไร้ที่ติ กลายเป็นเหตุการณ์ที่น่าประทับใจไม่ลืมเลือน
แม้ว่าจะผ่านไปอีกหลายปี สถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจวยังคงได้พูดถึงเหตุการณ์การแสดงครั้งนั้นของพวกเขาและเธอ นั่นแสดงว่า มีอิทธิพลที่ต่อเนื่องยืนยาว
หลังจากการแสดงในครั้งนั้น ทั้งสองคนได้กลายเป็นกิ่งทองใบหยกแห่งสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจว ผู้คนทั้งหลายต่างพูดกันว่าพวกเขาทั้งสองเหมาะสมกันเหมือนสวรรค์ได้บรรจงสร้างขึ้น แม้แต่กู้ซิวหรั่นเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่หลินหยุนทราบดีว่า อีหลิงไม่ได้สนใจในตัวของกู้ซิวหรั่นเลย
น่าเสียดาย ชาติที่แล้วหลินหยุนมีนิสัยชอบสันโดษเก็บตัว นั่งอยู่ในมุมเงียบ ๆ และมองดูอีหลิงเต้นรำ ด้วยท่าทางที่สวยสง่างาม เมื่ออีหลิงเต้นรำจบ หลินหยุนก็ยังคงตะลึงอยู่อย่างเดิม ไม่ได้เห็นการเต้นรำของอีหลิงอย่างชัดเจน
หลังจากนั้น หลินหยุนยังคงเสียดายไม่หาย ทำได้เพียงดูจากวิดีโอแทน
ในชาตินี้ หลินหยุนในสถานะของมหากษัตริย์ชางฉอง ได้ชมการแสดงเต้นรำของอีหลิงอีกครั้ง ก็เหมือนกับว่าได้สัมผัสดื่มด่ำกับความงดงามในอีกอารมณ์หนึ่ง
ขณะที่หลินหยุนกำลังระลึกนึกถึงอดีตอยู่นั้น หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีขาวคนหนึ่งได้ถือไมโครโฟนแล้วก้าวเดินขึ้นไปบนเวที
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นหวางหยู่หัน เธอกลายเป็นพิธีกรรายการในงานเฉลิมฉลองมหาวิทยาลัย
ไม่เอ่ยถึงก็คงไม่ได้ หวางหยู่หันก็สวยงดงามมากเช่นกัน โดยเฉพาะตรงหน้าอกสองข้างของเธอที่น่าภาคภูมิใจ ซึ่งทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความหื่นกระหายขึ้น
(หมายเหตุ ค้นพบคำศัพท์ขึ้นใหม่หนึ่งคำ ต่อไปผู้อ่านทุกท่านสามารถนำไปใช้ชื่นชมหญิงสาวสวยได้ รับรองว่าใช้ชื่นชมแล้วเกิดผลดีอย่างแน่นอน อาทิ น้องสาว คุณสวยงามจนทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความหื่นกระหาย)
หวางหยู่หันเรียนด้านการออกอากาศกระจายเสียง น้ำเสียงไพเราะน่าฟังมาก ซึ่งเป็นพิธีกรได้อย่างไม่มีปัญญา
เพียงแต่ว่า คำกล่าวเริ่มต้นเปิดงานนั้นค่อนข้างน่าเบื่อ เหมือนกันกับคำกล่าวเปิดงานทั่วไป ไม่มีความแปลกใหม่ ผู้ที่ได้ฟังเกิดอาการง่วงเหงาหาวนอน
หวางหยู่หันกล่าวคำเปิดงานเสร็จสิ้น การแสดงแรกก็ได้เริ่มต้นขึ้น
นี่คือการแสดงของนักเรียนคณะเต้นรำ ซึ่งจะแสดงการเต้นรำหมู่ ช่วงจังหวะท่าทางดูมีความช่ำชองอย่างมาก ได้รับเสียงปรบมืออย่างเกรียวกราว
แต่ว่า หลินหยุนกลับไม่ได้สนใจ เพียงแค่มองดูอย่างผิวเผินเท่านั้น
จากนั้น ก็มีการแสดงต่อกันอีกหลายรายการ ต่างก็งดงามตระการตา แต่ก็ยังไม่ได้ทำให้บรรยากาศของงานนั้นครึกครื้นมีสีสันอย่างถึงที่สุด
“ใกล้แล้ว ยังเหลืออีกการแสดงเดียว ก็จะเป็นการแสดงเต้นรำของนางฟ้าของฉันแล้ว ตื่นเต้นจริง ๆ หวั่นไหวเหลือเกิน! ” จางซือจู่นั่งคิดจินตนาการอยู่เพียงลำพัง
“หลินหยุน ใกล้ที่จะถึงการแสดงเต้นรำของอีหลิงแล้ว นายทำไมไม่แสดงออกอะไรบ้างเลยเหรอ! ” จางซือจู่รู้สึกว่าตนเองครึกครื้นอยู่คนเดียว ค่อนข้างน่าเบื่อ จึงอยากจะให้หลินหยุนครึกครื้นสนุกสนานไปกับเขาด้วย
หลินหยุนมองไปที่เขาด้วยความสงสัย “ทำไมจะต้องตื่นเต้นด้วย? ”
จางซือจู่เหลือกตาใส่หลินหยุน “นายอย่ามาทำเป็นเสแสร้งหน่อยเลย หลายครั้งที่นายแอบมองดู อีหลิงแล้วกลับไปตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน ตอนนี้อีหลิงจะแสดงการเต้นรำต่อหน้าของนาย นายจะไม่ตื่นเต้นเลยงั้นเหรอ? ”
ถ้าหากเป็นหลินหยุนในชาติที่แล้ว เขาจะตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเป็นแน่ แต่ว่าในชาตินี้ หลินหยุนไม่มีทางที่จะมีสภาพจิตใจเช่นนั้นแน่นอน
“ชมการแสดงกันเถอะ! หลินหยุนพูดขึ้น”
หลังจากที่ผ่านการแสดงไปอีกหนึ่งรายการ ในที่สุด หวางหยู่หันก็เดินขึ้นบนเวที ด้วยรอยยิ้มที่ลึกลับ “การแสดงลำดับต่อไปนี้ ฉันจะลองให้ทุกคนทายกัน ลองทายกันดูสิว่าจะทายถูกต้องกันบ้างไหม? ”
ผู้ชาย “อีหลิง อีหลิง อีหลิง……”
ผู้หญิง “กู้ซิวหรั่น กู้ซิวหรั่น กู้ซิวหรั่น……”