จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 266 คือเขา
ในการช่วยเหลือเสร็จสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง หรือคนธรรมดาที่ติดอยู่ในอาคาร ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือ ยังคงขอบคุณเจ้าหน้าที่ดับเพลิงตลอด
นี่คือเกียรติที่พวกเขาสมควรได้รับ
มีเพียงสายตาของนายกหลู่เท่านั้นที่มองผ่านฝูงชน และเห็นร่างชายหนุ่มคนหนึ่งค่อยๆหายตัวไปข้างหลังฝูงชน
ศูนย์ตรวจสอบระบบกล้องวงจรสกายเน็ตในเมืองจงโจว
นายกหลู่มองไปที่จอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกล้องวงจร ด้วยใบหน้าที่จริงจัง และดวงตาแดงก่ำ
หยู่ลั่วที่ยืนอยู่ข้างๆนายกหลู่ และพูดว่า “นายกหลู่ ท่านเฝ้าดูกล้องวงจรมาหลายชั่วโมงแล้ว หยุดพักสักพักดีกว่า และฉันจะช่วยมองหาบุคคลที่น่าสงสัยให้ท่านต่อไป”
นายกหลู่ขยี้ตาที่เริ่มแดงเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ฉันดูเองดีกว่า! ถ้าฉันเดาไม่ผิด ฉันน่าจะเคยเห็นแผ่นหลังของคนๆนั้น”
หยู่ลั่วพูดว่า “นายกหลู่ คุณเคยคิดบ้างไหมว่า บางทีคนๆนี้อาจไม่มีอยู่จริง! ทุกอย่างเป็นเพียงการคาดเดาของท่าน”
นายกหลู่ส่ายหัวยืนยัน “เป็นไปไม่ได้ ฝนนั้นมาทันเวลา และแปลกมาก คุณเคยเห็นเวลาฝนตกจะครอบคลุมเพียงอาคารที่ไฟไหม้ไหม? อีกอย่างเวลาไฟดับและฝนก็หยุดตก ถ้าไม่ใช่ฝีมือมนุษย์ ยังไงฉันก็ไม่เชื่อ!”
หยู่ลั่วไม่พูดอะไร ถ้าหากว่าฝนนี้เกิดจากฝีมือมนุษย์ เธอคิดว่ามันยิ่งน่าตกใจมากกว่า
คนแบบไหน สามารถเรียกลมเรียกฝนได้?
คนๆนี้ไม่ใช่เทพเจ้าเหรอ?
เจ้าหน้าที่มีดวงตาแดงก่ำ และยังคงค้นหาต่อไป
ทันใดนั้น ดวงตาของนายกหลู่ก็มีแสงสว่างขึ้น และพูดอย่างรีบร้อน “หยุด ซูมกล้องวงจรหมายเลข5!”
เจ้าหน้าที่ตั้งสติขึ้นมา รีบเปิดกล้องวงจรหมายเลข5 และขยายใหญ่
บริเวณที่กล้องวงจรถ่ายภาพคือข้างถนน ตรงมุมขอบกล้องวงจร ใต้ต้นไม้ มีชายหนุ่มร่างหนึ่งที่ไม่โดดเด่น
ชายหนุ่มใช้สองมือประกบกันทำท่าแปลกๆและท่องคาถา มีแสงสีเขียวก็พุ่งออกมาจากมือของเขา
จากนั้น ก็มีฝนที่ตกหนักลงมาจากท้องฟ้า
นายกหลู่ดูภาพกล้องวงจรนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายสิบครั้ง โดยเปรียบเทียบเวลาการประกบมือและท่องคาถาของชายหนุ่มกับเวลาที่ฝนตก และเวลาที่ไฟดับฝนหยุดตก เวลาชายหนุ่มจากไป เทียบกันอีกครั้ง
ในท้ายที่สุด นายกหลู่ดูตกใจ และถอนหายใจอย่างโล่งอก!
“คิดไม่ถึง ในโลกนี้จะบังเอิญมีคนแปลกๆแบบนี้จริงๆ!”
นายกหลู่ตะโกน “หยู่ลั่ว มาดูนี่สิ เป็นเขาแหละ!”
หยู่ลั่วเดินมา และเห็นภาพที่ขยายใหญ่ขึ้น ทันใดนั้นก็ตกใจ “ที่แท้ก็เป็นเขา!”
นายกหลู่รู้สึกประหลาดใจ และพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ทำไม? คุณรู้จักเขาเหรอ?”
