จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 282 ควีนจินขอรับอภัยโทษ
หวางซูเฟินกับฉินหลัน มองไปที่หลินหยุนด้วยความตกตะลึง
หวางซูเฟินอาจจะเข้าใจได้ว่าทำไมหลู่ฉางหลินถึงมีความเคารพต่อหลินหยุนขนาดนี้ และเธอยังยืนยันอย่างแน่ชัดว่า หลินหยุนเป็นนักบู๊
อีกทั้ง ยังเป็นนักบู๊ที่มีวิชาความสามารถเก่งกาจอีกด้วย!
แต่ ฉินหลันไม่ว่าอย่างไรก็คงคิดไม่ออก: “ท่านประธานกรรมการ หลินหยุนก็เป็นเพียงบอดี้การ์ดที่ฉันว่าจ้างมาโดยทั่วไปเท่านั้น ทำไมขนาดเจ้าเมืองหลู่ถึงกับต้องเคารพนอบน้อมต่อเขามากขนาดนั้นด้วยล่ะ? ”
หวางซูเฟินไม่ได้ตอบกลับไป มีเรื่องราวบางอย่าง ถ้าหากให้คนธรรมดาทั่วไปรับทราบแล้ว ก็จะไม่เป็นประโยชน์อะไร
เหยียนต้าวหมิงกับประธานหูและหลิวเหอหมิงรวมถึงคนอื่น ๆ มีสีหน้าซีดเซียว พวกเขาคิดกันจนศีรษะระเบิดแล้ว ก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้!
แค่บอดี้การ์ดธรรมดาคนหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าเจ้าเมืองหลู่จะเคารพนอบน้อมกับเขาขนาดนั้นเชียว!
ยังจะกระทำการต่อหน้าพวกเขาทุกคน โดยประกาศการสนับสนุนต่อสาธารณะ!
เมื่อครู่ที่พวกเขาข่มเหงรังแกหลินหยุน ถ้าหลินหยุนจะแก้แค้นกลับคืน พวกเขาก็คงจะไม่มีชีวิตรอดเป็นแน่?
คุณชายหลี่กับพวกลูกเศรษฐีทั้งหลาย ตกตะลึงจนลูกตาต่างก็จะหลุดออกมาจากเบ้ากันเป็นแถวแล้ว
“ไม่ ไม่ใช่แน่นอน! คุณชายเฉิน นายรีบตบหน้าข้าดูหน่อยสิ ดูสิว่าข้านั้นได้ฝันไปหรือเปล่า! ”
“นั่นเป็นถึงเจ้าเมืองหลู่เชียวนะ! นึกไม่ถึงว่าจะเคารพนอบน้อมต่อไอ้หนุ่มนั่นขนาดนี้! ”
“เขาไม่ใช่เป็นแค่บอดี้การ์ดหรอกหรือยังไง? ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ! ”
คุณชายหลี่อยากจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ไม่มีน้ำตา
ก็เหมือนกับช้างตัวหนึ่ง ไปเหยียบย่ำมดตัวน้อย แต่มดตัวน้อยนั้นกลับเปลี่ยนเป็นยักษ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าช้างเป็นร้อยเท่าในทันที
เหตุการณ์ที่กลับตาลปัตรแบบนี้ ทำให้คุณชายหลี่มีใจคิดอยากจะตายเลยทีเดียวเชียว!
