จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 255 ทำร้ายแกแล้วจะทำไม
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “ข้าคือบอดี้การ์ดของพี่ฉินหลัน”
เหยียนรุ่ยเหวินอุทานขึ้นว่า: “อะไรนะ!”
“ฉินหลัน บอดี้การ์ดกระจอกของคุณกล้าดีอย่างไรถึงลงไม้ลงมือกับข้า!พวกนายทั้งสอง ลงมือทุบตีเขาให้พิการไปข้างหนึ่ง!เหยียนรุ่ยเหวินสั่งการลูกน้องสองคนนั้น”
“รับทราบ!”
ลูกน้องทั้งสองคนรีบกระโจนเข้าใส่หลินหยุนในทันที
แต่ พุ่งเข้ามาเร็ว ก็กระเด็นกลับออกไปเร็วยิ่งกว่า!
ทั้งสองคนนั้นโดนหลินหยุนตบกระเด็นลอยออกไป
เหยียนรุ่ยเหวินตกตะลึงเล็กน้อย ไม่กล้าที่จะรังควานหลินหยุนอีก
เหยียนรุ่ยเหวินมองไปที่ฉินหลันด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง: “ฉินหลันยัยตัวดี บอดี้การ์ดเพียงแค่คนเดียวกล้าที่จะกำเริบเสิบสานขนาดนี้!หากวันนี้คุณไม่พูดชี้แจงกันให้ชัดเจนล่ะก็ ข้าก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้นแล้ว!”
ฉินหลันขมวดคิ้ว จ้องไปที่หลินหยุน กระซิบว่า: “นายบุ่มบ่ามเกินไปแล้ว ลืมไปแล้วเหรอที่ฉันได้บอกกับนายเอาไว้?หากไม่มีคำสั่งฉัน นายก็ห้ามที่จะลงมือ”
หลินหยุนยักไหล่: “ขออภัยด้วย ที่อดทนไว้ไม่อยู่”
ฉินหลันมองไปที่เหยียนรุ่ยเหวิน ในใจเบื่อหน่ายอย่างมาก แต่ว่า หากต้องการเข้าไปในการประชุมสุดยอดขนาดเล็ก ก็จำเป็นต้องอาศัยเหยียนรุ่ยเหวิน
ฉินหลันทำได้เพียงแค่อดกลั้นความสะอิดสะเอียน และพูดอย่างถ่อมตัวว่า: “ผิดที่ฉันไม่ได้อบรมสั่งสอน ฉันต้องขอโทษคุณแทนตัวเขาด้วย”
เหยียนรุ่ยเหวินยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมและพูดขึ้นว่า: “ขอโทษ?อย่างงั้นก็ต้องหาสถานที่สักแห่งหนึ่ง เพื่อแสดงความขอโทษต่อฉัน!หากว่าคุณแสดงออกได้ดีและจริงใจ ฉันจะพิจารณาและพาคุณไปเข้าร่วมการประชุมนั้น!มิเช่นนั้น คุณก็รอดูห่วงโซ่เงินทุนของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปประสบกับปัญหาการขาดแคลนไปก็แล้วกัน!”
ฉินหลันตกใจเล็กน้อย สีหน้าเย็นชาและพูดขึ้นว่า: “เหยียนรุ่ยเหวิน คำพูดนี้ของคุณหมายความว่าอย่างไร?”
เหยียนรุ่ยเหวินยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า: “คุณคิดว่ามันหมายความว่าอย่างไรล่ะ?หวางซูเฟินไม่สนใจในคำคัดค้านของคณะกรรมการบริษัท ได้ใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อพื้นที่ผืนนั้น ตอนนี้เงินทุนประสบปัญหาขาดแคลน หากบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปไม่สามารถที่จะหาเงินทุนสำรองมาได้ ก็จะต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ล้มละลาย”
“พวกคุณคิดว่าปกปิดข่าวสารเรื่องนี้แล้ว คนอื่นจะไม่รับทราบอย่างนั้นเหรอ?”
ฉินหลันกวาดสายตามองไปยังพนักงานรอบข้างที่มีความอยากรู้อยากเห็น และพูดขึ้นว่า: “เหยียนรุ่ยเหวิน นายอย่ามาพูดสุ่มสี่สุ่มห้า เรื่องนี้มันไม่จริงสักหน่อย!”
