จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 216 เซี่ยหยู่เวยเริ่มหงายไพ่ใบสุดท้าย
เซี่ยเจี้ยนโก๋หัวเราะแล้วพูดว่า “น้องอู๋ ไม่เฉพาะแต่พวกเราวงการแพทย์เมืองหลินโจว ได้ข่าวว่าแม้แต่รองประธานถังของสมาคมการแพทย์แห่งประเทศจีนเอง ก็ยังเอ่ยปากชมว่าหมอเทพหลินเป็นผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ของวงการแพทย์ทั่วทั้งประเทศจีนเลยทีเดียว!”
“จริงหรือเปล่า? รองประธานถังเป็นบุคคลสำคัญอันดับ2ของวงการแพทย์ทั่วทั้งประเทศจีนของพวกเราเลยนะ! แม้แต่เขายังพูดเช่นนี้ งั้นหมอเทพหลินคนนี้คงเก่งกาจจริงๆนะ!” ผู้เฒ่าหยางสีหน้าตกตะลึง
“นั่นน่ะสิ? ฉันก็ยังได้ข่าวว่า ตอนนั้นรองประธานถังก็ยังใช้ตำแหน่งรองประธาน เพื่อดึงตัวหมอเทพหลินให้เข้าไปอยู่ในสมาคมการแพทย์แห่งประเทศจีนอีกด้วย แต่ผลปรากฏว่าหมอเทพหลินเขาปฏิเสธอย่างไม่ลังเลเลย!”
“ฮ่าๆๆ นั่นก็คือ ผู้วิเศษของพวกเราวงการแพทย์เมืองหลินโจว จะให้สมาคมการแพทย์แห่งประเทศจีนดึงตัวไปง่ายดายได้อย่างไรกัน” เซี่ยเจี้ยนโก๋สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สาแก่ใจ ราวกับว่าหมอเทพหลินถ้ายังอยู่เมืองหลินโจว แล้วทำให้ตัวเขามีเกียรติศักดิ์ศรีที่ยิ่งใหญ่
“เฮ้ย แต่เสียดายพวกเราตอนนั้นถูกคณะผู้เชี่ยวชาญพวกนั้นเบียดออกไปแล้ว ไม่เช่นนั้นก็จะได้เห็นความสง่าราศีของหมอเทพหลินแล้ว!” เซี่ยเจี้ยนโก๋พูดอย่างน่าเสียดาย
“ใช่แล้ว ได้ข่าวว่าหมอเทพหลินคนนั้น อายุยังน้อยอยู่เลย? คาดเดาว่าคงเป็นผู้สืบทอดของผู้อาวุโสระดับสูงคนหนึ่ง อาจไม่แน่จะเป็นทายาทของตระกูลใหญ่แพทย์แผนจีนในตำนานพวกนั้นก็ได้นะ” ผู้เฒ่าหูพูดอย่างมีลับลมคมใน
เมื่อได้ยินคำว่าตระกูลใหญ่แพทย์แผนจีนแล้ว ใบหน้าของเซี่ยเจี้ยนโก๋ก็นิ่งเฉย แต่นัยน์ตาดูเหมือนไม่ค่อยปกติเท่าไหร่นัก
พวกเขาได้นั่งคุยกันสักพักใหญ่ แขกเหรื่อที่มาอวยพรเซี่ยเจี้ยนโก๋ก็ยิ่งมากขึ้น
พวกผู้เฒ่าหยางจึงย้ายไปหาที่นั่งใหม่ ส่วนเซี่ยเจี้ยนโก๋ก็กลับไปนั่งที่ประจำตำแหน่งเจ้าภาพ งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว
ฐานะที่แท้จริงของเซี่ยเจี้ยนโก๋นั้นคือลูกกำพร้าที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลใหญ่แพทย์แผนจีน ดังนั้น จึงไม่ค่อยมีญาติทางฝ่ายนี้มาร่วมงานด้วย มีเพียงแต่เพื่อนในวงการแพทย์จำนวนหนึ่งเท่านั้น
ญาติที่มาส่วนใหญ่นั้นล้วนเป็นญาติทางฝ่ายของโจวเฟินทั้งนั้น
โจวเถียนเถียนวิ่งเข้ามาเร็วที่สุด ตั้งแต่หลินหยุนช่วยฝากโจวฝู พ่อของเธอเข้าไปทำงานในบริษัทชิรงกรุ๊ปแล้ว ชีวิตความเป็นอยู่ของเธอก็ดีขึ้นมาก อุปนิสัยก็เปลี่ยนเป็นร่าเริงมากขึ้น
แน่นอนที่ว่า ตอนนี้โจวเถียนเถียนก็ไม่กล้าดูแคลนหลินหยุนอีกแล้ว มีจุดนี้ที่เธอรู้จักวางตัวดีกว่าเซี่ยหยู่เวยมากทีเดียว
“คุณลุงคะ หลานขอให้คุณลุงร่างกายแข็งแรง สมหวังดังปรารถนาทุกอย่างค่ะ!”
