จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 251 บุกตะลุยฝ่าคลื่น
ท้องฟ้ามีเมฆดำปกคลุมหนาแน่น บนท้องทะเลอันกว้างใหญ่ เรือประมงลำเล็กของหลินหยุนมีโอกาสพลิกคว่ำได้ทุกเมื่อ
เฉินซีเฟิ่งเห็นเฉียนเจียเหาและพวกพ้อง กำลังขึ้นไปบนเรือสำราญลำใหญ่ที่อยู่ด้านหน้านั้น
“คุณหลิน พวกเขาขึ้นไปยังเรือสำราญแล้ว!ทำอย่างไรกันดี?ต่อให้พวกเราไล่ตามพวกเขาได้ทัน แต่ก็ขึ้นไปไม่ได้อยู่ดี!”
“ไม่เป็นไร” หลินหยุนพูดอย่างเฉยเมย แล้วก็พายเรือมุ่งไปข้างหน้าต่อด้วยความเร็วสูงสุด
บนเรือสำราญลำใหญ่โตนั้น หยางหยิงได้ถูกดึงเทปกาวที่ปิดปากออก
เฉียนเจียเหาพูดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องว่า: “ลูกน้องของคุณทั้งสองคนนี้จงรักภักดีต่อคุณมากเลยจริงเชียว นึกไม่ถึงว่าจะอาศัยแค่เรือประมงลำเล็กก็ไล่ตามมาถึงที่นี่ได้!”
“แต่ว่า อีกสักครู่พวกเขาก็คงจะจบชีวิตลงกลางทะเลใหญ่นี้แล้ว!”
หยางหยิงพูดขึ้นอย่างตึงเครียดว่า: “พวกแกคิดจะทำอะไร?”
เฉียนเจียเหาหัวเราะแหะแหะ: “คุณทราบไหมว่าเรือสำราญลำนี้เป็นของใคร?”
“มันคือของตระกูลฉันเอง!รอจนเรือประมงของพวกเขาพายเข้ามาใกล้ ฉันก็จะให้เรือสำราญพุ่งชนเรือประมงของพวกเขาให้จมดิ่งลงสู่ทะเลลึก!”
“ปล่อยให้พวกเขาทั้งสองคนไปเป็นอาหารของฉลาม!”
หยางหยิงเกิดความหวาดกลัว เพราะที่นี่คือกลางทะเลใหญ่ เธอทราบดีว่าหากเฉียนเจียเหากล้าที่จะพูดแล้วเขาก็กล้าที่จะทำเช่นกัน
มองเห็นเรือประมงของพวกหลินหยุนทั้งสองคนที่ยิ่งลอยใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ หยางหยิงจึงรีบตะโกนพูดกับหลินหยุนว่า: “ไม่ต้องเข้ามาใกล้ รีบหนีไป!พวกเขาต้องการจะพุ่งชนเรือของพวกคุณ!”
เฉียนเจียเหาไม่ได้ขัดขวาง พูดขึ้นอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องว่า: “ตะโกนไปเลย ที่นี่คือทะเลอันกว้างใหญ่ พวกเขาไม่มีทางที่จะได้ยินหรอก!”
“ขอร้องฉันสิ เพียงแค่คุณขอร้องอ้อนวอนฉัน และเชื่อฟังคำพูดของฉัน ฉันก็จะยอมปล่อยให้พวกเขากลับไป!”
หยางหยิงแทบจะหมดหวังแล้ว โดยอยู่ท่ามกลางท้องทะเลที่กว้างใหญ่ และตกอยู่ในความยากลำบาก เรียกหาความช่วยเหลืออย่างไรก็ไม่มีผู้ใดช่วยเหลือได้เลยจริง ๆ
“เฉียนเจียเหา ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ เลยว่า เพียงเพื่อต้องการที่จะครอบครองในตัวฉัน นายถึงกับต้องลงทุนลงแรงทำกันขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?”
เฉียนเจียเหาพูดขึ้นอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องว่า: “หยางหยิง ที่ข้าทำเช่นนี้ไม่ได้เพียงเพราะต้องการคุณหรอก!แต่ข้าต้องการที่จะแสดงให้คนอื่นได้ทราบว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้านั้นต้องการและพึงพอใจ ข้าจะต้องได้มันมาให้ได้อย่างแน่นอน!”
