จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 210 มองแวบเดียวก็พอแล้ว
“พี่ชายเย่ นี่เรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่? ช่วยเล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิ!” ผู้เฒ่าคนหนึ่งมองหลินหยุนด้วยสายตาเย็นชา แล้วหันกลับไปถามเย่เซิ่งหมิง
เย่เซิ่งหมิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ด้วยใบหน้าที่กระหยิ่มยิ้มย่อง “ผมต้องเล่าให้ทุกท่านฟังแน่นอนครับ ทุกท่านไม่ต้องเป็นรีบร้อน”
“ตอนนี้ ผมก็จะเล่าให้ทุกคนฟังว่า ทำไมผมถึงแน่ใจว่าเขาเป็นนักต้มตุ๋นในยุทธภพ”
จากนั้น เย่เซิ่งหมิงก็เล่าเรื่องที่ไปรักษาโรคให้กับจินหยวนเป่า หลินหยุนได้ทำการตรวจวินิจฉัยโรคของจินหยวนเป่า รวมทั้งขั้นตอนการรักษาโรคอย่างละเอียด
ผู้เฒ่าคนหนึ่งแสยะยิ้มอย่างดูแคลน “ชี่พิฆาตเข้าร่าง? ฉันรักษาโรคมาหลายสิบปี วันนี้ก็เพิ่งได้ยินโรคนี้เป็นครั้งแรก!”
ผู้เฒ่าอีกคนหนึ่งยืนขึ้นมาตบโต๊ะ แล้วชี้หน้าด่าหลินหยุนว่า “เจ้าหนูน้อย คนนั้นถูกสกัดลมปราณใหญ่เจ้ายังกล้ารักษาอีกเหรอ นี่มันเป็นการฆาตกรรมชัดๆ!”
ผู้เฒ่าอีกคนหนึ่งลุกขึ้นมามือไม้สั่นไปหมด ด่าทอด้วยความเจ็บใจว่า “พวกสิบแปดมงกุฎ พวกหลอกลวงที่โหดร้ายมาก ชื่อเสียงวงการแพทย์ของพวกเราต้องป่นปี้ไปหมดก็เพราะถูกคนอย่างแกทำลายจนหมดสิ้น!”
ถังกั๋วหัวสีหน้ามืดคล้ำ มองไปยังโจชินหัวด้วยสายตาที่ตำหนิ “ผู้อำนวยการโจว นี่ก็คือหมอเทพที่คุณพูดถึงเหรอ? ยังจะบอกว่าคุณไม่ได้มาก่อกวนอีก! คนแบบนี้จะต้องมีแผนชั่วร้ายอะไรแอบแฝงอยู่? รีบไล่เขาออกไป อย่าเสียเวลาพวกเราปรึกษาเรื่องแผนการรักษาโรค!”
“พวกสิบแปดมงกุฎ ไสหัวไปเลย!”
“ไสหัวออกไป!”
หลินหยุนกวาดสายตาที่เย็นชาไปยังผู้คนที่กำลังโกรธแค้น น้ำเสียงแฝงไปด้วยการดูแคลนเล็กน้อย “พวกกบในกะลา ทะนงตัวว่าตัวเองเก่ง สิ่งที่พวกคุณไม่เคยเห็นมาก่อนไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีในโลกนี้”
“ผู้อำนวยการโจว ผมกลับก่อนนะครับ”
ถึงแม้ว่าหลินหยุนอยากจะช่วยชีวิตเด็กยี่สิบกว่าคนนี้ แต่ว่าถูกคณะผู้เชี่ยวชาญชื่อเสียงจอมปลอมพวกนี้มาขัดขวางไว้ ยั่วยุให้หลินหยุนบันดาลโทสะขึ้นมา
“แก…แกไร้มารยาทเพียงนี้เชียวรึ ไอ้หนูน้อยแกช่างกล้านัก!”
“เหิมเกริม เหิมเกริมมากเกินไปแล้ว!”
“คนแบบนี้ สมควรที่จะจับเขาไว้ แล้วส่งทางการตัดสินลงโทษตามกฎหมาย!”
