จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 201 กิ่งทองใบหยก
เพื่อนนักเรียนด้านล่างเวทีต่างคึกคักกันไปหมด
หลินหยุนมองภาพเหตุการณ์นี้ ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินอิทธิพลของดาวและเดือนประจำมหาวิทยาลัยต่ำเกินไป ยังไม่ทันได้ปรากฏตัวออกมา ก็สามารถสร้างความคึกคักจุดประกายอารมณ์ร่วมของนักเรียนทุกคนแล้ว
หวางหยู่หันยังคงรู้สึกว่าบรรยากาศยังครึกครื้นไม่เพียงพอ ได้นำมือไปป้องที่หูแล้วตะโกนว่า “ไม่ได้ยิน ฉันไม่ได้ยิน? ขอเสียงดังขึ้นกว่านี้หน่อย! ”
จากนั้น ก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความคึกคัก!
หวางหยู่หันจึงพอใจและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ผิดเลย ทุกคนทายกันได้ถูกต้อง การแสดงลำดับต่อไปนี้คือการแสดงเต้นรำคลาสสิกในเพลง《full of life》 ที่นำแสดงโดยอีหลิงกับกู้ซิวหรั่น ขอให้ทุกคนปรบมือต้อนรับและเป็นกำลังใจด้วย! ”
เปรี๊ยะเปรี๊ยะเปรี๊ยะเปรี๊ยะ!
เสียงปรบมือดังสนั่นราวกับเสียงคลื่นซัดสาด
หวางหยู่หันพึงพอใจอย่างมากแล้วก็เดินลงจากเวที จากนั้น แสงไฟก็ดับมืดลงทันที
กลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นมาจากเวที แสงไฟหนึ่งดวงสาดส่องมายังใจกลางของเวทีโดยพลัน
มุมของเวที ผ้าม่านสีดำค่อย ๆ เปิดออก ปรากฏชายหนุ่มในชุดทักซิโด้สีขาว นั่งอยู่อย่างสง่างาม โดยเบื้องหน้ามีเปียโนสีดำวางอยู่
สีขาวและสีดำ เติมเต็มซึ่งกันและกัน ประดุจหนุ่มน้อยท่ามกลางยามราตรี ขยับเคลื่อนไหวนิ้วมืออย่างสง่างาม
ติงทั่งติงทั่ง เสียงท่วงทำนองที่ไพเราะดังขึ้น เสมือนเสียงลมพัดผ่านในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงความงดงามความสดชื่น
ชัดเจนว่านี่คือทำนองโหมโรงของเพลงกู่เจิง คิดไม่ถึงว่ากู้ซิวหรั่นจะใช้เปียโนบรรเลงเพลงออกมาได้ ไพเราะเยี่ยมยอดไปเลยจริง ๆ
แม้แต่หลินหยุนเอง ก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้
ด้านล่างเวที พวกหญิงสาวต่างก็กลั้นหายใจ มือสองข้างค้ำยันใบหน้าเอาไว้ มองไปยังชายรูปงามที่นั่งบรรเลงเปียโนอยู่ในมุมหนึ่งอย่างสงบเงียบ แววตาของแต่ละคนต่างเป็นประกาย
ใครพูดว่าผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว โกหกกันทั้งนั้น ที่ผู้หญิงรักนวลสงวนตัวนั้น เป็นเพราะพวกเธอพบเจอกับผู้ชายที่ยังหล่อเหลาไม่เพียงพอต่างหาก
ถ้าหากกู้ซิวหรั่นลงจากเวทีในตอนนี้ คงจะต้องถูกกลุ่มหญิงสาวอันธพาลเหล่านี้กลืนกินโดยไม่เหลือแต่ซากเป็นแน่แท้
หวางหยู่หันยืนนิ่ง ๆ อยู่ด้านข้างของเวที มองไปยังกู้ซิวหรั่นที่นิ้วมือกำลังดีดบรรเลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสัมผัสได้ถึงท่วงทำนองอันไพเราะ หวางหยู่หันคิดเพ้อฝันว่าตัวเองกำลังอยู่ในปุยเมฆ ร่างกายกำลังที่จะลอยขึ้นกลางอากาศ
“คุณชายกู้ ยอดเยี่ยมไปเลยจริง ๆ! คุณเป็นของฉัน ใครก็ไม่มีทางมาแย่งชิงไปได้! ” ดวงตาของหวางหยู่หันเปล่งประกายถึงความแน่วแน่
ฟึบ!
