จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 307 ใครใช้ให้นายตัดสินใจไปเรื่อย
หมอนหยกชิ้นนี้มีสีเขียว โทนสีอบอุ่น ไม่ใช่ของโบราณ ดังนั้นจึงไม่มีพลังโบราณ
พูดอย่างเข้มงวด มันก็คืองานศิลป์สมัยใหม่ชิ้นหนึ่ง
เพียงแต่ วัสดุของหมอนหยกใบนี้ กลับเป็นหยกทิพย์ที่หลินหยุนตามหาอย่างกระตือรือร้น
ก็คือหยกที่รวมชี่ทิพย์แห่งฟ้าและดินเอาไว้
การสวมหยกชนิดนี้เป็นเวลานาน มีประสิทธิภาพที่สามารถยืดอายุขัยได้ ชี่ทิพย์ที่อยู่ข้างในสามารถบำรุงร่างกายมนุษย์ ทำให้ไม่เจ็บไม่ป่วย
หยกทิพย์ชิ้นนี้ มันยังเป็นหยกทิพย์ชั้นเลิศที่หาได้ยาก สำหรับหลินหยุนในวันนี้ สามารถพูดได้ว่าเป็นของล้ำค่าที่หายาก
“เถ้าแก่ หมอนหยกชิ้นนี้ขายยังไง?” หลินหยุนถามขึ้นมาทันที
หลินหยุนจู่ๆก็เปลี่ยนประเด็นสนทนา ทำให้เถ้าแก่อ้วนอึ้งไปเล็กน้อย มองหลินหยุนด้วยความระมัดระวัง “นายอยากจะซื้อ?”
หลินหยุนพยักหน้า “ใช่ เสนอราคามาเถอะ!”
เถ้าแก่อ้วนยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าว “นายอยากจะซื้อ แต่ฉันไม่ขายล่ะ? หากนายซื้อไปแล้วมาหาเรื่องโวยวายอีก ว่าของชิ้นนี้เป็นของปลอมแล้วจะทำยังไง?”
หลอกให้ตายใจก่อนแล้วจึงจัดการ?
หลินหยุนหัวเราะ ไม่มีพ่อค้าคนไหนที่ไม่ฉลาดแกมโกงเลยจริงๆ!
“นี่มันก็เป็นเพียงงานศิลป์ชิ้นหนึ่ง จะมีอะไรปลอมอะไรจริง?” หลินหยุนกล่าว
เถ้าแก่อ้วนอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาคิดไม่ถึงว่าหลินหยุนที่อายุยังน้อย กลับมีความรู้ด้านนี้!
“ไอ้หนุ่ม หากนายต้องการซื้อจริงๆ ฉันก็ไม่คิดแพง คิดแค่ค่าแรงนายเล็กน้อย” เถ้าแก่อ้วนก็ชูมือขึ้นมาห้านิ้ว
“ตัวเลขนี้! หากนายจะเอาก็เอาไปได้เลย”
“ห้าหมื่น?” หลินหยุนกล่าว “ได้ งั้นผมเอาเลย”
พูดจบ หลินหยุนก็ชำระเงินทางโทรศัพท์โดยตรง
เถ้าแก่อ้วนอ้าปากไปสองที ใบหน้ากะพริบผ่านด้วยความประหลาดใจ เดิมเขานั้นหมายถึงห้าพัน
“เดิมเข้าใจว่าอยู่ในสายงานเดียวกัน คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนโง่ ฮ่า!”
ไม่นานนัก เถ้าแก่อ้วนก็ได้นำหมอนหยกใส่เข้าไปในกล่องที่ประณีต ส่งมอบให้หลินหยุนอย่างกระตือรือร้น
“น้องชาย ดูสิว่ายังมีอะไรที่ถูกใจหรือเปล่า? เห็นนายก็เป็นคนในสายงานเดียวกัน ชอบอันไหน ฉันจะลดราคาให้!” ท่าทางของถ้วนแก่อ้วนเป็นมิตรขึ้นมาไม่น้อย
คนโง่ไง คนทำการค้าต่างก็ชอบ
ได้หมอนหยกชิ้นใหญ่ขนาดนี้ หลินหยุนอารมณ์ดีมากทีเดียว “ได้ ผมขอดูก่อน!”