“นี่คือของขวัญที่หลานเตรียมให้กับคุณลุงค่ะ” โจวเถียนเถียนแต่งกายด้วยชุดสูทสั้นสีชมพู กระโปรงยาวสีครีม แลดูสดใสร่าเริง
“ฮ่าๆ ขอบใจเถียนเถียน!” เซี่ยเจี้ยนโก๋พูดด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
โจวเฟินที่นั่งอยู่ด้านข้าง ก็จับมือของโจวเถียนเถียนอย่างเป็นกันเองแล้วพูดว่า “เถียนเถียนยิ่งโตยิ่งสวยนะ แถมยังปากหวานขึ้นมากเลย”
“คุณป้าคะ พี่สาวและพี่เขยของหลานยังไม่มาเหรอ? วันนี้เป็นวันเกิดของคุณลุง ทำไมพวกเขายังมาไม่ถึงอีกล่ะ!” โจวเถียนเถียนสายตาสอดส่ายไปยังผู้คน แต่ก็ไม่ชอบเงาของหลินหยุนเลย
โจวเฟินพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องหาหรอก พวกเขาสองคนยังมาไม่ถึงเลย! หลานออกไปนั่งเล่นก่อน ถ้าเขามาถึงแล้วป้าจะเรียกหลานเอง!”
“ได้ค่ะ!” โจวเถียนเถียนยิ้มอย่างสดใส เห็นลักยิ้มเล็กๆ 2 ข้างบนใบหน้า
พ่อแม่ของโจวเถียนเถียนก็มาแล้ว แต่ว่าพวกเขาทั้งสองคนอายุมากกว่าเซี่ยเจี้ยนโก๋ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมากราบอวยพรวันเกิดเซี่ยเจี้ยนโก๋
“พี่เขย ผมมาแล้วครับ!”
น้องชายของโจวเฟินโจวจิ้งพร้อมด้วยครอบครัวก็มาถึงแล้ว ตั้งแต่เมื่อครั้งก่อนที่ร้านไห่หลานทำผิดต่อหลินหยุนไว้ โจวจิ้งจึงถูกกดดันจากบริษัทชิรงกรุ๊ป แต่ว่าเพื่อเห็นแก่หน้าหลินหยุนแล้ว จึงไม่ติดใจเอาความแล้วปล่อยเขาไป เพียงแต่ว่าให้เขาเป็นพนักงานธรรมดาคนหนึ่งในบริษัทชิรงกรุ๊ปเท่านั้น
แต่ว่า ในเวลาอันใกล้นี้ โจวจิ้งก็มีวี่แววที่จะผงาดหัวขึ้นมาอีกครั้ง
“ดีๆ น้องจิ้งก็มาแล้ว รีบเชิญนั่ง!” เซี่ยเจี้ยนโก๋พูดด้วยรอยยิ้ม
“ของขวัญเล็กๆน้อยๆ โปรดอย่ารังเกียจ!” โจวจิ้งส่งยิ้มแล้ววางกล่องของขวัญสวยงามลงบนโต๊ะตรงหน้าของเซี่ยเจี้ยนโก๋ จากนั้นก็พาครอบครัวเดินออกไป
โจวเฟินมองไปยังเซี่ยเจี้ยนโก๋ ยิ้มด้วยความสบายใจแล้วพูดว่า “น้องจิ้งตอนนี้ทำอะไรก็รู้สึกสุขุมรอบคอบมากขึ้น คงโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้วล่ะ”
เซี่ยเจี้ยนโก๋พยักหน้า “ใช่แล้ว คนเราถ้าพบอุปสรรคบ้างเป็นครั้งคราว ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องเลวเลยนะ”
ทันใดนั้น โจวเถียนเถียนที่กำลังคุยกับหนุ่มสาวตระกูลโจว มองไปยังประตูแล้วตะโกนขึ้นว่า “พี่หยู่เวยมาแล้ว!”