หยู่ลั่วมองไปรอบๆ ไม่พูดอะไร ใบหน้าดูเคร่งขรึม
นายกหลู่เข้าใจในทันที และออกคำสั่งให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนทันที “เรื่องของวันนี้ ถูกจัดเป็นความลับสุดยอด ห้ามพูดรั่วไหลออกไปแม้แต่คำเดียว มิฉะนั้น จะถูกลงโทษในฐานะสายลับ”
เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้จ้องตากัน มองร่างที่ค่อนข้างคลุมเครือของชายหนุ่มบนหน้าจอ เผยให้เห็นสีหน้ากำลังครุ่นคิด
สำนักงานนายก
หยู่ลั่วได้เล่าเกี่ยวกับตำนานของปรมาจารย์หลิน บอกอย่างละเอียดให้กับนายกหลู่
หลังจากนายกหลู่ได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าเคร่งขรึม “ในโลกนี้มีคนแปลกๆและคนแปลกหน้ามากเกินไป ดังนั้น พวกเราต้องมีจิตสำนึกที่ถ่อมตนและมีมุมมองทัศนคติที่ดีต่อสิ่งต่างๆ” ”
“หยู่ลั่ว คุณไปตรวจสอบที่อยู่ของปรมาจารย์หลิน ฉันต้องการพบเขา และถามบางสิ่งด้วยตนเอง!”
หยู่ลั่วพยักหน้าและพูดว่า “ได้ค่ะ”
……
บริษัทตงหวางกรุ๊ป ห้องประชุม
หวางซูเฟินใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นั่งบนเก้าอี้และรอ
ฉินหลันนั่งอยู่ด้านหลังหวางซูเฟิน ถือปากกาและสมุดบันทึก นั่งตัวตรง
ในไม่ช้าประธานทั้งแปดท่านก็มาถึง หนึ่งในนั้นคือพ่อของเหยียนรุ่ยเหวิน เหยียนต้าวหมิง
“ท่านประธาน จู่ๆก็เปิดการประชุมประธานคณะกรรมการกะทันหัน มีจุดประสงค์อะไร?” คนที่สวมแว่น ชายในวัยห้าสิบถามด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
คนอื่นๆก็มองไปที่หวางซูเฟิน ถ้าสิ่งที่หวางซูเฟินพูด ไม่สามารถทำให้พวกเขาพอใจ พวกเขาจะต้องตำหนิหวางซูเฟินแน่นอน
รูปลักษณ์ภายนอกดูเข้มงวดเล็กน้อย และดวงตาที่นิ่งสงบของเหยียนต้าวหมิงพูดเสียงดัง “ฉันได้ยินมาว่าเมื่อวานท่านประธานได้ไปในงานพิธีเปิดการประชุมสุดยอดจงโจว คิดว่าคงได้ผลประโยชน์มาเยอะแล้วใช่ไหม?”
“แค่ไม่รู้ว่าคราวนี้ดึงนักลงทุนมาได้ไหม เพื่อแก้ไขวิกฤตการขาดแคลนเงินทุนของบริษัทตงหวางกรุ๊ป?”
สำหรับท่านประธานท่านอื่นๆ แต่ละคนมองไปที่หวางซูเฟินด้วยสีหน้าที่แปลกๆ และตั้งตารอคำตอบนี้
หวางซูเฟินยิ้มและพูดว่า “ในงานเปิดพิธี ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังจากเปิดพิธีได้ไม่นาน ท่านประธานหลี่ของบริษัทฉางเหอกรุ๊ปในหลิ่งเป่ยได้โทรศัพท์หาฉัน”
นี่คือสาเหตุที่หวางซูเฟินได้ออกจากงานเปิดพิธีก่อนเวลา
เมื่อพูดถึงจุดนี้ หวางซูเฟินจงใจหยุดไม่พูด
ประธานคณะกรรมการหลายคนประหลาดใจ มองไปที่หวางซูเฟิน รอคอยเรื่องราวต่อไป
แม้แต่เหยียนต้าวหมิง ก็กังวลใจ มองหวางซูเฟิน ด้วยดวงตาลึกซึ้ง
“ท่านประธาน มีข่าวดีเหรอ?” ประธานคณะกรรมการที่สวมแว่นคนนั้น ถามด้วยรอยยิ้ม
หวางซูเฟินยิ้มและพูดว่า “ท่านหูเดาถูกต้อง เมื่อวานฉันได้เจรจากับประธานหลี่ พรุ่งนี้เขาจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดจงโจว หากไม่มีปัญหา ฉันจะเซ็นสัญญาการร่วมมือกับเขา”
“บริษัทฉางเหอกรุ๊ปนั้นแข็งแกร่งมาก เมื่อเทียบกับหัวอันกรุ๊ปของตระกูลส้งมันก็สูสีกัน หากสามารถร่วมมือกับบริษัทฉางเหอกรุ๊ป ถ้าอย่างนั้นวิกฤตของบริษัทตงหวางกรุ๊ปในครั้งนี้ คงจะผ่านพ้นไปด้วยดี” คณะกรรมการบางคนพูดด้วยความพึงพอใจ
“ใช่แล้ว บริษัทฉางเหอกรุ๊ปมีชื่อเสียงและเครดิตที่ดีมาก ได้ร่วมมือกับบริษัทอย่างนี้ ดี!” ประธานคณะกรรมการหญิงอีกคนพูด
คนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วย
แม้แต่เหยียนต้าวหมิงก็ไม่กล้าโต้แย้ง
เพียงแต่ว่า เหยียนต้าวหมิงแอบกังวล “หวางซูเฟินและบริษัทฉางเหอกรุ๊ปได้ร่วมมือกัน ไม่รู้ว่าตระกูลส้งรู้หรือเปล่า?”
