จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 286 ปรมาจารย์ตระกูลหวางออกโรง
หวางหย่วนหยางมองหน้าอีหยุ่นอย่างเย็นชา: “หึ! พูดอย่างนี้ แปลว่าคุณอีจะต้องเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ให้ได้งั้นสินะ?”
อีหยุ่นประสานมือเข้าหากัน: “แม้ว่าฉันจะไม่ค่อยมีความสามารถ แต่ก็เป็นคนรักษาสัญญามาโดยตลอด หลายปีที่ผ่านมา ฉันไม่เคยทำหน้าที่พ่อที่ดีให้สำเร็จได้เลยสักครั้ง ฉันละอายใจต่อพวกหลิงเอ๋อแม่ลูก!”
อีหยุ่นยื่นมือออกไป ลูบเรือนผมอ่อนนุ่มเรียบลื่นของอีหลิงเบา ๆ ความรู้สึกผิดฉายชัดเกลื่อนเต็มใบหน้า
“ดังนั้น ในเมื่อหลิงเอ๋อมีแค่คำขอร้องนี้เพียงข้อเดียว ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ฉันก็ต้องช่วยเธอทำให้สำเร็จให้จงได้!” ใบหน้าของอีหยุ่นมุ่งมั่นแน่วแน่
เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดต่อหน้าธารกำนัล มันกลับให้ความรู้สึกที่ต่างไปโดยสิ้นเชิง
“คุณอีถึงกับรักใคร่ห่วงใยลูกสาวคนนี้มากขนาดนี้เชียว? แต่ทำไมก่อนหน้านี้ กลับไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยล่ะว่า คุณจะมีลูกสาวที่โตถึงขนาดนี้แล้วอยู่ด้วย?”
“ดู ๆไปแล้ว คงจะเป็นลูกนอกสมรสของคุณอีล่ะสิท่า มิน่าล่ะ ถึงได้รู้สึกผิดต่อลูกสาวตัวเองขนาดนี้ เด็กคนนี้ช่างโชคดีจริง ๆ นะ คุณอีคงคิดจะชดเชยความผิดที่รู้สึกต่อลูกสาวคนนี้ ในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมาแบบทบทวีแน่เลยล่ะสิท่า”
“ไอ้หนูนี่ในฐานะว่าที่ลูกเขยของคุณอีก็คงได้รับอานิสงส์เป็นที่โปรดปรานไปด้วยเลยงั้นสิ!”
สายตาที่ทุกคนจ้องมองไปที่หลินหยุน เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
หวางหย่วนหยางหัวเราะเย้ยหยันเย็นชา: “ตระกูลอีแห่งเจียงหนานออกหน้า คงไม่ยากถ้าจะรักษาบริษัทเล็ก ๆ อย่างตงหวางกรุ๊ปไว้ได้ แต่คนอื่นไม่เข้าใจรายละเอียดที่แท้จริงของตระกูลอี ก็ยังพอมองข้ามได้ แต่คิดว่าตระกูลหวางเราจะไม่เข้าใจไปด้วยงั้นเรอะ?”
“โชคดีที่ท่านเจ้าบ้านของเราเฉลียวฉลาด มีการเตรียมพร้อมไว้นานแล้ว วันนี้ต่อให้ตระกูลอีออกหน้า ก็รักษาบริษัทตงหวางกรุ๊ปไว้ไม่ได้!”
หวางหย่วนหยางส่งเสียงเรียกที่แฝงด้วยความเคารพดังกึกก้อง: “ขอเรียนเชิญท่านปรมาจารย์หวาง!”
ทันใดนั้น ปราณอันทรงพลังสายหนึ่งก็ปะทุขึ้น รายล้อมไปทั่วพื้นที่!