แต่ ยังไม่จบเพียงเท่านี้
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในความตะลึงที่เจ้าเมืองหลู่ได้กระทำขึ้นนั้น
หญิงสาวผู้หนึ่งในชุดกระโปรงยาวสีแดง รูปร่างอรชร ท่าทางสง่างามสูงศักดิ์ และมีผ้าคลุมหน้า ได้พาสาวน้อยสี่คนที่สดใสร่าเริง มีบุคลิกท่าทางที่แตกต่างกัน เดินตรงเข้ามาด้วยท่าเดินที่อ่อนช้อย
ทุกคนต่างก็ไม่คุ้นเคยกับผู้หญิงคนนี้ แม้แต่พวกคนจากหลิงหนาน ก็ยังไม่ทราบถึงสถานะของหญิงผู้นี้เช่นกัน
แต่ว่า พวกสาวน้อยที่อยู่ด้านหลังผู้หญิงคนนี้ทั้งสี่คนนั้น หลายคนต่างก็มีความคุ้นเคยบ้าง
“สาวน้อยในชุดสีขาวผู้นั้นไม่ใช่หยุนเยว่จินไซที่มีชื่อเสียงโด่งดังหรอกเหรอ? ”
“นั่นคือเฟิงเหมียนจินไซ! ”
“หรือว่าสาวน้อยทั้งสี่คนนั้น ก็คือจินไซสี่คนในจำนวนจินไซทั้งหกคนของควีนจินล่ะ! ”
“อย่างนั้น ผู้หญิงที่เดินนำอยู่ด้านหน้า ก็คงจะเป็น……”
มีเพียงชื่อเดียว ที่อยู่ในจิตใจของทุกคน!
ควีนจินหลิงหนาน!
แต่ว่า ควีนจินหลิงหนานแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเข้าร่วมการประชุมสุดยอดจงโจวมาก่อน อีกทั้งสถานะระดับเธอนั้น ไม่ได้สนใจที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดจงโจวเลยแม้แต่น้อย
แต่ว่าวันนี้ทำไมถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้?
ไม่รอให้ทุกคนได้สติกลับคืนมา ควีนจินหลิงหนานก็กวาดสายตามองไปในกลุ่มคน และพูดขึ้นว่า: “คุณหลินอยู่ไหม? ”
คุณหลิน คุณหลินอีกแล้วเหรอ!
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงติดต่อกันอยู่หลายครั้ง จนด้านชาไปหมดแล้ว
ก่อนอื่นเลยคือพวกผู้มีอิทธิพลอำนาจและพวกเศรษฐีจากสิบแปดเมืองในหลิงหนาน แล้วก็เจ้าเมืองหลู่ จากนั้นก็ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างควีนจินหลิงหนาน!
บุคคลผู้มีสถานะที่สูงที่สุดในหลิงหนานและจงโจวต่างก็มากันแล้ว อีกทั้งมาเพื่อมุ่งหาไอ้หนุ่มน้อยที่แปลกประหลาดผู้นี้!
ควีนจินมองเห็นหลินหยุนได้อย่างรวดเร็ว สายตาหยุดอยู่ที่ตัวของหลินหยุน และรีบเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“คุณหลิน ไม่เจอกันตั้งนานเลย! ”
“ฉันได้ยินว่าหยู่ลั่วได้กระทำการอย่างมีตาหามีแววไม่ ซึ่งเป็นการล่วงเกินท่าน พอดีว่าฉันเองกำลังทำธุระอยู่ที่จงโจว ได้ทราบว่าท่านอยู่ที่นี่ จึงรีบมาหาท่านเพื่อขออภัยโทษ! ”
“หวังว่าคุณหลินจะมีเมตตา ให้อภัยที่หยู่ลั่วไม่มีสัมมาคารวะ! ”
พูดจบ ควีนจินก็หันไปทางหลินหยุน และโค้งคำนับ
เงียบกริบกันไปทั่วอีกครั้ง!
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง ลูกตาใกล้ที่จะหลุดออกมาจากเบ้าตกลงไปที่พื้นแล้ว!
“ข้า ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม? ควีนจินหลิงหนานผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง นึกไม่ถึงว่าจะขออภัยโทษจากไอ้หนุ่มน้อยนั่น! ”
“โลกใบนี้มันเป็นอะไรกันไปแล้วเหรอเนี่ยะ? ”
“พระเจ้า นี่ข้าไม่ได้กำลังฝันไปอยู่ใช่ไหม! ”
“ใครสามารถบอกข้าได้บ้างว่าตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ไอ้หนุ่มนั่นไม่ใช่บอดี้การ์ดที่ผู้ช่วยของหวางซูเฟินว่าจ้างมาโดยทั่วไปหรอกเหรอ? ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเขาสูงส่งกว่าผู้สืบทอดของสี่ตระกูลใหญ่จากเมืองหลวงเสียอีกล่ะ! ”
“ไม่ใช่ ต่อให้ผู้สืบทอดของทั้งสี่ตระกูลใหญ่ ก็ไม่สามารถที่จะรับการคำนับจากควีนจินได้ไม่ใช่เหรอ! ”
ทั่วทั้งห้องโถง ชุลมุนโวยวายกันดังลั่น!
