จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 285 สถานะของอีหลิง
หลินหยุนเจ็บปวดขึ้นในจิตใจ ท่าทางของฉินหลันในตอนนี้ ทำให้เขานึกถึงภาพเหตุการณ์ในชาติที่แล้วที่ฉินหลันต้องการปกป้องเขา จึงยอมจำนนต่อส้งอันหมิง
ในตอนนั้น ฉินหลันก็มีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และบอกกับเขาว่าจะต้องมีชีวิตที่ดีอยู่ต่อไป
ภาพในตอนนั้น กลายเป็นเหตุการณ์ที่หลินหยุนจะไม่มีวันลืมเลือนไปได้!
รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว ก็กลายเป็นความเจ็บปวดที่อยู่ในจิตใจของหลินหยุนไป ตลอดกาล!
แต่น่าเสียดายที่ว่า ชาติที่แล้ว เขาไม่มีความสามารถพอที่จะปกป้องฉินหลันได้ แต่ ในชาตินี้……
ต่อหน้าอานุภาพความน่าเกรงขามของตระกูลหวางแล้ว เจี่ยงสงกับเส้เทียนหัวพวกคนเหล่านี้ คงไม่มีทางที่จะยืนหยัดต่อไปได้อย่างแน่นอน แม้แต่ควีนจินก็เกรงว่าจะอดทนต่อแรงกดดันนี้ไม่ไหวเช่นกัน
เหลือเพียงแค่หลินหยุนลงมือจัดการด้วยตนเอง จึงจะสามารถแก้ไขวิกฤตครั้งนี้ไปได้
แต่ว่า ขณะที่หลินหยุนกำลังเตรียมที่จะแสดงตัวออกมานั้น ก็มีเสียงที่องอาจกล้าหาญดังขึ้นมา: “พี่หวาง สามารถให้เกียรติแก่หน้าของข้าได้ไหม ปล่อยบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปไปเถอะ! ”
ทุกคนต่างตะลึงขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน!
คือใคร? ถึงกล้าที่จะให้ตระกูลหวางให้เกียรติแก่หน้าของเขา!
จากทิศทางของเสียงที่ดังขึ้น ทุกคนต่างก็มองกันไปที่ประตูทางเข้า
ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีดำผู้หนึ่ง กับสาวน้อยงดงามผู้หนึ่ง เดินก้าวเข้ามาด้านใน ด้านหลังของเขา ยังมีผู้อาวุโสท่านหนึ่งและวัยรุ่นในชุดดำอีกหลายคน
ชายผู้นั้นมีหน้าตาธรรมดา แต่ ดวงตาทั้งสองข้างของเขา เพียงแค่จ้องมอง ก็จะทำให้คนรู้สึกเกิดความเคารพยำเกรง
สาวน้อยด้านหลังของเขานั้น งดงามอ่อนโยน ขณะเดินเข้ามา ก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ในกลุ่มคน เหมือนกับว่ากำลังหาใครคนหนึ่งอยู่
ตอนที่พบเห็นหลินหยุน ก็ตื่นเต้นดีใจและร้องเรียกขึ้นว่า: “หลินหยุน! ”
“อีหลิง? ” แววตาของหลินหยุนเกิดความสงสัยขึ้น
ตอนที่หานกั๋วเฉียงยังมีชีวิตอยู่ เคยได้กล่าวเตือนหลินหยุนไว้แล้วว่า สถานะที่แท้จริงของอีหลิงนั้น สูงศักดิ์เป็นอย่างมาก!
หรือว่าคนผู้นี้ก็คือคุณพ่อของอีหลิง?