“นั่นน่ะสิ รองประธานถัง ไม่ควรปล่อยให้คนอันตรายพวกนี้ออกไปได้ ไม่เช่นนั้นแล้วมันจะเกิดโทษมหันต์!”
ผู้เชี่ยวชาญกว่าครึ่งหนึ่งต่างก็พูดกับถังกั๋วหัวด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ สีหน้าโกรธเคืองราวกับว่าถ้าไม่ลงโทษหลินหยุนแล้ว สมาคมการแพทย์แห่งประเทศจีนจะต้องสูญสลายไปในพริบตาทันที
โจวชิงเหอไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของคณะผู้เชี่ยวชาญพวกนี้ รีบเดินขึ้นไปขวางหน้าหลินหยุนไว้ ด้วยสีหน้าที่วิงวอนว่า
“อย่าเพิ่งครับ หมอเทพหลิน นั่นหมายถึงชีวิตของมนุษย์ยี่สิบแปดชีวิตเลยนะ! คุณให้เวลาผมหนึ่งนาที”
สีหน้าของโจวชิงเหอเด็ดเดี่ยวมาก ราวกับว่าตัดสินใจจะทำอะไรสักอย่าง
หันหน้ากลับมาโจวชิงเหอมองไปยังถังกั๋วหัวด้วยสายตาแน่วแน่ พูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า “รองประธานถังครับ ผมยอมเอาชีวิตเป็นประกัน ถ้าหากหลินหยุนไม่สามารถรักษาโรคให้กับเด็กพวกนี้ได้ ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว!”
“ท่านก็ให้เขาลองดูสักครั้งเถอะ!”
“ผมขอร้องล่ะ! พวกเด็กๆคงรอกันไม่ไหวแล้ว!” โจวชิงเหอพูดพลันจะคุกเข่าลง
“โอ้ยโอ๊ย ผู้อำนวยการโจว อย่าทำเช่นนั้นเลยครับ?” ถังกั๋วหัวก็รีบเดินเข้าไปพยุงตัวโจวชิงเหอไว้
หลังจากนั้น ก็ส่งสายตามองไปยังหมอเทพเย่ ทั้งสองคนก็ปรึกษากันอยู่สักพักใหญ่
ถังกั๋วหัวมองไปยังหลินหยุนแล้วพูดด้วยเสียงขึงขังว่า “เจ้าหนูน้อย ผู้อำนวยการโจวยอมเอาชีวิตมารับประกันตัวแก ถ้าพวกเราไม่ตกลงมันก็รู้สึกแล้งน้ำใจเกินไป”
“แต่ว่า ถ้าอยากให้พวกเราเชื่อถือในวิชาการแพทย์ของแกนะ แกก็จะต้องแสดงอะไรออกมาบ้าง”
เมื่อมองดูโจวชิงเหอที่มีจิตใจที่มุ่งมั่นและจริงใจ เพื่อช่วยชีวิตของเด็กพวกนี้แล้ว ถึงกับต้องคุกเข่าให้กับคนพวกนี้
หลินหยุนก็รู้สึกหวั่นไหว
หลินหยุนมองหน้าถังกั๋วหัวแล้วพูดอย่างเรียบง่ายว่า “แสดงออกยังไงล่ะ?”
ถังกั๋วหัวพูดว่า “พวกเราสองคนจะพาคุณไปที่ห้องผู้ป่วย ขอเพียงคุณสามารถบอกสาเหตุโรคของเด็กพวกนี้ พวกเราก็จะเชื่อคุณ และยอมให้คุณเข้าร่วมในการรักษาโรคต่อไป”
“ได้” หลินหยุนตอบอย่างมั่นใจ
ถังกั๋วหัวพูดว่า “งั้นก็ตามผมมา!”