ความแข็งแกร่งของบริษัทฉางเหอกรุ๊ป แข็งแกร่งกว่าบริษัทตงหวางกรุ๊ปของพวกเรามาก ครั้งนี้สามารถร่วมมือกับบริษัทฉางเหอกรุ๊ปได้ เป็นผลงานของท่านประธานคนเดียว!”ประธานคณะกรรมการคนหนึ่งประจบสอพลอหวางซูเฟิน
“ใช่แล้ว ครั้งนี้ต้องขอบคุณท่านประธาน!”
ประธานคณะกรรมการหลายคนเริ่มพูดคำเยินยอเพื่อประจบหวางซูเฟิน
หวางซูเฟินยิ้มเล็กน้อยและไม่พูดอะไร ขณะที่บริษัทตงหวางกรุ๊ปประสบกับวิกฤต คนเหล่านี้แสดงสีหน้าและท่าทีไม่ดีต่อเธอ เมื่อพ้นวิกฤตแล้ว พวกเขาก็เริ่มร้องเพลงสรรเสริญให้ตัวเอง
ความรักของมนุษย์นั้น เป็นเรื่องจริงจังที่น่ากลัวมาก
“ถ้าทุกคนไม่คัดค้าน พรุ่งนี้การประชุมสุดยอดจงโจว ก็จะเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับบริษัทฉางเหอกรุ๊ป!” หวางซูเฟินกวาดสายตามองทุกคน
“ฉันไม่มีความคิดเห็น”
“ฉันเห็นด้วย”
ทั้งหมดผ่าน
“เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็เลิกประชุมกันเถอะ!” สไตล์การทำงานของหวางซูเฟินนั้น มีพลังอำนาจและรวดเร็วทันใจ
ทันใดนั้นเหยียนต้าวหมิงก็พูดว่า “เดี๋ยวก่อน!”
หวางซูเฟินมองไปที่เหยียนต้าวหมิงและถามว่า “ท่านประธานเหยียนมีปัญหาอะไรหรือ?”
ฉินหลันซึ่งอยู่ด้านหลังหวางซูเฟิน เมื่อได้ยินเสียงของเหยียนต้าวหมิง ชั่วขณะมีสีหน้าซีดเซียว
เหยียนต้าวหมิงหัวเราะและพูดว่า”สำหรับเรื่อการร่วมมือกับบริษัทฉางเหอกรุ๊ปฉันไม่มีความเห็นใดๆ เพียงแต่ว่า เมื่อวานลูกชายของฉันกลับมาจากการประชุมสุดยอดขนาดเล็ก เขาบอกฉันเรื่องหนึ่ง ฉันคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ดังนั้นฉันจึงต้องนำมาพูดคุยปรึกษากับประธานคณะกรรมการทุกท่าน”
“โอ้ ท่านเหยียน เรื่องอะไร?” ประธานที่อยู่ข้างๆเหยียนต้าวหมิงถามด้วยความสงสัย
เหยียนต้าวหมิงเหลือบมองไปที่ฉินหลัน และยิ้ม “ฉันไม่ใช่ผู้ประสบเหตุการณ์ด้วยตัวเอง ถ้าท่านประธานอนุญาต ก็ให้ลูกชายของฉันมาอธิบายโดยละเอียด
“โอเค ท่านเหยียน ให้ลูกชายคุณมาพูด!”
หวางซูเฟินพยักหน้า “ก็ดี เนื่องจากลูกชายของประธานเหยียนเจอประสบการณ์นี้ด้วยตัวเอง ย่อมดีที่สุดที่ให้เขามาเล่า!”