จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 309 มูลค่าหลักร้อยล้าน
หลินหยุนฉีกกรอบกระดาษของภาพวาดออก ด้านในกลับเป็นภาพวาดผู้หญิงที่ไม่เหมือนกับภาพเมื่อกี้
ภาพวาดหญิงงามด้านนอกเมื่อกี้ เป็นหญิงงามที่ถือพัดไว้ในมือ ใช้พัดบดบังความงามของใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง แต่ภาพที่อยู่ด้านใน เป็นภาพวาดของหญิงงามที่รูปร่างอวบอ้วน กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่
ศาสตราจารย์ส้งมองภาพวาดที่อยู่ในมือของหลินหยุนอย่างตื่นเต้น ตะโกนด้วยน้ำเสียงที่สั่น “ไม่ผิด ไม่ผิด นี่มันเป็นภาพวาดจริงของถังหยิ่น!”
“ลักษณะแบบนี้ เสน่ห์แบบนี้ มันเป็นสไตล์การวาดภาพของถังหยิ่นเลย!”
“คิดไม่ถึงภาพจริง กลับถูกเก็บไว้ข้างใน ภาพวาดชั้นนอกที่เป็นผลงานเลียนแบบ กลับเป็นเพียงกรอบภาพ!”
ผู้คนที่มองดูอยู่ ล้วนปากอ้าตาค้างกันไปหมด
“นี่มันอะไรกัน? ภาพวาดจริงของถังหยิ่น!”
“มันจะมีมูลค่าเท่าไหร่เนี่ย!”
“ฉันจำได้ว่าภาพวาดของถังหยิ่นภาพที่แล้ว ในงานประมูลผานหลงที่กรุปปักกิ่ง ประมูลออกไปในราคาที่สูงถึงแปดสิบล้านหยวน ภาพนี้ คาดว่าก็น่าจะไม่ต่ำกว่าภาพนั้นนะ!”
“โอ้มายก็อต! แปดสิบล้าน สองพันหยวนจู่ๆก็กลายเป็นแปดสิบล้านแล้ว! ไอ้หนุ่มคนนี้สายตาไม่เลวจริงๆ!”
สายตาของผู้คนที่มองหลินหยุน เต็มไปด้วยความชื่นชมและอิจฉา
เจ้าของร้านก็ตกใจอย่างมาก มองศาสตราจารย์ส้งอย่างไม่อยากจะเชื่อ ถามอย่างสงสัย “ศาสตราจารย์ส้ง นี่เป็นภาพวาดของถังหยิ่นจริงๆเหรอ ทำไมถึงใช้ภาพที่วาดเลียนแบบห่อหุ้มเอาไว้ล่ะ? ไม่เข้าใจเลยจริงๆ!”
ศาสตราจารย์ส้งหัวเราะเห่อๆ “สมญานามของถังหยิ่นคือหัวหน้าของสี่ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีความสามารถในเจียงหนาน และเจียงหนานเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยปลา กุ้ง และข้าว อากาศชื้น เวลานานเข้า จะมีผลทำให้พวกภาพวาดเสียหายได้ สำหรับภาพวาดที่มีมูลค่าสูง วิธีที่เก็บรักษาดีที่สุดก็คือการเก็บในกรอบกระดาษ”
“อีกอย่าง คนจีนอย่างพวกเรา ในอดีตก็มีคำพูดที่ว่ามีเงินทองห้ามโชว์ให้คนอื่นดู เอาภาพจริงใส่ในกรอบกระดาษ เพื่อป้องกันความโลภของคนชั่ว”
“เพียงแต่ว่า ระหว่างนั้นอาจจะมีสาเหตุบางอย่าง ที่ทำให้เจ้าของภาพวาด ไม่ทันเอาภาพวาดไปด้วย และคนอื่นก็ไม่รู้ว่าภาพวาดนี้จะเป็นภาพวาดจริง ดังนั้นก็จัดการมันตามที่เข้าใจว่าเป็นผลงานลอกเลียนแบบของฉินจ้องจุ่ย”
ศาสตราจารย์ส้งมองหลินหยุนอย่างชื่นชม กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เป็นน้องชายคนนี้ที่มีสายตาแหลมคม ที่มองเห็นความลึกลับของภาพวาดนี้! ใช่แล้ว น้องชาย ภาพนี้ใส่กรอบกระดาษได้อย่างมิดชิดขนาดนี้ แม้แต่ฉันเองยังมองไม่เห็นข้อบกพร่องแม้แต่นิดเดียว นายสังเกตเห็นได้ยังไงล่ะ?”