ชายชราสวมชุดฝึกซ้อมวิชาบู๊สีเทา ปรากฏตัวขึ้นเหนือเวทีท่ามกลางมวลอากาศบางเบา เหยียบย่ำบนความว่างเปล่า ลอยอยู่เหนือพื้นดิน
เมื่อได้เห็นฉากนี้ อันเป็นสิ่งที่ขัดกับทฤษฎีแรงโน้มถ่วงอย่างสิ้นเชิง หลายคนก็ถึงกับช็อกตาค้าง!
บรรดาคนที่เข้าใจถึงการมีอยู่ของนักบู๊ ต่างก็รู้สึกหวาดกลัว แข้งขาถึงกับอ่อนแรงไปชั่วขณะ
“นี่คือปรมาจารย์นักบู๊ในตำนาน!”
หวางซูเฟินสีหน้าตกตะลึง: “ที่แท้ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความจริง! นี่คือรากฐานที่เป็นเส้นสนกลในอันแท้จริงของสี่สุดยอดตระกูล ปรมาจารย์นักบู๊!”
หวางซูเฟินหันไปมองชายวัยกลางคน ที่ก่อนหน้านี้เอาแต่ทำหน้าหยิ่งยโสอยู่ข้าง ๆ แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า : “ปรมาจารย์หวง คุณรับมือเขาได้หรือเปล่า?”
ปรมาจารย์หวงผู้นี้ เป็นนักบู๊ทักษะโดยกำเนิด ที่หวางซูเฟินยอมทุ่มเงินเป็นจำนวนมากค้นหาจนได้มา และเป็นคนเดียวกันกับที่หลินหยุนเคยเห็นมาก่อนหน้านี้
เป็นเพียงว่า สีหน้าเย่อหยิ่งจองหอง ที่แขวนลอยอยู่บนใบหน้าของปรมาจารย์หวงตลอดเวลาก่อนหน้านี้ กลับสูญสลายหายไปอย่างสิ้นเชิงไม่เหลือให้เห็นแล้ว
ปรมาจารย์หวงยิ้มอย่างขมขื่น: “ประธานหวาง คุณยกย่องผมมากเกินไปแล้ว! นั่นคือปรมาจารย์นักบู๊เชียวนะ แม้ว่าผมจะอยู่ในขั้นพรสวรรค์โดยกำเนิดแล้วก็จริง แต่พออยู่ต่อหน้าปรมาจารย์นักบู๊ในตำนาน ผมก็เป็นได้แค่มดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้นแหละ!”
“ผมจะคืนเงินมัดจำทั้งหมดที่คุณจ่ายมาแบบเต็มจำนวน เรื่องนี้ผมช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ!”
หวางซูเฟินดูเหมือนจะรู้มานานแล้ว ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้ จึงยิ้มแล้วพูดว่า: “ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าตระกูลหวางจะใจกว้างขนาดนี้ ถึงขั้นส่งปรมาจารย์นักบู๊มาก่อนตรง ๆ อย่างนี้เลย!”
คุณอียังคงสีหน้าไม่เปลี่ยน ดวงตาที่เพียงแค่เห็นก็ทำให้คนเกิดความหวาดกลัวคู่นั้น ส่องประกายความตื่นตะลึงวาบขึ้นมาเพียงครู่สั้นๆ
คุณอีไม่ได้หันกลับมา เอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ลุงฉิน ถ้าเทียบกับเขาแล้ว พละกำลังของลุงอยู่ประมาณไหน?”
ชายชราที่ยืนอยู่ด้านหลังอีหยุ่น ส่ายหน้าอย่างเคร่งขรึม: “ระดับพลังของผมคือขั้นพรสวรรค์สูงสุด แม้ว่าระดับของขั้นพรสวรรค์สูงสุด จะห่างจากระดับปรมาจารย์แค่เพียงก้าวเดียว แต่ก็เป็นหนึ่งก้าวที่ห่างกันราวกับมีผืนฟ้ากั้นเลยทีเดียว!”
“ถ้าผมไปอยู่ตรงหน้าเขา ก็เปรียบได้แค่มดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น!”