หยางหยิงหมดคำพูดจริง ๆ หลงเหลือเพียงสองคำที่สามารถนำมาบรรยายเฉียนเจียเหาได้นั่นก็คือไอ้บ้า!
เรือประมงของหลินหยุนเข้ามาใกล้กับเรือสำราญแล้ว โดยระยะห่างที่เหลือนี้เกินขอบเขตระยะห่างในการป้องกันรักษาความปลอดภัยแล้ว หากเมื่อเรือสำราญพุ่งเข้าชน พวกเขาคงไม่มีแม้แต่เวลาในการหลบหนี
เฉินซีเฟิ่งพูดอย่างหวาดกลัวว่า: “พอได้แล้ว อย่าเข้าใกล้ไปมากกว่านี้แล้ว!”
บนเรือสำราญลำใหญ่ เฉียนเจียเหามองลงมาที่เรือประมงขนาดเล็กที่อยู่ด้านล่าง พูดขึ้นด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องว่า: “ไอ้หนุ่มน้อย นายนี่มันสุดยอดจริงเชียว นึกไม่ถึงว่าจะไล่ตามมาถึงที่นี่ได้!”
“แต่ว่า อีกไม่นานนายก็คงต้องจบชีวิตลงแล้ว มีคำพูดหรือเรื่องอะไรที่ต้องการจะสั่งเสียเอาไว้หรือไม่?”
หลินหยุนหยุดพายเรือ ลุกยืนขึ้น แหงนหน้ามองไปยังเฉียนเจียเหาที่ยืนอยู่ข้างราวกั้นของเรือสำราญ
“ผลลัพธ์จะลงเอยอย่างไร ใครก็มิอาจทราบได้ นายอย่าดีใจไปเสียก่อน”
หลินหยุนพูดด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมย แต่เฉียนเจียเหากลับได้ยินอย่างเสียงดังฟังชัด
เฉียนเจียเหาไม่ได้ใส่ใจอะไรเหล่านี้ หัวเราะและพูดขึ้นอย่างกำเริบเสิบสานว่า: “ไอ้หนุ่มน้อย เพียงแค่ข้าออกคำสั่ง เรือประมงลำเล็กของนายก็จะถูกพุ่งเข้าชน แม้ว่านายจะมีฝีไม้ลายมือในการต่อสู้ แต่ท่ามกลางทะเลใหญ่นี้ก็คงจะต้องตายสถานเดียวเท่านั้น!”
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “ไม่แน่เสมอไป!”
เฉียนเจียเหาหัวเราะอย่างเย็นชา: “ขนาดใกล้จะตายแล้ว นายยังมาทำเป็นปากแข็งอยู่อีก!นอกเสียจากว่า นายสามารถก้าวกระโดดข้ามผ่านผืนทะเลหลายสิบเมตรนี้ ลอยตัวมาบนเรือสำราญของข้าได้!”
“เป็นไปตามที่นายต้องการ!”
เมื่อหลินหยุนพูดจบ ทันใดนั้นก็ใช้มือข้างหนึ่งดึงตัวเฉินซีเฟิ่งขึ้น พร้อมกับกระโดดลงไปกลางทะเล
“คุณหลิน!หยางหยิงตกใจตะโกนเสียงดัง”
“คุณชายเฉียน เขาบ้าไปแล้วใช่ไหม?ถึงได้กระโดดลงไปในทะเล!” ลูกน้องคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความตกใจ
แต่ว่า ในเวลาต่อมา ทุกคนต่างก็พากันตกตะลึงอึ้งไปทั้งหมด!
หลินหยุนใช้แขนข้างหนึ่งหิ้วตัวของเฉินซีเฟิ่ง สองเท้าเหยียบย่ำอยู่บนคลื่นทะเล และกำลังมุ่งหน้าตรงมายังเรือสำราญด้วยความรวดเร็ว
“นี่มันอะไรกัน!ข้ามองเห็นอะไรเนี่ย!” ลูกน้องคนหนึ่งตะโกนขึ้นอย่างหวาดผวา
“นึกไม่ถึงว่าไอ้หนุ่มน้อยนี้สามารถเหาะเหินได้!นี่มันอะไรกัน หรือว่าเป็นวิชาตัวเบาในหนังจอมยุทธ์อย่างนั้นเหรอ?”
“พระเจ้า นึกไม่ถึงว่าข้าจะได้เห็นคนเหาะเหินบนท้องทะเล!”