เมื่อเสียงดังขึ้น แสงไฟก็สว่างจ้าขึ้นมาทันที
ขณะนี้ ท่วงทำนองดนตรีจากที่เบาสบายก็เปลี่ยนเป็นดังกระหึ่มขึ้น
อีหลิงในชุดกระโปรงสีขาวพลิ้วไสวราวกับนางฟ้า ลอยตัวลงมาจากฟากฟ้า แล้วหยุดอยู่บนใจกลางของเวที ราวกับนางฟ้าเหยาฉือ ลงมายังโลกมนุษย์
“โอ้ว! คืออีหลิง นางฟ้า นางฟ้าของฉัน! ”
ชายหนุ่มจำนวนมากลุกยืนขึ้น ส่งเสียงโห่ร้องกันสนั่นหวั่นไหว อารมณ์ความเร่าร้อนที่พุ่งทะยานราวกับว่าจะถล่มทำลายสถานที่จัดงานอย่างย่อยยับ
เพียงแค่ปรากฏตัวบนเวทีเท่านั้น ก็ทำให้อารมณ์ครึกครื้นของเพื่อนนักเรียนพุ่งไปถึงจุดสูงสุด
ขนาดกู้ซิวหรั่นที่อยู่มุมของเวทีก็ยังตะลึงบ้างเล็กน้อย ทำให้นิ้วมือที่อยู่บนคีย์เปียโนก็หยุดดีดลงโดยพลัน ดนตรีก็หยุดบรรเลงไปกี่วินาที
แต่ว่า กลับไม่มีใครใส่ใจ สายตาของเกือบทุกคนต่างจดจ้องที่ร่างกายของอีหลิง
จางซือจู่เอาสองมือกุมปิดปาก กัดนิ้วมือของตนอย่างแรง ไม่รู้ว่าตื่นเต้นเกินไปหรืออย่างไร ลักษณะท่าทางคล้ายกับท้องผูกขับถ่ายไม่ดีอย่างไรอย่างนั้น
“หลินหยุน มองเห็นแล้วยัง? นางฟ้าของฉัน นางฟ้าของฉัน! ดีใจไหม? ตะลึงไหม? น่าทึ่งไหม? ”
จางซือจู่เอามือสองข้างลง แล้วไปจับที่แขนของหลินหยุน เขย่าไปมาอย่างหนักหน่วง
หลินหยุนค่อย ๆ ผลักเอามือของเขาออก แล้วพูดกลับอย่างเฉยเมยว่า “สยองขวัญ! ”
แน่นอน เห็นท่าทางที่ประหลาดเหมือนผีของจางซือจู่แล้ว น่าสยองขวัญเสียจริง
จางซือจู่ไม่ได้ยินที่หลินหยุนพูดแม้แต่น้อย ดวงตาทั้งสองข้างจดจ้องไปยังเรือนร่างของอีหลิงอยู่ตลอด โดยไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา กลัวว่าจะพลาดช่วงเวลานาทีที่สำคัญ
หลินหยุนก็มองดูอีหลิงที่อยู่บนเวที แม้ว่าหลินหยุนจะเดินทางตลุยไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ได้พบเห็นเทพธิดานางฟ้าอย่างนับไม่ถ้วน แต่ อีหลิงในขณะนี้ยังทำให้หลินหยุนเกิดความรู้สึกอึ้งทึ่งขึ้นได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเศร้าโศกที่เบาบางที่อีหลิงแสดงออกมานั้น หลินหยุนทราบดีว่านั่นไม่ใช่การเสแสร้งเพื่อแสดงออกมา แต่เป็นเพราะการเสียชีวิตของหานกั๋วเฉียง ซึ่งอีหลิงเสียใจอย่างมาก ดังนั้นจึงปรากฏอารมณ์ท่าทางเช่นนั้นออกมา
โดยความเศร้าโศกที่เบาบางนี้ ทำให้รูปลักษณ์ท่วงท่าของอีหลิง ดูดีขึ้นไปอีกขั้น สวยงดงามจนทำให้คนเคลิบเคลิ้มหลงใหล
อีหลิงเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว โบกสะบัดแขนเสื้อ ลอยปลิวพลิ้วไสว หมุนวนแขนบ้าง หันกลับมายิ้มให้บ้าง
การเคลื่อนไหวที่อ่อนช้อยนั้น เป็นท่าทางที่สง่างดงาม เสมือนกับนางฟ้าแห่งวังพระจันทร์ในชั้นเมฆ สลัวลึกลับ สวยงามหยาดเยิ้มไม่มีผู้ใดเทียบเคียง
เมื่อเสียงเปียโนเบาลง การเคลื่อนไหวของเธอก็อ่อนไหวนุ่มนวล เมื่อเสียงเปียโนดังขึ้น การเคลื่อนไหวของเธอก็ฮึกเหิมเร่าร้อน เสมือนหิมะขาวในฤดูใบไม้ผลิ เสมือนสายลมพัดโบกในฤดูใบไม้ผลิ
ทุกครั้งที่ขยับปลายนิ้ว ก็ทำให้ทุกคนเกิดความหวั่นไหว ทุกครั้งที่เสื้อผ้าพลิ้วไสว ก็ราวกับล่องลอยไปตามสายลม
เธอเปรียบได้กับนกนางแอ่น ที่กำลังเต้นรำอยู่บนเส้นบาง ๆ ที่ห้อยลงมาจากหน้าผา ความสดใสมีชีวิตชีวา และความเกรงกลัวต่ออันตรายทั่วทุกด้าน สามารถแสดงออกมาได้อย่างไม่มีที่ติ ดั่งเพลง《full of life》ที่เป็นชื่อเพลงของการแสดงเต้นรำนี้
เพลงได้สิ้นสุดลง
เมื่อเสียงเพลงหยุดลง อีหลิงก็โค้งคำนับแสดงความเคารพ
แต่ว่า ด้านล่างเวทีกลับเงียบสงบ แม้แต่เสียงลมหายใจก็ยังไม่ได้ยิน
สถานที่จัดงานที่มีคนจำนวนมากมาย คาดไม่ถึงว่าจะสงบเงียบถึงเพียงนี้ มันช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
อาจารย์ที่อยู่เบื้องหลังเวทีได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างประหลาดขึ้น
โดยยังไม่เคยพบเห็นสภาพที่นักเรียนเงียบสงบเรียบร้อยกันอย่างนี้มาก่อน
จนกระทั่งพิธีกรเดินขึ้นมาบนเวที ทุกคนจึงค่อย ๆ ได้สติกลับคืนมา
จากนั้น ทุกคนต่างก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่
“สวยงาม สวยงดงามจริง ๆ! ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่า ที่จริงแล้วการเต้นรำคลาสสิคจะสวยงดงามได้ถึงเพียงนี้! ”
“ไม่ใช่การเต้นรำคลาสสิคสวยงดงาม แต่เป็นเพราะนักแสดงสวยต่างหาก แกลองให้หวางลู่ขึ้นไปเต้นรำดูสิ คืนนี้รับรองว่านายฝันร้ายแน่นอน! ”
แถวที่นั่งของผู้หญิง หญิงสาวอ้วนผู้หนึ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยสิววัยรุ่น น้ำหนักตัวมากได้จามฮัดชิ้วฮัดชิ้วสองครั้ง แล้วดุด่าขึ้นว่า “แม่งสิ ไอ้คนชั่วที่ไหนมันแอบนินทาฉันอยู่ลับหลัง! ”