ทุกคนต่างมองกันไปที่ชายวัยกลางคนที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน แล้วสีหน้าท่าทางก็เปลี่ยนไปโดยพลัน
“คุณอีแห่งเจียงหนาน! ”
มีคนส่งเสียงอุทานขึ้น
“มิน่าล่ะที่กล้าถึงขนาดให้คนตระกูลหวางให้เกียรติเห็นแก่หน้า ที่จริงแล้วก็คือคุณอีแห่ง เจียงหนานได้เดินทางมาถึงแล้ว! ”
อีหยุ่นแห่งเจียงหนาน ผู้นำของตระกูลอีคนปัจจุบัน ได้รับการขนานนามว่าอีป้านจู๋
คำว่าป้านจู๋(มีความหมายว่าครึ่งประเทศ) ก็หมายถึงครึ่งหนึ่งของประเทศจีน
ตระกูลอีได้รับการขนานนามว่าป้านจู๋ แสดงว่าอิทธิพลอำนาจไม่ควรมองข้ามอย่างแน่นอน แม้แต่ตระกูลส้ง ก็ต้องการที่จะสานสัมพันธ์มาโดยตลอด ต่อให้ควีนจินเมื่อเทียบกับตระกูลอีเจียงหนานแล้ว ก็ยังด้อยกว่าเล็กน้อย!
แม้ว่าตระกูลอีจะเทียบเท่าไม่ได้กับตระกูลหวาง แต่ ผู้นำของตระกูลอีแห่งเจียงหนานเป็นผู้ออกหน้าด้วยตนเอง ซึ่งมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะให้ตระกูลหวางให้เกียรติเห็นแก่หน้าได้อย่างแน่นอน
ส้งหัวอันที่เป็นพิธีกรในการประชุมสุดยอดจงโจว ยิ้มและกล่าวทักทาย: “ยินดีต้อนรับคุณอี และ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี หวังว่าจะได้รับการให้อภัย! ”
อีหยุ่นตอบกลับว่า: “ผู้นำตระกูลส้งไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้! ”
“การมาในครั้งนี้ ข้ามาเพียงเพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณคนผู้หนึ่ง! ” พูดจบ ก็มองไปที่หลินหยุนด้วยสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ความรู้สึก
บุญคุณ?
คิดไม่ถึงว่าอีป้านจู๋ จะเป็นหนี้บุญคุณกับคนอื่นด้วย!
ใครจะมีความสามารถมากถึงขนาดที่ทำให้อีป้านจู๋ เป็นหนี้บุญคุณได้ล่ะ?
หวางหย่วนหยางมองไปที่อีหยุ่น ขมวดคิ้วเล็กน้อย ถามขึ้นโดยทั่วไปว่า: “คุณอี นี่ท่านต้องการที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลหวางใช่ไหม? ”
อีหยุ่นพนมมือขึ้น และพูดขึ้นอย่างสุภาพว่า: “ไม่กล้า”
“แต่ ข้าได้ตกลงกับลูกสาวไว้แล้ว จะต้องตอบแทนบุญคุณนี้ให้ได้ ดังนั้น ข้าจะสนับสนุนบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ช่วยเหลือบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปให้รอดพ้นจากความยากลำบากนี้ไปให้ได้! ”
“แน่นอนว่า ต่อไปในอนาคตตระกูลอีของข้ากับบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ก็จะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ ต่อกันอีก! ”
ทุกคนต่างครุ่นคิดและก็มองไปที่อีหยุ่น
ความหมายในคำพูดของอีหยุ่นนั้นชัดเจนมาก เพียงแค่ช่วยเหลือบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปในครั้งนี้เท่านั้น ต่อไป แต่ละฝ่ายต่างก็ไม่มีความเกี่ยวพันอะไรกันอีก!
เช่นนี้ แม้ว่าจะถูกตระกูลหวางกล่าวโทษ แต่ ก็คงไม่ถึงกับต้องเป็นศัตรูสู้รบกับตระกูลอีในทุกด้าน!