หลินหยุนจึงได้เริ่มสังเกตวัตถุที่มีพลังโบราณพวกนั้น
เครื่องทองสัมฤทธิ์ชิ้นหนึ่ง สีไม่ค่อยจะสวยนัก เป็นของใช้ที่ฝังกับศพ ต่อให้เป็นของจริง ก็ไม่มีค่าอะไร
ยังมีหยกชิ้นหนึ่ง แค่เห็นสีก็รู้ว่าเป็นของแท้ อย่างไรก็ตาม ของนี้มันก็เป็นของที่ใช้วางทับบนร่างของคนตาย ไม่เป็นมงคล
สายตาของหลินหยุน ก็มองไปวัตถุโบราณชิ้นที่สามที่แขวนอยู่ตรงประตู
มันคือภาพวาด เป็นภาพวาดผู้หญิง ชื่อที่ระบุไว้ในภาพเขียนคือฉินชวนถังหยิ่น
หลินหยุนก็ต้องเคยได้ยินชื่อของถังหยิ่นอยู่แล้ว เขาก็รู้ว่าถังหยิ่นนั้นเลื่องชื่อในการวาดหญิงงาม อย่างไรก็ตาม ภาพจริงของถังหยิ่นมีไม่เยอะแล้ว ทุกภาพล้วนถูกประมูลในราคาที่สูงลิบลิ่ว
แต่ว่า หลินหยุนนั้นจำได้ว่าถังหยิ่นนั้นเป็นคนที่มีเชื่อเสียงในเจียงหนาน แล้วฉินชวนคือใคร หลินหยุนนั้นไม่รู้จัก เขาเพียงแต่รู้สึกว่าภาพวาดภาพนี้ แปลกประหลาดเล็กน้อย
เพราะพลังโบราณของภาพนี้ มีพลังทับซ้อน
ชั้นที่อยู่ด้านนอก พลังโบราณเบาบางมาก พลังโบราณที่อยู่ด้านใน นั้นเข้มข้นกว่ามาก
สิ่งนี้มันไม่ปรากฏในวัตถุโบราณอื่นๆ
หลินหยุนขยับสายตาทันที กล่าวอย่างเรียบเฉย “เถ้าแก่ เงินที่ซื้อเข็มเทพห้ามังกรพวกเราไม่ขอคืนแล้ว คุณก็ให้ภาพนี้กับผมเป็นไง?”
เถ้าแก่อ้วนได้ยิน ก็ดีใจทันที ภาพวาดนี้เป็นภาพวาดลอกเลียนแบบผลงานของคนที่เสียชีวิตไปแล้วภาพหนึ่ง แม้จะเป็นของจริง แต่ก็ไม่มีราคา ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่ไปแขวนไว้ตรงประตู
แม้ว่าเถ้าแก่พูดอยู่เต็มปากว่าจะแจ้งความ แต่ก็ไม่ได้แจ้งเลย จริงๆแล้วในใจเขาก็กลัวเหมือนกัน อย่างไรเสียเขานั้นรู้ดีว่าตำราที่ขายให้กับเซี่ยเจี้ยนโก๋เป็นของปลอม
หากสามารถใช้ภาพวาดภาพนี้ในการยุติเรื่องนี้ เถ้าแก่ก็ต้องยินดีอย่างยิ่ง
“ไอ้หนุ่ม นายสามารถตัดสินใจได้ใช่มั้ย?” เถ้าแก่หรี่ตาถามให้มันชัดเจน
“ได้อยู่แล้ว” หลินหยุนหัวเราะกล่าว
“ได้ งั้นภาพนี้ก็มอบให้นายเลย พวกนายก็รีบไปซะ อย่ามาทำให้ฉันเสียเวลาในการทำมาหากิน” เซี่ยเจี้ยนโก๋ที่ยืนโวยวายอยู่นอกประตูก็นานพอสมควรแล้ว มีผลต่อชื่อเสียงของร้านอย่างมาก เขาอยากที่จะจัดการให้เซี่ยเจี้ยนโก๋ไปจากที่นี่โดยเร็ว
หลินหยุนถือภาพวาดนี้เดินออกไป
“เป็นไงบ้าง? เขาตกลงหรือยัง?” เซี่ยเจี้ยนโก๋ถามอย่างตื่นเต้น
หลินหยุนใส่หัว “ยังไม่ตกลง”
เซี่ยเจี้ยนโก๋กล่าวอย่างโมโห “ฮึ่ม งั้นฉันก็จะนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ยอมไปไหน ฉันจะทำให้ทุกคนรู้ว่าหอจื่อหยุนนั้นขายของปลอม!”