หลินหยุนดูออก ศาสตราจารย์ส้งขอคำแนะนำจากใจจริง ไม่มีความหมายอื่นใด
“วัสดุของภาพวาดนี้ มุมซ้ายบนกับมุมขวาล่างไม่เหมือนกัน หากดูอย่างละเอียด ก็สังเกตเห็นไม่ยาก”
หลินหยุนได้ชี้ตำแหน่งสองจุดนั้นให้ศาสตราจารย์ส้งดู
จริงๆแล้วนี่เป็นสิ่งที่หลินหยุนสังเกตเห็นในตอนหลัง เขาสามารถที่จะมองเห็นความผิดแปลกของภาพวาดนี้ เพราะว่าบนภาพวาดนี้มีพลังโบราณสองแบบที่ไม่เหมือนกัน
พลังโบราณชั้นนอก เป็นผลงานลอกเลียนแบบของฉินจ้องจุ่ย ดังนั้นพลังโบราณนั้นเบาบางกว่า
แต่ผลงานของถังหยิ่นที่อยู่ด้านใน อายุปีนานกว่า พลังโบราณจนเข้มข้นกว่า
นี่ก็คือสาเหตุ
ศาสตราจารย์ส้งจ้องมองตำแหน่งสองตำแหน่งที่หลินหยุนชี้ออกมาอย่างละเอียด เมื่อมองแบบนี้ ก็พบความแตกต่าง
“น้องชาย นายมันเก่งมากจริงๆ! จุดที่ละเอียดขนาดนี้นายยังสามารถสังเกตเห็น ฉันชื่นชมอย่างมาก!”
ในที่สุดทุกคนก็ชื่อว่าภาพวาดนี้เป็นภาพวาดจริงของถังหยิ่น
เจ้าของร้านถามด้วยสีหน้าที่คับข้องใจ “ศาสตราจารย์ส้ง ภาพวาดนี้ราคาประมาณเท่าไหร่?”
ศาสตราจารย์ส้งคิดไปครู่หนึ่ง กล่าว ภาพวาดของถังหยิ่นนั้นน้อยมาก ฉันคาดว่ามูลค่าของภาพวาดนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งร้อยล้านหยวน ”
หนึ่งร้อยล้าน!
เถ้าแก่หน้ามืดทันที เท้าเซไปข้างหลัง เกือบจะเป็นลมล้มพับ
“หนึ่งร้อยล้านนะ ฉันได้มอบภาพวาดราคาหนึ่งร้อยล้านออกไปแล้ว!”
เซี่ยเจี้ยนโก๋ที่ใบหน้าตกตะลึง ตื่นเต้นจนมือสองข้างสั่น ลูบภาพวาดนี้อย่างระมัดระวัง บ่นพึมพำอย่างไม่อยากจะเชื่อ “นี่คือภาพวาดของถังหยิ่นของจริงๆเหรอ?”
ใบหน้าของเซี่ยหยู่เวยไม่เปลี่ยน แต่ในใจนั้นตกใจอย่างมาก ภาพวาดที่ราคาสองหมื่น พริบตาเดียวกลายเป็นหนึ่งร้อยล้าน!