คุณอีขมวดคิ้วน้อย ๆ ลุงฉินติดตามเขามาสิบสองปีแล้ว คำพูดที่จะได้ยินจากปากของลุงฉินเสมอ ๆ คือ เขาต่างหากที่จะเป็นฝ่ายพูดว่าคนอื่นเป็นมดปลวกมาโดยตลอด
วันนี้นับเป็นครั้งแรก ที่เขาได้ยินลุงฉินพูดว่าตัวเองเป็นแค่มดปลวก
จะเป็นไปได้ไหมว่า ระดับปรมาจารย์นักบู๊นั้น ถือเป็นตัวตนที่ดำรงอยู่ซึ่งทรงพลังแข็งแกร่งเหนือกว่าที่จินตนาการไปไกลมาก!
ส้งหัวอันปรายตามองหวางซูเฟินแวบหนึ่ง ใบหน้าของเขาฉายแววภาคภูมิใจ หันหลังกลับ แล้วโค้งคำนับปรมาจารย์แห่งตระกูลหวางผู้นั้น: “ส้งหัวอันแห่งจงโจว ขอน้อมคารวะท่านปรมาจารย์หวาง !”
ส้งหัวอันก้มศีรษะลงต่ำ คนอื่น ๆ ที่เหลือก็รีบตามเข้ามาน้อมคารวะทันที: “น้อมคารวะท่านปรมาจารย์หวาง!”
ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงนั้น ไม่ว่าจะย่างเท้าไปถึงที่ไหน ก็ล้วนแต่ได้รับคำชื่นชมยกย่อง จากคนนับพันนับหมื่น!
แม้แต่ขาใหญ่แห่งจงโจว ยามที่มายืนอยู่ตรงหน้าปรมาจารย์นักบู๊ตัวจริง ก็ไม่ได้ต่างจากคนธรรมดาทั่วไปแม้แต่น้อย
หวางหย่วนหยางก้มหัวลง แล้วพูดด้วยความเคารพว่า : “ปรมาจารย์ฉงซาน ตระกูลอีแห่งเจียงหนานเข้ามาขัดขวาง ขอเชิญท่านได้โปรดลงมือด้วยครับ!”
ดวงตาที่เหมือนนกอินทรีของหวางฉงซาน จ้องเขม็งไปที่อีหยุ่นอย่างเย็นชา: “ใครหน้าไหนมันคิดจะขัดขวางฉัน?”
ปราณอันทรงพลังมีพลานุภาพราวกับภูเขาขนาดยักษ์ พุ่งทะยานตรงเข้าไปจู่โจมกดดันอีหยุ่นทันที
อีหยุ่นรู้สึกเพียงว่าหวางฉงซานที่อยู่บนเวที เป็นดั่งสัตว์ร้ายแห่งบรรพกาล ที่เหมือนจะกลืนเขาเข้าไปได้อย่างไรอย่างนั้น แม้ว่าจะอยู่ห่างกันเป็นระยะทางหลายสิบเมตร เขาก็ยังรู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง ทั้งร่างแข็งทื่อ ไม่อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว!
แม้แต่ลุงฉินที่อยู่ข้างหลังอีหยุ่น ก็ยังหยุดตัวสั่นเทาไม่ได้
ปรมาจารย์นักบู๊ ช่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรดุจดั่งขุนเขา!
อีหยุ่นหลับตาแน่น ขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็พลันลืมตาขึ้น
“หลิงเอ๋อ เรื่องที่พ่อรับปากลูกไว้ น่ากลัวว่าพ่อคงไม่สามารถรักษาสัญญาไว้ได้แล้วล่ะลูก!”
“พ่อไม่สามารถเอาชีวิตคนทั้งตระกูลอี มาวางเป็นเดิมพันได้ ขอโทษด้วยจริงๆ!”
อีหลิงเองก็เข้าใจดี ว่ายามเมื่อมายืนอยู่ต่อหน้าปรมาจารย์หวาง ต่อให้เป็นตระกูลอี ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้
“พ่อคะ ขอบคุณมากนะคะ พ่อทำมามากพอแล้วล่ะ!” อีหลิงพูดด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
อีหยุ่นรู้สึกละอายใจ: “เป็นพ่อทำผิดต่อลูก ที่ไม่สามารถทำตามคำขอเพียงหนึ่งเดียวของลูกได้! พ่อละอายใจนัก!”
