จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 239 หยางหยิงมาพบฉันด้วยตัวเอง
อีหลิงมองไปที่กู้ซิวหรั่นด้วยความประหลาดใจ “กู้ซิวหรั่น ทำไมนายกลายเป็นคนที่แยกแยะถูกผิดไม่เป็น!”
เมื่อก่อนตอนที่กู้ซิวหรั่นตามจีบอีหลิง มักจะแสดงภาพลักษณ์ของสุภาพบุรุษ ตอนนี้หลังจากที่อีหลิงปฏิเสธเขาต่อหน้าฝูงชน ก็เปิดเผยธาตุแท้ของเขาทันที
บางครั้งถ้าต้องการเห็นธาตุแท้ของคนอย่างชัดเจน ไม่ใช่ตอนที่เขาต้องการใช้ประโยชน์จากตัวคุณ แต่ต้องเป็นตอนที่คุณไม่มีผลประโยชน์สำหรับเขา
กู้ซิวหรั่นยิ้มเยาะเย้ยและพูดว่า”แยกแยะถูกผิดไม่เป็น ฮ่าๆ อีหลิง เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้! เมื่อตอนที่ฉันชอบเธอ เวลาเธอพูดอะไรมันก็ถูกทุกอย่าง เมื่อตอนที่ฉันไม่ชอบเธอแล้ว เธอก็ไม่มีค่าอะไร!”
“เดี๋ยวนี้พวกเธออยู่ในสายตาฉัน มันเหมือนขยะ!”
“ฉันแค่พูดประโยคเดียว พี่สาวของฉันก็สามารถยกเลิกคุณสมบัติในการออดิชันของพวกเธอ และดูพวกเธอจากไปอย่างน่าสมเพช!”
“พวกเธอมีสิทธิ์อะไรมาสู้กับฉัน! คิดว่าตัวเองต่อสู้เก่งเหรอ?”
ใบหน้าของกู้ซิวหรั่นเต็มไปด้วยการดูหมิ่น สายตาที่จ้องมองหลินหยุนเต็มไปด้วยการดูถูก
“มากเกินไปแล้ว! ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนวางแผนนี้!” จางซือจู่มีสีหน้าโกรธมาก
“กู้ซิวหรั่น ฉันจะจำนายไว้!” ใบหน้าของฉินโส่วเคร่งเครียด ปกติเขาจะเป็นคนที่ไม่ค่อยจริงจังกับอะไร น้อยมากที่จะเห็นเขาจริงจังเช่นนี้
กู้ซิวหรั่นพูดอย่างเย็นชา “ฉินโส่ว สังคมของนายน่าจะอยู่กับเสิ่นหย่งและคนอื่นๆ แต่นายยินดีที่จะเหยียบย่ำตัวเอง มั่วอยู่กับยาจกกลุ่มนี้ แล้วอย่าตำหนิฉันที่ไม่เตือนนาย!”
เทพฟ้าผ่าดุว่า “กู้ซิวหรั่น ระวังปากของนายหน่อย!”
ฉินโส่วกวาดสายตามองหลินหยุนและคนอื่นๆ และยิ้มเยาะเย้ย “กู้ซิวหรั่น แม้ว่าเพื่อนของฉันเหล่านี้จะมีภูมิหลังครอบครัวธรรมดา และบางทีก็มีนิสัยไม่ค่อยดี แต่พวกเขาก็จริงใจ! ถ้าวันหนึ่งตระกูลของฉันล้มละลาย ฉันต้องกลายเป็นขอทาน และความรักของพวกเขาที่มีต่อฉันจะยังคงเหมือนเดิม!”
“แต่นายล่ะ?”
ฉินโส่วเยาะเย้ยด้วยความเย็นชา “ตอนนี้นายมีพี่สาวดี คนเหล่านี้ประจบนาย แต่ถ้าวันหนึ่งนายล้มเหลว พวกเขาจะละทิ้งนายทันทีเหมือนขี้หมา และอาจจะเหยียบซ้ำ ถุยน้ำลายใส่!”
เสิ่นหย่งและเหยียนเสวเหวินสีหน้าเปลี่ยนไปทันที และเสิ่นหย่งก็รีบโต้กลับทันที “นายพูดเรื่องไร้สาระ! คุณชายกู้ อย่าไปฟังเขายุยงให้ผิดใจกัน จากความสามารถของคุณชายกู้และภูมิหลังของตระกูล อนาคตรุ่งโรจน์ไม่มีสิ้นสุด จะล้มเหลวได้ยังไง!”