เพียงแค่ หากตระกูลอีแห่งเจียงหนานยื่นมือเข้าช่วย ถ้าอย่างนั้นวิกฤตครั้งนี้ของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปก็คงจะผ่านพ้นไปได้อย่างแน่นอน
นี่ ไม่ใช่เรื่องที่ตระกูลหวางต้องการเห็นอย่างแน่นอน
หวางซูเฟินโค้งคำนับให้กับอีหยุ่น และพูดขึ้นว่า: “หวางซูเฟินแห่งบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ขอขอบคุณคุณอี……”
หวางซูเฟินยังไม่ทันได้พูดจบ อีหยุ่นก็ยื่นมือออกมาขัดขวาง: “ประธานกรรมการหวาง ข้าได้พูดอย่างชัดเจนเอาไว้แต่ต้นแล้วว่า ที่ทำไปครั้งนี้ก็เพียงแค่ตอบแทนบุญคุณคนผู้หนึ่งแทนลูกสาวของข้า ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ใด ๆ เลยแม้แต่น้อย! ”
หวางซูเฟินขมวดคิ้ว พูดขึ้นอย่างสงสัยว่า: “แต่ทางคุณอีก็ไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณอะไรกับบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปของฉันสักหน่อย? ”
อีหยุ่นมองไปที่หลินหยุนด้วยท่าทางที่ไร้อารมณ์ พูดขึ้นว่า: “เขาเคยช่วยเหลือลูกสาวของข้าไว้ ในเมื่อเขาต้องการที่จะปกป้องบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ข้าเองก็เลยทำตามความต้องการของเขา ตอบแทนบุญคุณเขากลับไป! ”
หวางซูเฟินตกตะลึงขึ้นอีกครั้ง และมองไปที่หลินหยุนด้วยความหวั่นไหว
ฉินหลันก็มีสีหน้าที่หวั่นไหวเช่นกัน พูดขึ้นว่า: “คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า แม้แต่คุณอีก็ยังเป็นหนี้บุญคุณต่อหลินหยุน! ”
“ถ้าอย่างนั้นพวกผู้มีอิทธิพลอำนาจและพวกเศรษฐีแห่งหลิงหนาน รวมถึงควีนจิน ต่างก็ให้เกียรติเห็นแก่หน้าของคุณอีจึงได้ช่วยเหลือหลินหยุน? ”
“ก็ตามที่ฉันพูดเอาไว้ เขายังวัยรุ่นขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้ควีนจินและพวกผู้มีอิทธิพลอำนาจและพวกเศรษฐีแห่งหลิงหนาน ปฏิบัติอย่างเคารพต่อเขาได้ขนาดนี้! ที่จริงแล้วก็เป็นการให้เกียรติเห็นแก่หน้าของคุณอีแห่งเจียงหนานก็เท่านั้น”
ทุกคนต่างมีก็มีสีหน้าท่าทางที่นึกขึ้นได้อย่างฉับพลัน บุญคุณของคุณอีนี้ ได้ตอบแทนกลับอย่างใหญ่หลวงเสียจริงเชียว!
คุณชายหลี่แอบด่าขึ้นว่า: “ฮึ ไอ้หนุ่มน้อย ที่จริงแล้วก็แค่อาศัยบารมีของคุณอีแห่งเจียงหนาน! ”
“แต่ว่าไอ้หนุ่มนี้ตกลงได้ทำอะไรเอาไว้กันแน่? ถึงขนาดทำให้คุณอียอมที่จะเผชิญกับความเสี่ยงในการล่วงเกินตระกูลหวาง เพื่อที่จะช่วยเหลือเขา! ”
สายตาของคุณชายเฉินจ้องมองสำรวจไปที่ตัวของอีหลิงกับหลินหยุน ยิ้มและพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “ยังจะต้องถามกันอีกเหรอ? นายไม่เห็นหรือไงว่าแววตาที่ลูกสาวของคุณอีมองไปยังไอ้หนุ่ม หลินหยุนนั้นเป็นเช่นไร? ”
คุณชายหลี่มองไปที่อีหลิง แววตาแสดงออกมาถึงความเร่าร้อน: “แววตาอะไรกัน? ทำไมข้าถึงมองไม่เห็นเลยล่ะ แต่ลูกสาวของคุณอีนี่ ช่างสวยงดงามจริง ๆ! ”