เหยียนรุ่ยเหวินหัวเราะอย่างเย็นชาและพูดขึ้นว่า: “ยังไม่ยอมรับอีก?งั้นตกลง ฉันขอถามคุณหน่อยว่า ทำไมคุณต้องรีบร้อนที่จะต้องไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดขนาดเล็กด้วยล่ะ?ไม่ใช่เพื่อที่จะไปหาเงินทุนสำรองหรอกเหรอ?”
ฉินหลันส่งเสียงเชอะ: “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ คุณเพียงแค่พาฉันไปก็พอ”
ในที่สุดหลินหยุนก็เข้าใจแล้วว่าทำไมฉินหลันถึงต้องไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดขนาดเล็กนี้ด้วย ที่จริงแล้วบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปกำลังประสบปัญหาเงินทุนขาดแคลน ฉินหลันต้องการที่จะไปร่วมการประชุมก็เพื่อเสี่ยงโชคเสี่ยงดวง
ชาติที่แล้ว เรื่องราวที่เกี่ยวกับฉินหลันไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดขนาดเล็ก ไม่มีการจดบันทึกเอาไว้ ซึ่งคาดว่าคงจะล้มเหลว
เหยียนรุ่ยเหวินเดินมาที่ด้านข้างของฉินหลัน ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูดขึ้นว่า: “ต้องการให้ฉันพาคุณไปได้ไม่มีปัญหา แต่ว่า ก็ต้องขึ้นอยู่กับการแสดงออกของผู้ช่วยฉินด้วย!”
ขณะที่พูด มือข้างหนึ่งของเหยียนรุ่ยเหวินค่อย ๆ ยื่นมาที่ด้านหลังของฉินหลัน
เปรี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือตบดังสนั่นขึ้น เหยียนรุ่ยเหวินโดนตบจนหัวคะมำลงไปที่บนโซฟา ใบหน้าที่ขาวซีดกลับมีรอยนิ้วมือสีแดงห้าแถวปรากฏขึ้นโดยพลัน
พนักงานหญิงสาวสวยต้อนรับสองคน ตกใจอย่างฉับพลัน เอกสารที่อยู่ในมือตกหล่นลงไปที่พื้น
นึกไม่ถึงว่าเขากล้าที่จะทำร้ายลูกชายของกรรมการเหยียน!
ฉินหลันก็ตกตะลึง และดุด่าไปว่า: “หลินหยุน นายใจร้อนบุ่มบ่ามอีกแล้ว!”
หลินหยุนยักไหล่แสดงท่าทางที่ไม่สนใจอะไร: “ขออภัย เขาหยาบคายเหลือเกิน จึงอดทนไม่ไหวจริง ๆ”
เหยียนรุ่ยเหวินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ถ่ายรูปใบหน้าของตน มองเห็นรอยนิ้วมือห้าแถวสีแดงปรากฏบนใบหน้าของตน เหยียนรุ่ยเหวินแทบจะร้องไห้ออกมา
“แกไอ้กระจอก แกกล้าดีอย่างไรถึงมาทำร้ายข้า แกกล้าที่จะทำร้ายข้า ข้าจะถลกหนังของแกออกมาเดี๋ยวนี้!”
เหยียนรุ่ยเหวินกระโจนเข้าใส่หลินหยุนอย่างบ้าระห่ำ เหมือนกับผู้หญิงที่ดุร้ายและไร้เหตุผล โดยขีดข่วนไปที่ใบหน้าของหลินหยุน
เปรี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือตบดังขึ้นอีกครั้ง!
เหยียนรุ่ยเหวินกระเด็นลอยออกไป พุ่งเข้าไปชนที่โซฟาจนโซฟาล้ม
หลินหยุนยิ้มอย่างเฉยชา เหมือนกับว่ากำลังชมผลงานศิลปะชิ้นหนึ่ง: “แบบนี้ถึงจะดูสมส่วนมากขึ้น”
ฟูว์!
หญิงสาวต้อนรับที่เพิ่งดื่มน้ำชาเข้าไปในปาก เพื่อระงับความตกใจนั้น ถึงกับพ่นน้ำออกมา
เหยียนรุ่ยเหวินใกล้จะบ้าแล้ว ขนาดในความฝันเขาก็คงคิดไม่ถึงว่า บอดี้การ์ดคนหนึ่งกล้าที่จะตบหน้าของเขา!
ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นการตบหน้าติดต่อกันที่สองครั้ง !