เถ้าแก่อ้วนที่เดินตามหลินหยุนออกมา ก็ได้ยินคำพูดของเซี่ยเจี้ยนโก๋ ก็ได้มองหลินหยุนทันที ตะโกนพูด “ไอ้หนุ่ม เมื่อกี้เราคุยกันแล้วนะ ฉันให้ภาพวาดภาพนี้กับนาย เราสองคนก็ไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว พูดคำไหนคำนั้นนะ พวกนายรีบไปเถอะ อย่ามาทำให้ฉันเสียเวลาทำมาหากินเลย”
เซี่ยเจี้ยนโก๋ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ถามขึ้น “หลินหยุน เรื่องมันยังไงกัน? นายตกลงอะไรกับเขา!”
หลินหยุนนำภาพนั้นมอบให้กับเซี่ยเจี้ยนโก๋ กล่าวอย่างเรียบเฉย “อยากให้เขาขอโทษแล้วคืนเงิน มันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น ผมเลยขอภาพวาดภาพนี้กับเขา ถือเป็นค่าชดเชยให้คุณ”
เซี่ยเจี้ยนโก๋ตกตะลึงอย่างมาก “ภาพวาดหนึ่งภาพก็จะให้ฉันกลับไป? หลินหยุน แกเข้าข้างใครกันแน่!”
เซี่ยเจี้ยนโก๋โยนภาพคืนไปให้หลินหยุนด้วยความโกรธ จ้องมองโจวเฟินอย่างโกรธเคือง กล่าวอย่างต่อว่า “ฉันบอกตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ต้องให้เขามา แต่เธอก็ไม่ยอมฟัง บอกว่าเขาทักษะทางการแพทย์ที่ดีเยี่ยม ให้เขามาบางทีอาจจะมีวิธี”
“ตอนนี้เป็นไง เอาภาพเก่าๆขาดๆของคนอื่น มาเป็นค่าชดเชยให้พวกเรา! นี่มันกำลังช่วยคนอื่นในการเอาเปรียบฉันชัดๆ!”
เซี่ยหยู่เวยกล่าวอย่างเย็นชา “หลินหยุน นายไม่มีทางที่จะแก้นิสัยที่เย่อหยิ่งของนายได้เลย นายมีสิทธิ์อะไรมีตัดสินใจแทนพ่อของฉัน? ภาพวาดเก่าๆภาพนี้ จะมีราคาแค่ไหนเชียว ตำรา เข็มเทพห้ามังกรเล่มนั้น พ่อฉันเสียเงินไปหนึ่งล้านหยวน!”
เถ้าแก่อ้วนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ลำพองใจ “เมื่อกี้ไอ้หนุ่มกับฉันคุยกันแล้ว พวกนายจะมาเปลี่ยนใจไม่ได้!”
เซี่ยเจี้ยนโก๋จ้องมองหลินหยุนด้วยสายตาเต็มไปด้วยความโกรธ ใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง
โจวเฟินกล่าวปลอบใจอยู่ด้านข้าง “ช่างมันเถอะ มาดูภาพวาดที่เสี่ยวหยุนเอากลับมาก่อนดีกว่า หากภาพนี้มีราคามากล่ะ? เราก็จะมีเงินทชดใช้ค่าเสียหายให้กับครอบครัวของผู้ป่วยแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เซี่ยเจี้ยนโก๋เปิดภาพวาดออกมาดู มองดูชื่อที่ระบุอยู่บนภาพวาดแวบหนึ่ง ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ฉินชวนถังหยิ่น ผลงานที่คัดลอกโดยฉินจ้องจุ่ย ตอนนี้อยู่ในตลาดมากสุดก็แค่สองพันกว่าหยวน ยังไม่พอเศษเงินของตำราเข็มเทพห้ามังกรเล่มนี้เลย แล้วตอนนี้จะทำยังไง?”