เฉียนเจียเหาก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง แสดงสีหน้าท่าทางที่ไม่อยากที่จะเชื่อ
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!ไอ้หนุ่มน้อยนี้มันยังเป็นคนอยู่อีกหรือไม่?”
“หยางหยิง คุณไปหาคนประหลาดผู้นี้มาจากที่ไหนกัน?” เฉียนเจียเหามองไปที่หยางหยิงด้วยท่าทางที่หวาดผวา
สภาพของหยางหยิงในตอนนี้ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเฉียนเจียเหาสักเท่าไหร่ เธอก็มีสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึงอย่างมากเช่นเดียวกัน
เธอทราบเพียงแค่ว่าหลินหยุนมีวิชาการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมน่าอัศจรรย์ ก่อนหน้านี้เคยได้เห็นว่าหลินหยุนมีทักษะในการต่อสู้ แต่นั่นก็เป็นเพียงระดับการต่อสู้ที่เก่งกาจต่อตัวบุคคล
แต่หากพูดว่าสามารถเหาะเหินเดินบนผืนทะเลได้ หยางหยิงเองก็ไม่กล้าที่จะคิด ซึ่งนี่มันเกินขอบเขตของความเป็นมนุษย์ทั่วไปแล้ว
“ฉันก็ไม่ทราบอย่างชัดเจน ฉันทราบเพียงว่าหลินหยุนมีวิชาการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก อาการป่วยของแม่ของฉันก็คือหลินหยุนนี้ที่เป็นผู้รักษาให้หายได้”
หยางหยิงตะลึงงัน โดยตอบคำถามไปตามจิตใต้สำนึก
ระยะห่างหลายสิบเมตร หลินหยุนใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที
มองเห็นหลินหยุนมาถึงด้านล่างของเรือสำราญแล้ว
เฉียนเจียเหาได้พูดปลอบใจตนเองว่า: “ไม่ต้องกลัว เรือสำราญลำนี้สูงหลายสิบเมตร ไม่มีบันไดเชือก เขาไม่มีทางที่จะปีนป่ายขึ้นมาได้หรอก!”
แต่ เมื่อเฉียนเจียเหาพูดจบ ลูกน้องคนหนึ่งก็ร้องตะโกนขึ้นว่า: “คุณชายเฉียน เขาเหาะขึ้นมาแล้ว!”
หลินหยุนมาถึงด้านล่างของเรือสำราญ ไม่ทันได้หยุดพัก ก็กระโดดพุ่งตัวขึ้น จากนั้น ก็เหาะลอยตัวขึ้นมา แล้วก็เหาะลงไปหยุดอยู่ที่ดาดฟ้าของเรือสำราญ
แล้วก็ปล่อยตัวของเฉินซีเฟิ่งลง เฉินซีเฟิ่งอ้าปากค้าง และมองไปที่หลินหยุนด้วยความตะลึง จากนั้นก็ย่อตัวลงในทันที และอาเจียนออกมาอย่างไม่หยุด
หลินหยุนมองไปที่เธอด้วยความเห็นอกเห็นใจ คาดว่าน่าจะทำให้ผู้จัดการนักแสดงที่จงรักภักดีผู้นี้ตกใจมากเลยทีเดียว
ทุกคนบนเรือสำราญ ในขณะที่มองเห็นหลินหยุนนั้น ต่างก็ใช้มือขยี้ดวงตา เหมือนกับว่าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่มองเห็น
เพล้ง!
โทรศัพท์มือถือในมือของเฉียนเจียเหาตกหล่นลงพื้น หน้าจอแตกละเอียด
หลินหยุนหน้าไม่แดง ไม่หืดหอบ มองไปที่เฉียนเจียเหาโดยทำทีเป็นยิ้มแต่ก็ไม่เชิง และพูดขึ้นว่า: “ข้าได้พูดไว้แล้วว่าผลลัพธ์จะลงเอยอย่างไร ใครก็มิอาจทราบได้ ตอนนี้เชื่อแล้วหรือยัง?”
“เชื่อ เชื่อแล้ว!” ลูกน้องทุกคนของเฉียนเจียเหา เหมือนกับว่าถูกฝึกสั่งสอนมาอย่างไรอย่างนั้น พยักหน้าพร้อมเพรียงกันด้วยสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึง
เฉียนเจียเหาอึ้งไปสักพักหนึ่ง จึงได้สติกลับคืนมา และมองไปที่หลินหยุนด้วยความหวาดกลัว: “ไอ้หนุ่มน้อย ตกลงว่านายเป็นคนหรือผีกันแน่?”