แววตาของกู้ซิวหรั่นมีความหดหู่ เขาเข้าใจว่าฉินโส่วพูดถูก พวกเขาทั้งหมดมารวมกันเพราะผลประโยชน์ ไม่มีความรักและความผูกพันใดๆเลย ขอเพียงยังมีผลประโยชน์มากพอ พวกเขาสามารถหักหลังกันได้ตลอดเวลา
แต่ว่า ทำไมกู้ซิวหรั่นจะไม่เข้าใจได้ไง? เขาแค่หลอกใช้เหยียนเสวเหวินและคนอื่นๆ
“ฉินโส่ว นายเต็มใจเหยียบย่ำตัวเอง ก็ไม่ต้องหาคำแก้ตัวใดๆ ในสังคมของพวกเรา ผลประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญ และไม่มีความรักที่แท้จริง!”
“ในเมื่อนายตัดสินใจอยู่กับยาจกกลุ่มนี้ ถ้างั้นพวกเราก็เป็นศัตรูกัน!”
กู้ซิวหรั่นจ้องไปที่หลินหยุนอย่างเย็นชา “การออดิชันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และการออดิชันในอนาคตจะยังคงเหมือนเดิม ฉันจะข่มพวกนายตลอด จนกว่าพวกนายจะคุกเข่าขอความเมตตา!”
“กล้ามาแย่งผู้หญิงที่กู้ซิวหรั่นหมายปอง นี่คือผลตอบแทน!”
“ไอ้สารเลว!” อีหลิงตะโกน ใบหน้าที่สวยงามนั้นแดงก่ำด้วยความโมโห
กู้ซิวหรั่นมองอีหลิง เป็นครั้งแรกที่แสดงสายตาหยาบคาย “ก่อนหน้านี้ฉันยกย่องเธอมากเกินไป เป็นเพราะเธอมีตาหามีแววไม่ ถ้าตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจ และเข้ามาในอ้อมกอดของฉัน ฉันสามารถพิจารณาที่จะปล่อยพวกเขาไป!”
ทันใดนั้นหวางหยู่หันรู้สึกตกใจ เธอกลัวจริงๆว่าอีหลิงจะเห็นด้วย
ในทางกลับกันอีหลิงกลับยิ้ม “กู้ซิวหรั่น วันนี้ฉันพึ่งเห็นธาตุแท้ที่ชัดเจนของนาย มันน่าขยะแขยงจริงๆ!”
หลินหยุนมองด้วยสายตาเย็นชา ทันใดนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว มองไปที่กู้ซิวหรั่น และยิ้มอย่างสนุกสนาน “แค่ผู้ช่วยเล็กๆคนหนึ่ง นายคิดว่าในการออดิชันนี้สามารถใช้อำนาจนี้รังแกคนอื่นได้เหรอ?
ใครทำให้นายมั่นใจได้ขนาดนั้น!”
กู้ซิวหรั่นเงยหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง ด้วยท่าทางของคนที่สูงส่ง “ผู้ช่วยเล็กๆ พี่สาวของฉันเป็นผู้รับผิดชอบในการออดิชันครั้งนี้! เพียงคำพูดประโยคเดียวของเธอ พวกนายทุกคนก็ต้องไสหัวออกไปแต่โดยดี!”
หลินหยุนเอามือไขว้หลัง และจ้องสายตากับกู้ซิวหรั่นอย่างเงียบๆ ดวงตาเหมือนดวงดาวที่คมลึก “ฉันก็อยากเห็นว่า ใครกันแน่จะไสหัวออกไป!”
ขณะที่พูด หลินหยุนค่อยๆยื่นมือขวาของเขา
เทพฟ้าผ่าที่อยู่ข้างหลังก็ยื่นมือออกมา กดที่ไหล่ของหลินหยุน และกระซิบ “อย่าหุนหันพลันแล่น ที่นี่คือมหาลัย”
หลินหยุนหันกลับมาและยิ้มให้เขาเล็กน้อย “ไม่ต้องกังวล ฉันรู้จักขอบเขต”
หลินหยุนไม่ได้ตีใคร แต่ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา หาหมายเลขโทรศัพท์ แล้วโทรออกไป
ทันใดนั้นเถียนชุ่ยชุ่ยทำปากมุ่ยและพูดเยาะเย้ย “หลินหยุน นายรู้ไหม ทัศนคติของนายที่หลงตัวเองในตอนนี้ มันเป็นสิ่งที่น่ารำคาญที่สุด!”
“ในอดีตของนาย แม้จะงี่เง่านิดหน่อย แต่พูดตรงๆก็ยังน่ารักอยู่ แต่ทำไมตอนนี้นายถึงกลายเป็นคนที่น่ารังเกียจได้ขนาดนี้?”
กู้ซิวหรั่นเยาะเย้ย: “โทรศัพท์ ฮ่าๆ พี่สาวของฉันคือผู้ช่วยหยางหยิง และเป็นผู้รับผิดชอบในการออดิชันครั้งนี้ แม้ว่านายจะโทรหาผู้อำนวยการก็ไร้ประโยชน์ เว้นแต่นายเชิญหยางหยิงมา แต่ฉันเกรงว่านายคงไม่มีความสามารถเช่นนี้!”