ฉินชวนถังหยิ่น คือจิตรกรในราชวงศ์ชิงคนหนึ่งที่มีชื่อฉินจ้องจุ่ย มีชื่อเสียงในการคัดลอกผลงานชิ้นเอกของถังหยิ่น
เขาที่วาดคาดลอกผลงานของถังหยิ่น วาดลอกเลียนแบบได้เหมือนจริงมาก จนสามารถใช้ของปลอมแทนของจริงได้ ได้รับความชื่นชอบจากคนบนโลกใบนี้
เนื่องจากฉินจ้องจุ่ยได้ลอกเลียนแบบผลงานของถังหยิ่นมาตลอดชีวิต ภาพวาดของเขาจำนวนมากส่งต่อมาสู่คนรุ่นหลัง อยู่ในวงการนักสะสมวัตถุโบราณที่ต้องการแต่ของที่หายาก ภาพวาดของเขาก็ไม่มีมูลค่าเป็นธรรมดา
สีหน้าของโจวเฟินแย่มาก แทบพูดไม่ออก
“เดี๋ยวก่อน!”
ทันใดนั้น ชายอายุประมาณหกสิบกว่าปีก็ได้เดินออกมาจากในกลุ่มคน
ชายชราสวมชุดจีนสีเทา ผมนั้นหงอกหมดแล้ว อย่างไรก็ตามดูแล้วร่างกายแข็งแรงมาก ใบหน้าอมชมพู
“น้องชาย พอจะให้ฉันดูภาพวาดนี้หน่อยได้มั้ย?” ชายชรามองไปที่หลินหยุน หัวเราะกล่าว
“คุณคือ ปรมาจารย์ผู้ประเมินพิสูจน์ภาพวาดจากสถาบันโบราณวัตถุประจำมณฑล ศาสตราจารย์ส้งจี้ซาน!”
“ฉันเอง” ชายชรายิ้มกล่าว “เกษียณมาสองปีกว่าแล้ว คิดไม่ถึงยังมีคนจะฉันได้อีก”
“ผมเคยไปให้คุณตรวจพิสูจน์ประเมินภาพวาดที่สถาบันโบราณวัตถุประจำมณฑล ดังนั้นจึงรู้จักคุณ” เซี่ยเจี้ยนโก๋กล่าวอย่างตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่าชื่นชมศาสตราจารย์ส้งคนนี้มาก
คนที่ยืนมองดูอยู่โดยรอบ ตกใจเล็กน้อย
“ศาสตราจารย์ส้งนี่เอง เขานั้นเป็นผู้เซี่ยวชาญด้านภาพวาดเชียวนะ!”
ได้ยินมาว่ารายการที่ตรวจพิสูจน์สมบัติล้ำค่า ซึ่งได้รับความนิยมในตอนนี้ อยากเชิญศาสตราจารย์ส้งมาเป็นผู้เซี่ยวชาญ แต่ศาสตราจารย์ส้งปฏิเสธไปหมด
“ศาสตราจารย์ส้งออกหน้า เขาต้องรู้มูลค่าของภาพวาดนี้ในพริบตาเดียวอย่างแน่นอน”
เถ้าแก่อ้วนก็ประหลาดใจไปทั้งหน้า มองศาสตราจารย์ส้ง ด้วยสีหน้าที่เคารพ
“ให้ฉันดูหน่อยได้มั้ย?” ส้งจี้ซานยิ้มถาม
“อ่อ ได้อยู่แล้ว!” เซี่ยเจี้ยนโก๋ได้สติกลับคืนมา จึงได้ยื่นภาพวาดที่อยู่ในมือให้ส้งจี้ซานอย่างกระตือรือร้น