ถังกั๋วหัวและหมอเทพเย่ทั้งสองคน ก็พาหลินหยุนไปยังห้องผู้ป่วย
โจวชิงเหอรออยู่ที่ห้องประชุมใหญ่ ในใจก็รู้สึกกระวนกระวาย
เมื่อเวลาอยู่ต่อหน้าหลินหยุน โจวชิงเหอก็รู้สึกเชื่อใจเขาอย่างไม่มีเหตุผล แต่ว่า เมื่อเวลาที่ไม่เห็นหลินหยุนแล้ว โจวชิงเหอก็มีความรู้สึกว้าวุ่นใจ
ในเมื่อคณะผู้เชี่ยวชาญจากเมืองหลวงก็ยังไม่มีวิธีรักษาได้เลย แม้กระทั่งหมอเทพเย่ก็มาแล้ว ดูเหมือนว่าก็ไม่มีอะไรคืบหน้าขึ้นมาเลย
ต่อให้หลินหยุนมีวิชาการแพทย์ที่มหัศจรรย์เพียงใด ก็ไม่กล้ารับประกันว่าจะสามารถรักษาโรคให้เด็กพวกนี้ได้เลย!
เมื่อมองดูพวกถังกั๋วหัวทั้งสามคนจากไป ในห้องประชุมใหญ่ก็เกิดเสียงพูดเยาะเย้ยถากถางมากมายอย่างต่อเนื่องไม่จบสิ้น
“น่าขำจริงๆ รองประธานถังถึงกับเชื่อใจเจ้าเด็กน้อยนั่น?”
“จนปัญญาจริงๆ ไอ้หนูน้อยคนนั้นไม่รู้ใช้วิธีสกปรกอะไร ถึงกับทำให้โจวชิงเหอยอมเอาชีวิตเป็นเดิมพัน! ยังไงก็แล้วแต่รองประธานถังก็ต้องไว้หน้าเขาบ้างแหละ!”
“แต่ว่าก็คงแค่เป็นไปตามเกมเท่านั้นแหละ แม้แต่พวกเราก็ยังหาสาเหตุของโรคไม่ได้เลย เป็นไปได้อย่างไรที่ไอ้หนูน้อยนั่นจะสามารถหาสาเหตุของโรคได้?”
“ฮึ่ม เดี๋ยวรอให้เขาออกมา พวกเราค่อยคิดบัญชีกับเขา!”
หลินหยุนเดินตามถังกั๋วหัวและหมอเทพเย่มาถึงห้องผู้ป่วย ในเมื่อถังกั๋วหัวตกลงใจให้หลินหยุดลองดูแล้ว มันก็ต้องมีความจริงใจต่อกัน
สำหรับรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับโรคของเด็ก อาการของโรค และรายงานผลการตรวจวินิจฉัย ก็ได้เอามาให้หลินหยุนดูทั้งหมด
“คุณค่อยๆดูไปเถอะ!” ถังกั๋วหัวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หลินหยุนไม่ได้ดูรายงานบันทึกพวกนั้นเลย เพียงแต่มองทะลุผ่านกระจกไปยังตู้อบของพวกเด็กๆ
“ช่วยอุ้มเด็กคนหนึ่งออกมาให้ผมดูหน่อย”
ถังกั๋วหัวและหมอเทพเย่มองหน้ากัน แล้วหมอเทพเย่ก็พยักหน้า
ถังกั๋วหัวให้พยาบาลใส่หน้ากากอนามัย แล้วอุ้มเด็กคนหนึ่งมาตรงหน้าต่าง
“ต้องตรวจชีพจรไหม?” ถังกั๋วหัวถาม ในเมื่อหลินหยุนไม่ดูข้อมูลรายงานผลการตรวจทั้งหลายพวกนั้น ถ้าเช่นนั้นเขาเดาว่าหลินหยุนอาจจะใช้วิธีการตรวจโรคแบบแพทย์แผนจีน
หลินหยุนมองดูเด็กคนนั้นแวบเดียวแล้วพูดว่า “มองแค่แวบเดียวก็พอแล้ว!”
ถังกั๋วหัวและหมอเทพเย่มองหน้าแล้วไม่พูดอะไร ในใจก็หมดความเชื่อถือในตัวหลินหยุนจนหมดสิ้น
“เจ้าหนูน้อย มองผ่านเว็บเดียวก็สามารถดูออกว่าคนไข้เป็นโรคอะไร ถ้าเช่นนั้นเอาพวกเครื่องมืออุปกรณ์ทันสมัยพวกนี้ไว้ทำอะไรล่ะ!”
“ฉันว่าแกก็คือพวกนักต้มตุ๋นที่พูดโกหกหลอกลวงมากกว่า!”