หลินหยุนพูดว่า: “เป็นคน ตัวจริงแท้แน่นอน”
เฉียนเจียเหาได้สติกลับคืนมาจากความตกตะลึง และพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางดุร้ายว่า: “ไอ้หนุ่มน้อย ต่อให้นายเหาะขึ้นมาได้แล้วจะยังไง?เรือสำราญนี้เป็นของตระกูลข้า พ่อของข้าก็อยู่บนเรือสำราญลำนี้ และข้างบนนี้ก็มีคนอย่างน้อยอีกหลายสิบคน”
“นายขึ้นมา ก็เพื่อรนหาที่ตายชัด ๆ !”
หลินหยุนส่ายศีรษะ เงาร่างเคลื่อนไหวแวบหนึ่ง ก็มาอยู่ที่ด้านข้างของหยางหยิง
เปรี๊ยะเปรี๊ยะตบไปสองฉาด ทำให้ชายหนุ่มสองคนที่ควบคุมตัวหยางหยิงกระเด็นออกไป
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” หลินหยุนถามขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน
หยางหยิงลืมที่จะตอบคำถาม มองไปที่หลินหยุนด้วยความตกตะลึง รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังฝันไปอย่างไรอย่างนั้น
เฉียนเจียเหาตะโกนเสียงดังด้วยความหวาดผวา แล้วก็หันหลังวิ่งตรงเข้าไปยังห้องโดยสารในเรือ โดยวิ่งไปพลางตะโกนเสียงดังไปพลาง: “คุณพ่อ รีบมาช่วยฉันด้วย!”
หลินหยุนมองไปยังเฉินซีเฟิ่ง: “ดีขึ้นแล้วหรือยัง?”
เฉินซีเฟิ่งพยักหน้าด้วยท่าทีเคารพยำเกรง: “ไม่เป็นอะไรแล้ว”
“ฝากคุณดูแลเธอด้วย” เมื่อหลินหยุนพูดจบ เงาร่างก็เคลื่อนไหวแวบหนึ่ง มุ่งหน้าไล่ตามเฉียนเจียเหาไปอย่างรวดเร็ว
เฉียนเจียเหาวิ่งยังไม่ทันถึงห้องผู้โดยสาร เบื้องหน้าก็ปรากฏเงาดำแวบขึ้น ถูกหลินหยุนขัดขวางเอาไว้แล้ว
“ฟุบ!”
เฉียนเจียเหาตกใจจนทรุดตัวนั่งลงไปที่พื้น
“ไอ้หนุ่มน้อย นายคิดจะทำอะไร?”
“ข้าขอบอกนายเอาไว้ว่า หากนายกล้าที่จะทำร้ายข้าแม้เพียงเล็กน้อย พ่อของข้าไม่มีทางที่จะปล่อยนายไปเป็นแน่!”
“พวกนายทั้งสามคนจะต้องตายอย่างน่าอเนจอนาถเป็นแน่!”
หลินหยุนยิ้มอย่างเหยียดหยามและพูดขึ้นว่า: “ครั้งหน้าก่อนที่จะข่มขู่ผู้อื่นนั้น ต้องดูสถานะภาพของตนเองให้ดีเสียก่อน”
พูดจบ มือข้างหนึ่งจับไปที่คอเสื้อของเฉียนเจียเหา ยกตัวของเฉียนเจียเหาขึ้นเหมือนกับว่ายกนกตัวน้อยขึ้นอย่างไรอย่างนั้น แล้วเดินไปยังที่กั้นด้านข้างของเรือสำราญ
“นายคิดจะทำอะไร?” เฉียนเจียเหาตะโกนขึ้นด้วยความหวาดกลัว
หลินหยุนพูดว่า: “เมื่อครู่นายไม่ใช่บอกว่าจะพุ่งชนข้าให้ตายแล้วปล่อยเป็นเหยื่อของปลาไม่ใช่เหรอ?นายลองบอกมาสิว่าข้าคิดจะทำอะไร?”
เฉียนเจียเหาหน้าเขียวขึ้นในทันที
“อย่าเลย ท่านพี่ จอมยุทธ์ ไว้ชีวิตข้าเถอะ!เมื่อครู่ข้าเพียงแค่พูดล้อเล่นเท่านั้น ท่านอย่าได้ถือสาหาความอะไรเลย!”