จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 262 หยู่ลั่ว
หลินหยุนหันกลับ มองไปที่ส้งอันหมิง ด้วยสีหน้าแปลกๆ
ฉินหลันมองไปที่หลินหยุนอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย ถ้าในตอนแรก เธอเพียงแค่ชื่นชมทักษะของหลินหยุน แล้วมีแนวคิดขึ้นมา
เช่นนั้น การกระทำทุกสิ่งที่หลินหยุนทำในตอนนี้ ทำให้เธอตกใจ!
เธอมีคำถามมากมายต้องการคำยืนยันจากหลินหยุน
เธอไม่อยากให้หลินหยุนถูกคนอื่นแย่งไปอย่างแน่นอน
หลินหยุนมองไปที่ส้งอันหมิง ส้งอันหมิงก็มองหลินหยุน ทั้งคู่มีความมั่นใจมาก
ความมั่นใจของหลินหยุนเกิดจากความแข็งแกร่งของเขา และความมั่นใจในตัวเองของส้งอันหมิง เกิดจากอำนาจและสถานะของตระกูลส้ง
แต่ว่า หลินหยุนรู้ที่พึ่งพิงของส้งอันหมิง แต่ส้งอันหมิงไม่รู้ที่พึ่งพิงของหลินหยุน
เข้าใจตนเองและรู้จักผู้อื่น ในด้านนี้ ส้งอันหมิงก็พ่ายแพ้ไปแล้ว
เพียงแต่ว่า ส้งอันหมิงไม่รู้เรื่องนี้ ตอนนี้เขามีความมั่นใจมาก ขอเพียงเขาจ่ายราคาออกมา หลินหยุนก็จะต้องทำงานให้เขาอย่างแน่นอน
อันที่จริง ชื่อของหลินหยุนส้งอันหมิงรู้จักตั้งนานแล้ว เพียงแต่ว่า เขาจงใจถาม เพียงเพื่อให้หลินหยุนแสดงทัศนคติของเขา
หลินหยุนมองไปที่ส้งอันหมิง และยิ้มเล็กน้อย และพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนเกือบถลนลูกตาออกมา
“ชื่อของฉัน นายไม่คู่ควรที่จะรู้”
คุณชายหลี่อ้าปากค้าง นิ่งอึ้งและจ้องไปที่หลินหยุน “ไอ้หนุ่ม นายกล้าที่จะมาทำให้คุณชายส้งอับอาย!”
“บ้าแล้ว บ้าไปแล้วจริงๆ! แม้แต่คุณชายส้งยังกล้าทำให้อับอาย ไอ้หมอนี่ไม่กลัวตายเหรอ?” สีหน้าคุณชายเฉินก็ดูหวาดผวาเช่นกัน
คราวนี้เหยียนรุ่ยเหวินตกตะลึง เดิมทีเขาคิดว่าหลินหยุนกล้าตีเขาและคุณชายหลี่ ก็มีความกล้ามากพอแล้ว และตอนนี้ไอ้หมอนี่กล้าที่จะทำให้คุณชายส้งอับอายขายหน้า ช่างกล้าหาญมากเกินไปแล้ว!
“ไอ้หนุ่ม ฉันคิดครั้งนี้นายตายแน่นอน!”
ฉินหลันก็รู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ยังมีความสุขใจ นี่คือการปฏิเสธของหลินหยุนหรือไม่?”
เพียงแต่ว่า ทัศนคติของหลินหยุนนั้นรุนแรงเกินไป นี่มันทำให้ส้งอันหมิงอับอายเกินไป และต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ ส้งอันหมิงจะยอมได้อย่างไร?
แต่คราวนี้ ฉินหลันไม่ได้ขวาง แต่แอบคิดว่าจะทำอย่างไรให้หลินหยุนปลอดภัย
ความอับอายบนใบหน้าของส้งอันหมิง หายวับไปทันที
จากนั้น ก็มีความเป็นสุภาพบุรุษขึ้นมาพร้อมกับแสยะยิ้ม “ฉันไม่คู่ควรที่จะรู้ ฮ่าๆ บุคลิกลักษณะเป็นของตนเอง นายเป็นคนแรกที่กล้าพูดแบบนี้กับฉัน!”
ถอะ!”
“ฉันเชื่อว่าอีกไม่นาน นายก็จะสมัครใจบอกชื่อให้กับฉัน” ส้งอันหมิงดูมั่นใจ
พรุ่งนี้คือการประชุมสุดยอดจงโจว พรุ่งนี้บริษัทตงหวางกรุ๊ปก็ล่มสลาย ในเวลานั้น ต่อหน้าเขาฉินหลันจะต้องคุกเข่าขอร้อง และหลินหยุนซึ่งเป็นแค่บอดี้การ์ดจิ๊บจ๊อยคนหนึ่ง เขาจะสามารถทำอะไรได้?