เซี่ยหยู่เวยในชุดกระโปรงยาวสีขาว เกล้าผมที่ยาวขึ้นมา รูปร่างที่สูงเพรียวก็ก้าวย่างด้วยจังหวะช้าๆ คอที่ยาวระหงขาวใสสง่าราวกับ หงส์ ชูตั้งสูงขึ้น ราวกับเทพธิดาที่เดินออกมาจากรูปภาพ
“ว้าว พี่หยู่เวยสวยจังเลย!” เด็กชายวัยขบเผาะนายหนึ่งตะโกนออกมา จากนั้นใบหน้าก็แดงไปหมด
“แต่ว่า ชายหนุ่มที่เธอควงแขนคนนั้น ดูเหมือนไม่ใช่พี่เขยนะ!” หนุ่มน้อยคนนั้นพูดอย่างสงสัย
เซี่ยหยู่เวยมือข้างหนึ่งก็ค่องแขนของเว่ยเทียนหมิงไว้ เว่ยเทียนหมิงในชุดสูทสีดำ หน้าตาหล่อเหลา รูปร่างดูสง่า สีหน้าสุขุมเยือกเย็น อายุยังน้อยแต่ก็มีท่าทางดูเป็นผู้ดีสูงส่ง
ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน ชายก็เก่งหญิงก็งาม สมกันราวกับกิ่งทองใบหยก
การปรากฏตัวของเซี่ยหยู่เวย ก็ดึงดูดสายตาของผู้คนทั้งหมดทันที เธอและเว่ยเทียนหมิง ก็กลายเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดในงานเลี้ยงครั้งนี้
เพียงแต่ว่า ในใจหลายคนก็คิดสงสัยว่า คนที่ยืนอยู่ข้างกายเซี่ยหยู่เวย ไม่ใช่สามีเธอหลินหยุน แต่เป็นชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง
นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
เซี่ยหยู่เวยอยากจะสื่อความหมายอะไรออกมาเหรอ?
ที่นั่งเจ้าภาพ เซี่ยเจี้ยนโก๋ขมวดคิ้ว สายตากวาดไปยังใบหน้าของเซี่ยหยู่เวยและเว่ยเทียนหมิง
เมื่อมองเห็นสีหน้าของเซี่ยหยู่เวยที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ และสายตาที่คอยชำเลืองมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายด้วยความชื่นชอบเป็นครั้งคราว
สิ่งเหล่านี้ ตามปกติแล้วเซี่ยหยู่เวยไม่เคยแสดงอาการเช่นนี้ออกมาก่อนเลย
เซี่ยเจี้ยนโก๋เข้าใจแล้วว่า ชายหนุ่มคนนี้แหละจึงจะเป็นคนรักในใจของลูกสาวตัวเอง
ส่วนโจวเฟินนั้น สีหน้ามืดคล้ำลงทันที
ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาที่มีสามีแล้ว แต่กับควงแขนผู้ชายคนอื่นในที่สาธารณะ การกระทำเช่นนี้ก็ไม่แตกต่างอะไรกับที่เธอคบชู้สู่ชายเลย
เซี่ยหยู่เวยเดินเข้ามาโค้งตัวลงเล็กน้อย “คุณพ่อคะ ลูกขอให้ท่านมีความสุขดั่งทะเลตงไห่ อายุยืนเหมือนภูเขาหนันซานนะคะ!”