“แกกล้าที่จะทำร้ายข้า!ไอ้หนุ่มน้อย แกกล้าที่จะทำร้ายข้า……” เหยียนรุ่ยเหวินเหมือนกับเป็นคนบ้า พูดคำนี้ไม่หยุด จนถึงขณะนี้ เขาก็ยังคงไม่เชื่อว่า บอดี้การ์ดของฉินหลันกล้าที่จะทำร้ายเขา
หลินหยุนมองไปที่เหยียนรุ่ยเหวินด้วยท่าทางที่แปลกใจ และพูดออกมาสองคำว่า: “ไอ้โง่”
“ทำร้ายแกแล้วจะทำไม?”
ความโมโหที่รุนแรงในจิตใจของเหยียนรุ่ยเหวิน ทำให้เขาคิดอยากที่จะเผาทำลายบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปให้มันพินาศรู้แล้วรู้รอดไป
แต่ เขากลับไม่กล้าที่จะลองดีกับหลินหยุน
“ฉินหลัน คุณลำบากแน่!คุณลำบากแน่แล้ว!นึกไม่ถึงว่าคุณจะยุยงให้บอดี้การ์ดของคุณมาทำร้ายฉัน คุณไม่ใช่ต้องการที่จะหาเงินทุนสำรองเหรอ?ตอนนี้ฉันจะบอกให้พ่อของฉันถอดถอนหุ้นออก ฉันต้องการที่จะเห็นบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปล้มละลาย!ฉันต้องการให้คุณคุกเข่าขอร้องฉัน!”
เหยียนรุ่ยเหวินเปิดปาก ภายในปากยังคงมีเลือดไหลอยู่ และตะโกนพูดด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม
“พวกแกคอยดูละกัน!” เหยียนรุ่ยเหวินชี้ไปที่หลินหยุนกับฉินหลัน พูดข่มขู่ด้วยสีหน้าที่โหดร้าย
“ข้าว่าแกยังคงอยากจะโดนอีกสักหมัด” หลินหยุนยกมือขึ้นเล็กน้อย เหยียนรุ่ยเหวินตกใจจนตัวสั่น และรีบเผ่นหนีไปด้วยความอับอาย
ฉินหลันสีหน้าหม่นหมอง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “หลินหยุน นายกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว นายรู้หรือไม่ว่านายก่อความวุ่นวายจนส่งผลเสียต่อแผนการของฉันทั้งหมด!”
หลินหยุนยิ้มอย่างจำใจ: “ขออภัยด้วย ฉันไม่คิดว่าเขาจะขี้ขลาดขนาดนี้ ฉันก็เพียงแค่ทำให้เข้าตกใจ แต่เขากลับวิ่งหนีไปแล้ว”
ฉินหลันรู้สึกเหมือนว่าสูญสิ้นทั้งแรงกายแรงใจ แล้วนั่งลงไปบนโซฟา สีหน้าเศร้าหมอง
“ฉันคิดว่าคุณไม่จำเป็นที่จะต้องไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดขนาดเล็กอะไรนั่นหรอก ไม่เกิดประโยชน์ผลลัพธ์อะไรทั้งนั้น เหยียนรุ่ยเหวินเพียงต้องการถือโอกาสบีบคั้นคุณ ลวนลามคุณก็เท่านั้น” เห็นฉินหลันในสภาพที่เศร้าหมอง หลินหยุนทนเห็นไม่ได้ จึงได้พูดปลอบใจไป
ฉินหลันทอดถอนหายใจ: “ฉันเองก็ทราบดีว่าเหยียนรุ่ยเหวินนั้นมีความคิดอย่างไร ฉันก็เพียงแค่หลอกใช้ให้เขาพาฉันเข้าร่วมการประชุมสุดยอดขนาดเล็กก็เท่านั้น”
“ตอนนี้นายทำทุกอย่างพังทลายหมดสิ้นแล้ว หากรู้ก่อนว่าเป็นเช่นนี้ก็คงไม่เรียกนายมาแล้ว”
“นอกจากนี้หากเมื่อกรรมการเหยียนถอนหุ้น ท่านประธานก็คงจะต้องเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ ฉันไม่เพียงช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ยังกลับสร้างเรื่องให้วุ่นวายเข้าไปอีก?เหอะๆ……”
“ต้องโทษนายคนเดียว!กำชับไว้ตั้งแต่แรกแล้ว หากไม่มีคำสั่งของฉันก็อย่าลงมือกระทำการใดเป็นอันขาด แต่นายกลับไม่เชื่อฟัง!”