หลินหยุนไร้ความรู้สึก แต่ในใจรู้สึกนับถือส้งอันหมิงเล็กน้อย ขนาดนี้เขายังทนได้อีก
ชาติก่อน เขาพ่ายแพ้อย่างไม่มีข้อสงสัย!
หลินหยุนยังเดาได้ว่าส้งอันหมิงกำลังรอ รอพรุ่งนี้จะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ดังนั้น ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น เขาสามารถเพิกเฉยได้
เพียงแต่ว่า เมื่อต้องเผชิญกับพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าการวางแผนชั่วร้ายใดๆ ก็เป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น
หลินหยุนหันกลับมาและมองไปที่ฉินหลัน “ไปกันเถอะ!”
ฉินหลันรู้สึกประหลาดใจ เช่นนี้ส้งอันหมิงยังสามารถยับยั้งจิตใจได้
“คุณชายส้ง ขอบคุณ!” ฉินหลันพยักหน้าให้ส้งอันหมิง
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของส้งอันหมิง หากถึงวันพรุ่งนี้ ฉินหลันอาจไม่พูดคำว่าขอบคุณกับเขาอีก!
“คุณฉินไม่ต้องเกรงใจ ค่อยๆไป ฉันไม่ไปส่งนะ”
“รอเดี๋ยว”
ฉินหลันกำลังจะพาหลินหยุนออกไป มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลังเขา ซึ่งเสียงไพเราะมาก
หลินหยุนหันกลับมา และเห็นหญิงสาวสวยซึ่งสวมชุดสูทสีดำยูนิฟอร์ม ไว้ผมสั้นเท่าหู เป็นผู้หญิงสวยอายุประมาณยี่สิบกว่า กำลังก้าวเท้าเดินตรงเข้ามาหาเขา
เมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้ เศรษฐีหนุ่มเหล่านั้นต่างแสดงสีหน้าสงสัย และแม้แต่ส้งอันหมิงก็มองเธอด้วยความประหลาดใจ
ผู้หญิงคนนี้พาลูกน้องมาด้วยหนึ่งคน และเดินไปหาหลินหยุนอย่างรวดเร็ว ท่าทางของเธอ เย่อหยิ่งเล็กน้อย
“ไอ้หนุ่ม ทักษะการยิงธนูของนายไม่เลว!”
หลินหยุนไม่พูดอะไร และมองดูเธออย่างเงียบๆ เขาคิดว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มาเพื่อสรรเสริญเขา
ผู้หญิงคนนี้แนะนำตัวเอง “ฉันคือหยู่ลั่วเป็นหนึ่งในจินไซทั้งหกของควีนจินผู้มีเกียรติแห่งมณฑลหลิงหนาน อยากขอเชิญคุณเข้าร่วมทีมกีฬาของมณฑลหลิงหนาน ด้วยความสามารถของคุณ หากได้รับการฝึกฝนอย่างมืออาชีพ ในอนาคตในการแข่งขันกีฬาจะต้องฉายแววอย่างแน่นอน!”
“เป็นหนึ่งในจินไซทั้งหกของควีนจินผู้มีเกียรติ!” คุณชายหลี่ดูตกใจ
พรมแดนระหว่างหลิงหนานกับจงโจว แม้ว่าจงโจวจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่ถ้าเทียบกับมณฑลหลิงหนานทั้งหมด ก็ยังด้อยกว่าเล็กน้อย
ควีนจินเป็นผู้ครองอำนาจใหญ่สุดในหลิงหนาน และตระกูลส้งเป็นผู้ครองอำนาจใหญ่สุดในจงโจว อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับควีนจิน ตระกูลส้งนั้นด้อยกว่าหนึ่งระดับขึ้นไป
อีกอย่างหยู่ลั่วจินไซคนนี้ ทุกคนก็รู้จัก
เพราะจินไซทั้งหก หยู่ลั่วเป็นคนเดียวในจินไซที่เล่นการเมือง
ยิ่งไปกว่านั้น หยู่ลั่วอายุยังน้อย ไม่พึ่งพาการสนับสนุนจากใคร ก็สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง(ผู้อำนวยการสำนักงานมณฑลจงโจว)
ในตำแหน่งนี้ เป็นคนที่ใกล้ชิดนายกที่สุดกับ แม้แต่ข้อเสนอแนะบางอย่าง เธอจะเป็นคนออกความคิดเห็น
หากมีเวลามากกว่านี้ หยู่ลั่วคงสามารถควบคุมดูแลมณฑลนี้ได้ หากรวมพลังอำนาจของควีนจินที่อยู่เบื้องหลัง แม้จะเป็นตระกูลส้ง คงทำได้เพียงก้มหัวคำนับเท่านั้น
หรือแม้แต่ตอนนี้ แม้แต่พ่อของส้งอันหมิงชื่อส้งหัวอันเมื่อเห็นหยู่ลั่วก็ยังต้องก้มหัวทักทาย
ฉินหลันโค้งคำนับเล็กน้อย “ที่แท้ก็คือหยู่ลั่วจินไซ บริษัทตงหวางกรุ๊ปฉินหลันขอคารวะ
“อืม” หยู่ลั่วแค่พยักหน้าเล็กน้อย ซึ่งถือเป็นการตอบรับ
ส้งอันหมิงเดินไป หยุดอยู่ตรงหน้าหยู่ลั่วประมาณห้าเมตร “บริษัทหัวอันกรุ๊ปส้งอันหมิง ขอสวัสดีหยู่ลั่วจินไซ!”