คุณชายเฉินดุด่าขึ้นว่า: “นายมันโง่เง่า แววตาที่ลูกสาวของคุณอีมองไปยังไอ้หนุ่มนั่น เต็มไปด้วยความรักใคร่อย่างชัดเจน หรือว่านายมองไม่ออกจริง ๆ? ”
คุณชายหลี่ตบไปที่ศีรษะของตน และอุทานขึ้นว่า: “จริงด้วย นายพูดขึ้นมาแบบนี้ ข้าเองก็มองออกแล้วเช่นกัน ข้าพูดเอาไว้แล้วว่า ไอ้หนุ่มน้อยผู้นี้จะมีบุญคุณต่อคุณอีได้อย่างไรกัน ที่จริงแล้วก็คือเกาะผู้หญิงกิน! ”
“ไอ้หนุ่มนี้คงจะใช้แผนการชั่วร้าย เพื่อหลอกลวงจิตใจลูกสาวของคุณอีอย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้ลูกสาวของคุณอี ได้ขอร้องให้คุณอีมาช่วยเหลือเขา! ”
“ไอ้หนุ่มน้อยผู้นี้ ช่างเลวทรามไร้ยางอายเสียจริง! ”
ทุกคนในห้องโถง ส่วนใหญ่ต่างก็มีความคิดเห็นเดียวกันกับคุณชายหลี่
ประธานหูยิ้มและพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “ข้าแปลกใจมาโดยตลอดว่า จากอายุของไอ้หนุ่มนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่คุณอีจะเป็นหนี้บุญคุณกับเขา? รวมไปถึงควีนจินและพวกที่มาจากหลิงหนานต่างก็มาช่วยเหลือเขา! ”
“ถ้าหากเขากลายเป็นลูกเขยของคุณอีแล้ว ถ้าอย่างนั้นควีนจินกับพวกคนอื่น ๆ ได้รับมอบหมายจากคุณอี เพื่อออกหน้าแทนเขา ก็อาจเป็นไปตามที่พูดนี้ได้! ”
ประธานอีกท่านหนึ่งก็ยิ้มอย่างเย็นชาและพูดขึ้นด้วยความเหยียดหยามว่า: “ลูกเขยอะไรกัน ก็แค่พวกเกาะผู้หญิงกินไม่ใช่เหรอ? เดิมทีคิดว่าเขามีความสามารถมากมาย ที่จริงแล้วเป็นอย่างนี้นี่เอง! ”
เหยียนต้าวหมิงสองพ่อลูก สายตาที่มองไปยังหลินหยุนนั้น ก็เปลี่ยนจากความเคร่งขรึมเป็นการดูถูกเหยียดหยาม
“วุ่นวายกันมาทั้งวัน ที่จริงแล้วไอ้หนุ่มนี้ก็คือพวกเกาะผู้หญิงกิน! ”
เหยียนรุ่ยเหวินยิ่งมีสีหน้าที่เหยียดหยามเข้าไปใหญ่: “ฮึ ไอ้คนเกาะผู้หญิงกิน อยู่ต่อหน้าพวกเราจำนวนมากมาย ยังกล้าที่จะหยิ่งผยองเช่นนี้อีก มีอย่างที่ไหนกันล่ะ! ”
“รอให้คุณอีกลับออกไปแล้ว เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน! ”
แม้แต่หวางซูเฟินกับฉินหลัน สายตาที่มองไปที่หลินหยุนนั้น ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
หวางซูเฟินถึงขนาดมีความเห็นใจต่อหลินหยุน มองไปที่หลินหยุน ใบหน้าปรากฏถึงความละอายใจ: “หลินหยุน ที่นายได้ช่วยเหลือบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปนั้น ฉันซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก แต่ นายไม่ควรที่จะทำเช่นนี้”
ฉินหลันก็กล่าวเตือนว่า: “จริงด้วย เพื่อที่จะช่วยเหลือพวกเรา นายได้ลงแรงเสียสละมากมายแล้วจริง ๆ! ”
หลินหยุนอยู่ในสภาพที่ไม่รู้จะพูดอะไรออกไป เขาทราบว่าคุณแม่กับพี่ฉินหลันเชื่อในเรื่องที่พวกคนเหล่านั้นได้พูดคุยกัน มองว่าตนเองเป็นพวกเกาะผู้หญิงกินแล้วจริง ๆ
หากว่าวันนี้ไม่อธิบายออกมาอย่างชัดเจนแล้ว ถ้าในอนาคตได้ทำความรู้จักกันจริง ๆ ชื่อเสียงอันโด่งดังไปทั่วหล้าของมหากษัตริย์ชางฉองคงจะถูกทำลายลงอย่างสูญสิ้นไปแล้ว