อีหลิงไม่ได้พูดอะไร แค่เดินช้า ๆ เข้าไปยืนเคียงข้างหลินหยุน
“พ่อคะ หลินหยุนมีบุญคุณกับหนู เขาต้องเผชิญกับอันตราย หนูจะแค่นั่งดูอยู่เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไรไม่ได้!”
พูดจบ อีหลิงก็หันกลับมามองอีหยุ่นด้วยรอยยิ้ม: “พ่อคะ พ่อกับหนูเพิ่งจะได้มารู้จักกัน พ่อก็คิดซะว่าไม่มีลูกสาวอย่างหนูอยู่เถอะนะ! สิ่งที่หนูเลือกจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลอีทั้งสิ้น!”
หลินหยุนหันไปมองอีหลิง ในใจรู้สึกคล้ายก่อเกิดสิ่งที่เรียกได้ว่าความซาบซึ้ง เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าอีหลิงจะถึงขั้นยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องเขาแบบนี้!
อีหยุ่นขมวดคิ้วมุ่นทันที “หลิงเอ๋อ นี่ลูกพูดจาเหลวไหลอะไรกัน! พ่อละอายต่อพวกเธอแม่ลูกมาหลายปี จะให้พ่อจะนั่งเบิกตา มองดูลูกออกไปตายคนเดียวได้ยังไง?!”
อีหยุ่นไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย จ้องหวางฉงซานอย่างเย็นชา ท่าทางมุ่งมั่นแน่วแน่: “วันนี้ใครที่กล้าแตะต้องลูกสาวฉัน ตระกูลอีของเราจะขอยอมตายไปพร้อมกันด้วย!”
“ลุงฉิน พวกลุงกลับไปก่อน ให้อีฮั่นเหวินดูแลตระกูลอีสืบต่อไป!”
ลุงฉินยกมือขึ้นประสาน แล้วพูดว่า “คุณอี เป็นความปรารถนาตลอดชีวิตของกระผม ที่จะได้สู้กับปรมาจารย์บู๊สักครั้ง วันนี้ในที่สุดก็มีโอกาสเสียที ผมจะยอมพลาดไปได้ยังไงล่ะครับ”
“คุณอี หรือไม่คุณก็กลับไปฝากฝังอีฮั่นเหวินด้วยตนเองจะดีกว่า ผมจะขอไปประมือกับปรมาจารย์ระดับอาวุโสก่อนสักครั้ง!”
ลุงฉินคิดจะแลกชีวิตสู้แทนเขา!
อีหยุ่นหลุดสีหน้าตื้นตันใจ: “ลุงฉิน ทำไมลุงต้องทำขนาดนี้กัน?”
ลุงฉินหัวเราะเสียงดังพลางพูดว่า “คุณอีเป็นเพียงคนธรรมดา อยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก แม้ว่ากระผมจะมีความสามารถต่ำต้อย แต่ก็คงพอจะรับมือได้สักสองกระบวนท่าล่ะนะ คุณรีบไปเถอะ!”
หวางฉงซานหัวเราะเยาะ: “เฮอะ! วันนี้ไม่ว่าใครก็อย่าหวังว่าจะได้ไปไหนทั้งนั้น!”
พูดจบ ร่างนั้นก็พลันไหววูบ ตรงเข้าไปหมายจะคว้าจับที่ตัวอีหยุ่นตรง ๆ
“ระวัง!” ลุงฉินก้าวออกไปด้วยท่าทางเคร่งเครียด ยืนขวางอยู่ตรงหน้าคุณอี
บึ้ม!