“คุณชายส้งเกรงใจกันเกินไป” หยู่ลั่วตอบเบาๆ แม้ว่าส้งอันหมิงแจ้งชื่อของบริษัทหัวอันกรุ๊ป แต่ทัศนคติของหยู่ลั่วที่มีต่อเขายังคงเรียบเฉย
คุณชายหลี่กับคุณชายเฉินและคนอื่นๆ ก็รีบโค้งคำนับเพื่อทักทาย
เพียงแต่ว่า คำตอบของหยู่ลั่วที่มีต่อพวกเขานั้นยิ่งเรียบเฉยมากขึ้น พูดแค่ว่า “สวัสดีทุกคน!”
เหยียนรุ่ยเหวินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึง “ไอ้หนุ่มคนนี้ไปไกลแล้ว แม้แต่หยู่ลั่วจินไซก็ให้ความสำคัญกับเขา!”
“เพียงแต่ว่า นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ผูกมิตรกับหยู่ลั่วจินไซ! หากพลาดโอกาสนี้ไป ฉันเกรงว่าต่อไปคงจะไม่มีโอกาสอีก”
เหยียนรุ่ยเหวินกลอกตา ทันใดนั้นก็วิ่งไป ยืนอยู่ข้างฉินหลันและหลินหยุน
“ผู้ช่วยฉิน มันยากที่หยู่ลั่วจะถูกใจบอดี้การ์ดของคุณ คุณรีบเกลี้ยกล่อมเขา!” เหยียนรุ่ยเหวินพูดด้วยรอยยิ้ม มองไปที่หยู่ลั่วด้วยใบหน้าประจบสอพลอ
จากนั้น ก็โค้งคำนับให้หยู่ลั่วอย่างสุดซึ้งและพูดว่า “หยู่ลั่วจินไซ ผมเป็นลูกชายของประธานเหยียนต้าวหมิงแห่งบริษัทตงหวางกรุ๊ป ผมชื่อเหยียนรุ่ยเหวิน ผมได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้วขอนับถือ!”
เมื่อเห็นหยู่ลั่วไม่สนใจเขา เหยียนรุ่ยเหวินก็กลอกตา และพูดว่า “พวกเราสามคนมาด้วยกัน”
ขณะนี้หยู่ลั่วเริ่มมีความสนใจมองเหยียนรุ่ยเหวิน และพูดว่า “ที่แท้ก็เป็นคุณชายเหยียน ขอนับถือ!”
“มิได้ มิได้!” ทัศนคติของเหยียนรุ่ยเหวินยิ่งถ่อมตัวมากขึ้น
ฉินหลันจ้องไปที่เหยียนรุ่ยเหวิน และด่า “ไร้ยางอาย!”
หยู่ลั่วมองไปที่หลินหยุน และพูดว่า “ไอ้หนุ่ม นายยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันนี่?”
หลินหยุนเหลือบมองที่หยู่ลั่ว ครั้งที่แล้วที่ต่อสู้กับซูหนัน จินไซทั้งหกของควีนจินมาแค่สี่ท่าน หยู่ลั่วท่านนี้ไม่ได้อยู่ในนั้น
คิดว่าหยู่ลั่วคงจะทุ่มเทให้กับการเมือง
“ไม่สนใจ”
หลังจากพูดจบ หลินหยุนหันไปมองฉินหลัน “พี่ฉินหลัน พวกเราไปกันเถอะ!”
ฉินหลันขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าตอนนี้เธอจะเสียดายถ้าต้องสูญเสียบอดี้การ์ดที่เก่งกาจอย่างหลินหยุน แต่นี่มันเป็นโอกาสที่ดี และมันก็ดีกว่าที่ให้หลินหยุนเป็นบอดี้การ์ด
“หลินหยุน นายไม่ลองคิดทบทวนดูดีๆ สำหรับเรื่องนี้ มันเป็นโอกาสและผลประโยชน์ที่ไม่เลว!”
หลินหยุนยิ้มเล็กน้อย “ผมพูดไปแล้ว ผมไม่สนใจ