เมื่อครู่ชายใส่แว่นที่นั่งอยู่ด้านข้างชายคนนั้น พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ตะลึงว่า “มิน่าล่ะถึงมีคำพูดที่ว่าช่วงค่ำคืนที่อยู่กับคนรักนั้นช่างแสนสั้นยิ่งนัก วันรุ่งขึ้นจึงไม่ต้องการที่จะตื่นขึ้นเพื่อออกไปทำงาน ซึ่งถ้าหากฟ้าประทานหญิงสาวสวยอย่างนี้ให้ข้าหนึ่งคน แม้แต่แผ่นดินข้าก็คงจะไม่ต้องการอีกต่อไปแล้ว”
“ใช่เลย ยังจะต้องการแผ่นดินไปอีกทำไมกัน! ต้องการแค่นางฟ้าก็เพียงพอแล้ว”
ความงดงามของอีหลิง ไม่เพียงแค่จะมีอิทธิพลเอาชนะผู้ชายได้เท่านั้น แม้แต่ผู้หญิงเอง ก็ต้องยอมศิโรราบด้วยเช่นกัน
แต่มีความแตกต่างกันตรงที่ผู้ชายต้องการที่จะรักและมีในครอบครอง ส่วนผู้หญิงต่างก็เพราะอิจฉาริษยา โกรธเคืองพ่อแม่ของตัวเองที่ตอนให้กำเนิดนั้น ไม่ได้เลือกวันเวลาที่เหมาะสม เติบโตขึ้นมาก็มีหน้าตาอัปลักษณ์เสียอย่างนั้น
เถียนชุ่ยชุ่ยที่อยู่ท่ามกลางเพื่อนพ้องซึ่งสายตาของเธอก็เปล่งประกายออกมาถึงความอิจฉาริษยา เพราะเธอเห็นเสิ่นหย่งที่อยู่ด้านข้าง จ้องมองไปยังคนในชุดขาวที่อยู่บนเวที ด้วยสายตาอันเร่าร้อน
ความเร่าร้อนนั้นต่อให้ห่างกันสักกี่เมตรก็เหมือนกับว่าจะสามารถสัมผัสรับรู้ได้
“อีหลิงนะอีหลิง ทำไมคุณถึงดีเลิศเช่นนี้? สายตาของผู้ชายทุกคนต่างมองมาที่คุณ เวลาไหนที่มีคุณอยู่ด้วย พวกเราเหล่านี้ก็เป็นได้เพียงแค่ตัวประกอบเท่านั้น! ”
“เพราะอะไร! เพราะอะไรคุณถึงดีเลิศเช่นนี้! ” เถียนชุ่ยชุ่ยอิจฉาริษยาจนถึงขนาดตาแดงก่ำ
ผู้ที่อิจฉาริษยายังมีจางเหมิงอีกคน เวลานี้เหยียนเสวเหวินก็ยังคงตาค้างอยู่
ที่น่าโมโหที่สุดคือ จางเหมิงกับอีหลิงต่างก็เป็นดาวมหาวิทยาลัยเช่นกัน แต่ว่าตอนนี้จางเหมิงโดน อีหลิงเบียดตกขอบไปอย่างซึ่งซึ่งหน้า
“ฮึ มันจะแน่สักเท่าไหร่กันเชียว หากว่าฉันเรียนเต้นรำบ้าง จะต้องเต้นรำได้งดงามกว่าแกอย่างแน่นอน! ” มองไปยังอีหลิงที่อยู่บนเวที จางเหมิงแอบพูดดูหมิ่นอยู่ในใจ
บนเวที ขณะที่อีหลิงจะเดินลงจากเวที หวางหยู่หันก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอย่างกะทันหันว่า “รอก่อนรอก่อน คุณน้องอีหลิงยังลงจากเวทีไปก่อนไม่ได้! ”
“คุณชายกู้ก็ต้องอยู่ต่อเช่นกัน หลังจากนี้พวกเราจะยังมีกิจกรรมเล็กน้อยกันอีก”
ได้ยินว่ายังจะมีกิจกรรมอีก กู้ซิวหรั่นมองไปยังอีหลิงที่อยู่ด้านข้าง ขณะนั้น สายตาของคุณชายกู้ก็ถลำลึก แทบจะเคลื่อนไหวไปไหนไม่ได้
ด้านล่างเวที พวกนักเรียนได้ยินว่ายังมีกิจกรรมอีก ก็เกิดอารมณ์ร่วมสนุกสนานครึกครื้นขึ้นโดยพลัน และโห่ร้องเสียงดังกันขึ้น
“กิจกรรมอะไรเหรอ? ”