หลินหยุนหยิบโทรศัพท์แนบหู และมองกู้ซิวหรั่นด้วยรอยยิ้มแปลกๆ “จริงหรือ? บางทีสักครู่หยางหยิงจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง
จางเหมิงสาปแช่งอย่างใบหน้าเย่อหยิ่ง “หลินหยุน นายมาแสร้งทำอะไรอีก ถ้านายรู้จักหยางหยิง นายจะมาออดิชันที่นี่ทำไม? ด้วยชื่อเสียงหยางหยิง แค่ประโยคเดียวก็สามารถหาบทตัวละครให้นายได้นับไม่ถ้วน!”
“สิ่งที่ฉันทนไม่ได้ก็คือเห็นได้ชัดว่านายเป็นแค่ยาจก แต่ต้องแสร้งทำเป็นว่าเป็นคนใหญ่คนโต มันน่าขยะแขยง!”
“มองดูเหยียนเสวเหวินสิ ไม่ค่อยแสดงออก! ปรมาจารย์หลินพวกนายคงเคยได้ยิน แม้แต่ปรมาจารย์หลินก็ยังต้องให้เกียรติเสวเหวิน พวกนายดูสิเขาชอบคุยโม้เหมือนพวกนายหรือเปล่า?”
ใบหน้าของจางซือจู่ดูแย่ แม้แต่ดวงตาของฉินโส่วก็ยังแสดงความพะวง
ชื่อของปรมาจารย์หลิน เมื่อไม่นานมานี้ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างบ้าคลั่ง เหมือนเทพเจ้าที่มีชีวิต!
แม้แต่ฉินโส่วที่ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา เวลาที่พูดถึงปรมาจารย์หลิน ก็ต้องต้อนรับอย่างพิถีพิถัน
เพียงแต่ว่า หลินหยุนแสดงสีหน้าแปลกๆ มองไปที่จางเหมิงและถามว่า “ปรมาจารย์หลิน เก่งกาจไหม?”
จางเหมิงหัวเราะเยาะอย่างมีชัย “ยาจกก็คือยาจก แม้แต่ปรมาจารย์หลินก็ไม่เคยได้ยิน ขณะนี้ปรมาจารย์หลินเป็นคนเดียวในหลิงหนานที่!”
จางเหมิงยกนิ้วโป้งด้วยความชื่นชม
เมื่อจางเหมิงพูดจบ โทรศัพท์ของหลินหยุนก็เชื่อมติด
ปลายสายมีเสียงผู้หญิงดังขึ้น ไพเราะมาก “ใครเหรอ?”
หลินหยุนพูดไม่กี่คำอย่างแผ่วเบา “วิชานึ่งกระดูก”
ทันใดนั้น เสียงของผู้หญิงคนนั้นก็ตื่นเต้นมาก “คุณเป็นหมอเทพหลิน? คุณอยู่ที่ไหน?”
หลินหยุนเหลือบมองกู้ซิวหรั่น และพูดเบาๆ “ฉันอยู่สถานที่ออดิชันในสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจว ด้านหลังเขต5ซึ่งอยู่ไม่ไกล”
“ท่านรอสักครู่ ฉันจะไปหาท่านทันที!”
หลังจากวางสายแล้ว หลินหยุนเก็บโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเขา
หวางหยู่หันหัวเราะเยาะและพูดว่า “โอ้ ทำไมโทรคุยกันจบแล้วเหรอ? แค่นายเนี่ยนะวางแผนที่จะเชิญใครมาช่วยขอร้อง?”
กู้ซิวหรั่นยิ้มเยาะ “ฮึ่ม เชิญใครมาก็ใช้การไม่ได้ ขอเพียงฉันพูดคำเดียว ด่านของพี่สาวฉันไม่มีใครสามารถฝ่าไปได้!”
“อย่ามาแสร้งทำต่อหน้าฉัน ถ้าอยากเข้าไปออดิชัน ก็คุกเข่าขอร้องฉันสิ!”
หลินหยุนเพิกเฉยต่อความเย่อหยิ่งของกู้ซิวหรั่น และพูดเบาๆว่า “ฉันได้โทรหาหยางหยิงแล้ว สักพักเธอก็จะมา”
กู้ซิวหรั่นสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม และหัวเราะเสียงดัง “ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม? นายบอกว่าได้โทรหาหยางหยิง!”
“เสิ่นหย่งพวกนายได้ยินชัดไหม? เขาบอกว่าเพิ่งโทรหาหยางหยิง อีกสักครู่หยางหยิงจะตามมา”
“ฮ่าๆๆ……ช่างน่าตลกสิ้นดี!”
นายคิดว่าหยางหยิงเป็นใคร? แม้แต่ฉันเองก็ไม่ได้เห็นหน้าหยางหยิงง่ายๆ อย่าว่าแต่ยาจกอย่างพวกนายเลย!”