หลินหยุนพะอืดพะอมเล็กน้อย แม้ว่าเขาทราบดีว่าที่ฉินหลันไปร่วมการประชุมสุดยอดขนาดเล็กครั้งนี้จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด ๆ แต่เขากลับไม่สามารถที่จะพูดออกมาได้ และโดยที่ไม่สามารถบอกกับฉินหลันว่า ตนเองล่วงรู้พยากรณ์เรื่องราวล่วงหน้าได้!
และยิ่งกว่านั้นคือเขาเห็นพี่ฉินหลันถูกข่มเหงรังแก ซึ่งเขาไม่มีทางที่จะอดทนได้เป็นแน่
แต่ว่า ความกังวลของฉินหลันนั้นมันค่อนข้างจะเกินไปหน่อย
ตระกูลเหยียนคิดอยากจะได้แต่ผลประโยชน์ โดยต้องการที่จะประจบเอาใจตระกูลส้งในการประชุมสุดยอดจงโจว เพื่อจะล้มล้างบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะถอนหุ้นในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้?
นอกจากนี้ ตามที่หลินหยุนรู้จักและเข้าใจในตัวของจิ้งจอกชราภาพอย่างเหยียนต้าวหมิง เขาไม่เพียงที่จะไม่เห็นด้วยในการถอนหุ้น แต่กลับยังจะแสดงออกถึงท่าทีที่จริงใจสัตย์ซื่อแต่แฝงไว้ความโหดร้ายน่ากลัว เพื่อให้ฉินหลันตายใจ
“คุณวางใจเถอะ ฉันแน่ใจว่า ตระกูลเหยียนไม่มีทางที่จะถอนหุ้นอย่างแน่นอน ตลอดจน อีกไม่นานจากนี้ คนผู้นี้จะต้องมาหาคุณ” หลินหยุนพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
ฉินหลันยิ้มหัวเราะอย่างเย็นชา จะไปเชื่อในคำพูดของหลินหยุนได้อย่างไรกันล่ะ?
เหยียนรุ่ยเหวินนั้นมีนิสัยอย่างไร ฉินหลันชัดเจนอยู่แล้ว และหลินหยุนก็ได้ตบหน้าเขาไปถึงสองครั้ง หากว่าเขายอมที่จะจบเรื่องกันไป เขาผู้นั้นก็คงจะไม่ใช่เหยียนรุ่ยเหวินแล้ว
แต่ฉินหลันเองก็ไม่ได้ที่จะไปโต้เถียงอะไรกับหลินหยุน ตอนนี้โต้เถียงกันก็สายเกินไปแล้ว
“อย่างนี้แล้วกัน นายถูกไล่ออกแล้ว ค่าแรงเมื่อวานก็ได้โอนไปให้เรียบร้อยแล้ว นายไปเถอะ!” ฉินหลันพูดขึ้นอย่างไร้อารมณ์
หลินหยุนเงียบกริบ: “งานนี้ฉันเพิ่งทำได้เพียงวันเดียว ก็โดนไล่ออกแล้วเหรอ?คุณจะต้องชดเชยค่าทำขวัญให้ฉันด้วย!”
เห็นพี่ฉินหลันที่มีท่าทางจริงจังอย่างในชาติที่แล้ว อยู่ตรงเบื้องหน้าของเขา หลินหยุนอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเล่นกับเธอ
ฉินหลันจ้องไปที่เขา พูดอย่างเย็นชาว่า: “นายทำลายเรื่องราวแผนการของฉันจนหมดสิ้น ฉันยังไม่ได้คิดที่จะเรียกร้องค่าเสียหายชดเชยอะไรเลย แต่นายกลับยังมีหน้าที่จะมาเรียกร้องค่าทำขวัญจากฉันอีก!”
“รีบไปเถอะ!หากว่าเหยียนรุ่ยเหวินพาคนมาหาเรื่องนายอีก เวลานั้นฉันคงไม่สามารถที่จะปกป้องช่วยเหลือนายได้”
หลินหยุนรำพึงในใจว่า: “พี่ฉินหลันยังคงมีจิตใจดีงามเหมือนเดิม ยอมที่จะให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย โดยที่ไม่ต้องการจะสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น”
ไล่เขาออก ที่จริงแล้วก็เป็นการปกป้องตัวเขา อีกทั้งบอดี้การ์ดอย่างเขานี้ก็ไม่เชื่อฟังคำสั่ง สร้างความเสียหายต่อนายจ้าง ซึ่งนายจ้างก็ไม่ได้เรียกร้องค่าชดเชย ก็ถือว่าใจดีเป็นอย่างมากแล้ว