ถังกั๋วหัวก็โมโหแล้ว ท่าทางของหลินหยุนช่างโอหังยิ่งนัก
ต่อหน้าถังกั๋วหัวที่กำลังโกรธจัด หลินหยุนหันไปมองด้วยหางตา แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “เด็กพวกนี้เป็นอหิวาตกโรค”
หา!
ถังกั๋วหัวอ้าปากค้าง คำพูดที่เหลือก็รีบกลืนลงท้องไปไม่พูดต่อไปอีก
หมอเทพเย่สายตาส่องประกาย มองไปยังหลินหยุน ตกตะลึงเล็กน้อย
ผ่านไปสักพัก ทั้งสองคนจึงตั้งสติคืนกลับมาได้
“เจ้าหนู แน่ใจเหรอ? อหิวาตกโรคเป็นโรคที่สูญพันธุ์ไปจากประเทศจีนหลายปีแล้ว อีกครั้งทารกแรกเกิดอยู่ในห้องปลอดเชื้อที่ป้องกันมิดชิด เป็นไปได้อย่างไรที่จะติดเชื้ออหิวาตกโรค?”
หลินหยุนส่ายหน้า “รายละเอียดการติดเชื้อจากทางไหน อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ผมแน่ใจว่ามันคืออหิวาตกโรค”
เมื่อได้รับคำตอบจากหลินหยุนแล้ว ท่าทีของถังกั๋วหัวและหมอเทพเย่ที่มีต่อหลินหยุนก็เปลี่ยนไปทันที
พวกเขาใช้เวลาในการวินิจฉัยอยู่นาน อีกทั้งสองคนยังต้องปรึกษากันก่อน แล้วจึงกล้าตัดสินว่าเป็นอหิวาตกโรคจริง
แต่ว่าหลินหยุนไม่ได้ดูแม้กระทั่งข้อมูลรายงานผลการตรวจใดๆเลย เพียงแต่มองดูเด็กด้วยสายตาเพียงแวบเดียว ก็ยืนยันว่ามันคืออหิวาตกโรค
ถ้าหากว่าหลินหยุนไม่ใช่เพราะอาศัยโชคช่วย แล้วพูดเดาถูกส่งเดช ถ้าเช่นนั้นแล้ววิชาการแพทย์ของหลินหยุนจะต้องสูงส่งอย่างน่าอัศจรรย์เลยทีเดียว!
สายตาของถังกั๋วหัวก็เกิดความหวังขึ้นมาใหม่ เขาและหมอเทพเย่ถึงแม้จะคาดเดาว่าเป็นอหิวาตกโรค แต่ก็ยังหาวิธีการรักษาไม่ได้ อย่างไรเสียทารกพวกนี้ก็ยังเด็กเกินไป
“ในเมื่อคุณแน่ใจว่ามันคืออหิวาตกโรค งั้นผมขอถามคุณหน่อย ถ้าเป็นอหิวาตกโรคจริง คุณสามารถรักษาได้ไหม?” เมื่อพูดคำถามประโยคนี้ออกมา ถังกั๋วหัวรู้สึกตื่นเต้นหายใจไม่ทั่วท้อง จ้องไปยังหลินหยุนอย่างไม่ละสายตา
ชีวิตของเด็กยี่สิบแปดคนเชียวนะ! ถ้าหลินหยุนสามารถช่วยรักษาได้จริง เช่นนั้นแล้วเขาก็คือผู้มีพระคุณของวงการแพทย์ทั้งประเทศจีนเลยทีเดียว!
“รักษาได้” หลินหยุนตอบอย่างไม่ลังเลเลย
ถังกั๋วหัวตื่นเต้นจนมือทั้งสองสั่นไปหมด จับแขนของหลินหยุนไว้แล้วพูดว่า “จริงหรือเปล่า? นี่มันชีวิตของเด็กยี่สิบแปดคนเลยนะ! แล้วยังเกี่ยวพันถึงครอบครัวที่อยู่ข้างหลังทั้งยี่สิบแปดครอบครัวอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังเกี่ยวโยงถึงชื่อเสียงของสมาคมการแพทย์แห่งประเทศจีนเลยนะ!”
หลินหยุนก็ตอบอย่างเรียบๆอีกครั้งว่า “รักษาได้”