ถ้าหากไม่ใช่ว่าจินไซสี่คนยืนอยู่ข้างหลังควีนจินอย่างน่าเกรงขาม รวมถึงยังมีกลุ่มพวกบอดี้การ์ดนั้น พวกเขาก็คงอยากที่จะพุ่งเข้าไป ดูว่าควีนจินผู้นี้คือตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่!
ส้งหัวอันมีสีหน้าที่หม่นหมองอย่างที่สุด เขาถือเอาควีนจินหลิงหนานเป็นแบบอย่างมาโดยตลอด ซึ่งต้องการที่จะยอดเยี่ยมกว่าเธอให้ได้
แต่ หลังจากที่เขามีอิทธิพลความสามารถมากขึ้น สถานะยิ่งสูงขึ้น เขาจึงเข้าใจได้ถึงความน่าเกรงขามของควีนจินหลิงหนาน
ต่อให้มีทั้งส้งหัวอันและส้งหัวเฉียง อิทธิพลของตระกูลส้งเมื่อเปรียบเทียบกับควีนจินหลิงหนานแล้ว ก็ยังมีระยะห่างกว่ากันมากทีเดียว
แต่ว่า ตอนนี้ควีนจินกลับมาที่นี่ เพื่อขออภัยโทษกับคนต่ำต้อยที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม!
แม้ว่าควีนจินจะพูดเองว่าพอดีเธอกำลังทำธุระอยู่ที่จงโจว จึงได้มายังที่นี่ แต่ส้งหัวอันไม่เชื่อเธออย่างเด็ดขาด เธอตั้งใจที่จะมาขออภัยโทษจากไอ้หนุ่มนั่นอย่างแน่นอน จินไซทั้งสี่ที่อยู่ด้านข้างของเธอนั้นคือเครื่องพิสูจน์ยืนยันได้เป็นอย่างดี!
ไม่อย่างนั้นการมาทำธุระที่จงโจว ทำไมถึงต้องพาจินไซทั้งสี่ติดตามมาด้วยล่ะ?
ส้งหัวอันสามพี่น้องจ้องมองซึ่งกันและกัน แอบคาดเดาอยู่ในใจว่า ไอ้หนุ่มนั่นคงมีไพ่เด็ดอะไรที่ ทุกคนไม่ทราบอย่างแน่นอน?
หวางซูเฟินกับฉินหลัน ต่างก็ไม่ทราบว่าจะอธิบายสภาพจิตใจของตนในตอนนี้ว่าอย่างไรดีแล้ว
การมาของเจ้าเมืองหลู่ ก็ทำให้พวกเธอตกตะลึงถึงขีดสุดแล้ว! ตอนนี้จินไซทั้งสี่ก็มากันอีก ถึงขนาดที่ว่าแม้แต่ควีนจินก็ยังมาด้วยตนเอง และยังขออภัยโทษต่อหลินหยุนอีกด้วย!
นั่นคือควีนจินอ่ะ! ควีนจินที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ที่สิบปีมานี้ไม่เคยได้ปรากฏตัวออกสาธารณะ โดยที่จินไซทั้งหก คนรับใช้อีกสิบสอง ทั้งหมดทั้งมวลต่างก็เป็นบุคคลที่มีเกียรติมีชื่อเสียงอย่างมาก
โดยการที่ขออภัยโทษต่อหลินหยุน ต่อหน้าต่อตาผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในแต่ละวงการจำนวนมาก!
แม้แต่เกียรติของตัวเองก็ไม่ได้ที่จะสนใจแล้ว
หลินหยุน ตกลงเป็นใครอะไรกันแน่?