เซี่ยเจี้ยนโก๋ยิ้มเล็กน้อย สายตาก็ยังจ้องมองไปยังเว่ยเทียนหมิง
จากการดูกิริยาท่าทางของเว่ยเทียนหมิงแล้ว ฐานะวงศ์ตระกูลน่าจะไม่ธรรมดา
อีกอย่างสำหรับลูกสาวคนนี้ของตัวเองแล้ว เซี่ยเจี้ยนโก๋เข้าใจดี คนธรรมดาทั่วไปคงไม่ได้อยู่ในสายตาเธออย่างแน่นอน
ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เพราะว่าถูกบังคับจากพ่อแม่แล้ว เซี่ยหยู่เวยก็ไม่ยอมตกลงแต่งงานกับหลินหยุนเด็ดขาด
เซี่ยหยู่เวยมองไปยังเว่ยเทียนหมิง แล้วแนะนำด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อคะ แม่คะ นี่คือเว่ยเทียนหมิงค่ะ”
เว่ยเทียนหมิงยิ้มเล็กน้อย พูดด้วยท่าทีเหมาะสมว่า “หลานขออวยพรให้คุณอาเซี่ยร่างกายแข็งแรง สมหวังตามความปรารถนาทุกอย่างครับ”
มารยาทดีทุกกระเบียดนิ้ว ท่วงท่างดงามมีสง่าราศี เซี่ยเจี้ยนโก๋ยิ่งมั่นใจว่า เว่ยเทียนหมิงคนนี้ฐานะวงศ์ตระกูลไม่ธรรมดาแน่นอน
“ไม่ทราบว่าคุณพ่อคือ?” เซี่ยเจี้ยนโก๋สงสัยคนรักของลูกสาว เป็นเทพเจ้ามาจากแห่งไหนกัน
เว่ยเทียนหมิงโค้งตัวลงเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คุณพ่อผมคือเว่ยเด๋อหลงครับ!”
“เว่ยเด๋อหลง? รองนายกเว่ย!” ทุกคนต่างก็ส่งเสียงดังขึ้นมา
“ที่แท้ก็คือลูกชายของรองนายกเว่ย มิน่าถึงได้ดูสง่างามเช่นนี้!”
“พวกคุณยังไม่รู้สินะ อีกไม่นานคำว่ารองก็จะเลิกใช้แล้ว ได้ยินเพื่อนที่อยู่ทางการเล่าให้ฟังว่า เว่ยเด๋อหลงคราวนี้ก็ได้เลื่อนขั้นสูงขึ้นอีกชั้นแล้ว!”
“จริงเหรอ? ถ้างั้นก็ยิ่งยอดเยี่ยมไปเลยสิ!”
ทุกคนต่างก็ส่งเสียงอื้ออึง มองไปยังเว่ยเทียนหมิงด้วยสายตาที่หวังประจบสอพลอ
โจวจิ้งที่กำลังพูดคุยอยู่กับญาติพี่น้อง จึงหยุดชะงักทันที สายตาแสดงออกถึงความปลาบปลื้มยินดี!
“นึกไม่ถึงจริงๆเลย หลานสาวของฉันถึงกับคบหากับลูกชายรองนายกเว่ย มิน่าเมื่อก่อนฉันแนะนำหาคู่ให้เธอก็ไม่สำเร็จสักราย!”
โจวฝูขมวดคิ้วเล็กน้อย เซี่ยหยู่เวยพาลูกชายรองนายกเว่ยมาเปิดตัวครั้งนี้ อีกทั้งท่าทางยังสนิทสนมกันมาก ส่งสัญญาณอะไรบางอย่างออกมาให้ทุกคนรับรู้ ทุกอย่างก็ปรากฏให้เห็นชัดเจนแล้ว
โจวฝูได้รับบุญคุณอันใหญ่หลวงจากหลินหยุน ตอนนี้ก็ต้องยืนอยู่ข้างหลินหยุนเป็นธรรมดา แต่เมื่อเทียบกับลูกชายของรองนายกเว่ยนี่แล้ว อย่าว่าแต่หลินหยุนเลย ต่อให้เป็นจินซื่อหรงก็ยังเทียบไม่ค่อยได้เลย
คราวนี้ดูเหมือนว่าหลินหยุนคงต้องเจอปัญหาหนักแล้