หวางฉงซานเปลี่ยนกระบวนท่าโจมตีกะทันหัน ซัดฝ่ามือเข้าใส่หน้าอกของลุงฉิน ส่งผลให้ลุงฉินถูกซัดจนปลิวกระเด็นออกไปทันที
เพียงกระบวนท่าเดียว นักบู๊ระดับพรสวรรค์สูงสุด ก็มีอันพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง!
ทุกคนที่เห็น ต่างตกตะลึงอึ้งค้างกันไปหมด!
“ความเร็วระดับนั้น! คนที่ไหนจะมีความเร็วได้ขนาดนั้นกันเนี่ย?”
“นี่คือนักบู๊งั้นเหรอ? นี่ปรมาจารย์นักบู๊ที่มีในนิยายบู๊พวกนั้น ที่แท้ก็มีตัวตนอยู่จริงๆเหรอเนี่ย!”
คนธรรมดาเหล่านั้น ทั้งตื่นเต้นทั้งตกตะลึงไปตามๆกัน!
บางคนถึงขั้นรู้สึกว่า ตัวเองที่ใช้ชีวิตอยู่มานานหลายปีขนาดนี้ ช่างเป็นการใช้ชีวิตที่สูญเปล่าสิ้นดี!
คิดไม่ถึงเลยว่า จะมีสุดยอดนักบู๊อยู่ในโลกใบนี้จริงๆ!
“ลุงฉิน เป็นยังไงบ้าง?” อีหยุ่นรีบเข้าไปประคองลุงฉินขึ้นมาอย่างเป็นกังวล
“ไม่เป็นไร ปรมาจารย์… เขาสมควรได้รับสมญานามนี้จริงๆนั่นล่ะ!” ลุงฉินมองหวางฉงซานอย่างเคร่งเครียด น้ำเสียงระแวดระวัง
หวางฉงซานมองอีหยุ่นด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง แฝงความรังเกียจ ราวกับว่าไม่เห็นค่าของพวกตระกูลอีในสายตาแม้เพียงครึ่งเสี้ยว ทำเหมือนมองพวกมดปลวกที่คลานอยู่บนพื้น
“ยอมจำนนต่อตระกูลหวางของฉันซะ! ไม่อย่างนั้น ตายสถานเดียว!”
“อย่าแตะต้องพ่อของฉันนะ!” อีหลิงรีบวิ่งเข้าไปขวางอยู่ตรงหน้าอีหยุ่น หันไปเผชิญหน้ากับสายตาที่จ้องเขม็งมาของหวางฉงซาน ไม่มีความหวาดกลัวให้เห็นแม้แต่น้อย
หวางฉงซานพูดด้วยสีหน้าเย็นชา: “เฮอะ อย่ามาแสดงละคร ความรักใคร่ห่วงหาระหว่างพ่อลูกอันแสนไร้สาระนี่ต่อหน้าฉันไปหน่อยเลย! ในสายตาของฉัน ทั้งพวกแกทั้งมนุษย์คนอื่น ๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับมดปลวกนั่นล่ะ!”
คำพูดนี้ทั้งเย่อหยิ่งอวดดี ทั้งเผด็จการ เต็มไปด้วยความรู้สึกว่าอยู่เหนือกว่า ทำให้พวกเศรษฐีมีเงิน คนดังมีหน้ามีตาทั้งหลาย ต่างก็ถูกลดทอนคุณค่าลงไปจนต่ำเตี้ยเรี่ยดินกันหมด!
แต่ถึงแม้ว่าในใจทุกคนจะโกรธ แต่ก็ไม่มีใครกล้าออกปากขึ้นมาหักล้างได้!
ด้วยพละกำลังอันแข็งแกร่งของระดับปรมาจารย์ ย่อมไม่มีใครอาจหาญไปท้าทาย!
หลินหยุนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สีหน้าเย็นชา เอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ เรียบ ๆ แต่กลับชัดเจนกังวานไปทั่วทั้งห้องโถง
“กะอีแค่ระดับปรมาจารย์กระจอก ๆ คนหนึ่ง ในสายตาฉัน แค่มดปลวกแกก็ยังเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำมั้ง?”