หวางซูเฟินกับฉินหลัน มองไปที่หลินหยุน เหมือนกับว่ากำลังมองไปที่ตัวประหลาด!
หลินหยุนเข้าใจที่ควีนจินพูดถึงหยู่ลั่วในการประชุมสุดยอดขนาดเล็ก ในเรื่องที่ต้องการจะชักชวนให้เขาเข้าร่วมทีมแข่งขันกีฬา
โดยหลินหยุนไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
ต่อหน้าของควีนจิน หลินหยุนจึงลุกยืนขึ้น ยิ้มและพูดขึ้นว่า: “คุณท่านจินไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด อีกทั้งในตอนนั้นหยู่ลั่วก็ได้กล่าวคำขอโทษแล้ว คุณลุกขึ้นเถอะ! ”
ตอนนี้ควีนจินได้ยืนตัวตรงแล้ว เรียกจินไซทั้งสี่: “หยุนเยว่ เฟิงเหมียน พวกเธอยังไม่รีบมาทำความเคารพคุณหลินอีกเหรอ! ”
หยุนเยว่กับคนอื่นก็รีบเดินมาด้านหน้า และแสดงความเคารพอย่างสุภาพต่อหลินหยุน: “สวัสดีคุณหลิน! ”
ต่างเป็นการแสดงความเคารพในลักษณะที่ผู้น้อยกระทำต่อผู้อาวุโส ซึ่งการจับมือที่เป็นการแสดงทักทายของจีนนั้นไม่เพียงพอที่จะแสดงออกถึงความนับถือเลื่อมใสของหยุนเยว่และคนอื่น ๆ
ซึ่งก็ไม่น่าแปลกอะไร โดยเฉพาะกับพวกหยุนเยว่ทั้งสี่คน ที่เคยได้เห็นกับตาของตัวเองถึงท่าทางการยิงธนูปราบผีของหลินหยุน
ลูกธนูดอกนั้น เปลี่ยนแปลงสีของทั้งชั้นดินและชั้นฟ้า!
โดยได้ยิงธนูสังหารวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋า และก็สร้างความยำเกรงต่อผู้คนนับไม่ถ้วน!
“ไม่ต้องเกรงใจ ลุกขึ้นมาเถอะ! ” ท่าทางของหลินหยุนก็ยังคงเฉยเมย
หลินหยุนมองไปที่หวางซูเฟิน และแนะนำให้กับควีนจินว่า: “ผู้นี้คือประธานกรรมการหวางแห่งบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป เป็นผู้ใหญ่ที่ฉันให้การเคารพนับถือ! ”
เป็นผู้ใหญ่ที่ฉันให้การเคารพนับถือ?
แววตาของหวางซูเฟินกับควีนจิน ปรากฏถึงความสับสนขึ้นในเวลาเดียวกัน
ตั้งแต่ที่หวางซูเฟินได้รู้จักกับหลินหยุน ก็ไม่เคยที่จะทำดีอะไรต่อหลินหยุนเลย แถมยังจะเคยกล่าวเตือนหลินหยุนไปไม่รู้กี่ครั้ง
ตอนนี้เธอเองอดไม่ได้ที่จะเหงื่อตก
หลินหยุนไม่โกรธเคืองเธอก็ถือว่าโชคดีแล้ว ยังจะบอกว่าเธอคือผู้ใหญ่ที่ให้การเคารพนับถือ!
ตกลงว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำซับซ้อนอะไรที่เธอไม่ทราบอย่างนั้นเหรอ?
ควีนจินเองก็ไม่ได้เชื่อในคำพูดของหลินหยุน กำลังแอบคาดเดาอยู่ถึงความสัมพันธ์ระหว่าง หลินหยุนกับหวางซูเฟิน
แต่ก็ไม่สนว่าตกลงหลินหยุนกับหวางซูเฟินจะมีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน ซึ่งผู้ที่สามารถทำให้หลินหยุนเอ่ยปากแนะนำได้นั้น ควีนจินเองก็ไม่กล้าที่จะเมินเฉยอยู่แล้ว!