ตระกูลเซี่ยแม้ว่าจะไม่จนมาก แต่ก็เป็นครอบครัวธรรมดาครอบครัวหนึ่ง หนึ่งร้อยล้านสำหรับพวกเขา มันเป็นเงินที่มหาศาลมาก!
หากมีเงินหนึ่งร้อยล้านแต่เนิ่นๆ บางทีนิสัยของเซี่ยหยู่เวยก็จะไม่หลงใหลความจอมปลอมและเห็นแก่ตัวขนาดนี้ เพราะว่านักศึกษาที่เธอรู้จักพวกนั้น ส่วนมากเป็นคนที่มีฐานะร่ำรวย ทำให้ผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบอย่างเธอรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรม ดังนั้นเธอจึงได้พยายามเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเอง
“เสี่ยวหยุน นายเก่งมากเลย!” โจวเฟินกล่าวด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น
เซี่ยเจี้ยนโก๋ก็พูดยกยอหลินหยุน “หลินหยุน ขอบใจนายนะ หากไม่ใช่เพราะนายยืนกราน เมื่อกี้ไม่แน่ฉันอาจจะขายภาพนี้ไปแล้ว!”
เวลานี้ ในกลุ่มคนมีชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูทเดินออกมา ดูแล้วเหมือนกับคนที่ประสบความสำเร็จแล้วคนหนึ่ง
“น้องชาย ภาพนี้นายจะขายมั้ย? ฉันยินดีที่จะจ่ายในราคาหนึ่งร้อยล้านหยวน!”
ในเวลาอันสั้นก็มีคนเสนอราคาแล้ว ทำให้คนที่อยู่ในนี้ตกตะลึงอีกครั้ง
แม้ว่าศาสตราจารย์ส้งจะพูดว่าภาพวาดนี้มีมูลค่าหนึ่งร้อยล้าน แต่ ก่อนที่มันยังไม่ได้กลายเป็นเงินสด มันก็เป็นเพียงกระดาษใบหนึ่ง
ตอนนี้มีคนเสนอราคา มันก็ไม่เหมือนกันแล้ว
กลุ่มคนเงียบไปทันที มีเพียงเสียงที่พยายามกลั้นลมหายใจเอาไว้
เจ้าของร้านอิจฉาตาร้อน จ้องมองภาพวาด ราวกับสัตว์ป่าตัวหนึ่ง
ตอนนี้ เจ้าของร้านนั้นเสียใจอย่างมากถึงมากที่สุด ภาพวาดภาพนี้แขวนอยู่ในร้านของเขาตั้งนาน ทำไมเขาถึงสังเกตไม่เห็นล่ะ?
หนึ่งร้อยล้านนะ! เขากลับเป็นคนที่มอบมันออกไปด้วยมือตัวเอง!
มิน่าล่ะไอ้หนุ่มคนนี้ต้องการเพียงภาพวาด ก็ยอมตกลงยุติเรื่องที่เกิดขึ้น ที่แท้เขารู้แต่แรกแล้วว่าภาพวาดนี้เป็นภาพวาดจริงของถังหยิ่น
“หลงกลแล้ว ฉันหลงกลไอ้หนุ่มคนนี้แล้ว!”
สายตาที่เจ้าของร้านมองหลินหยุน เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เซี่ยเจี้ยนโก๋กลืนน้ำลายลงคอ มองหลินหยุนแล้วกล่าว “หลินหยุน ภาพวาดนี้นายเป็นคนสังเกตเห็น นายตัดสินใจเถอะ!”
หลินหยุนที่ใบหน้าไร้ความรู้สึก กล่าวอย่างเรียบเฉย “เมื่อกี้ผมก็ได้พูดไปแล้ว ภาพวาดนี้เอามันมาชดเชยตำราเข็มเทพห้ามังกรของคุณ คุณจัดการเองเถอะ”
ศาสตราจารย์ส้งชื่นชม: “น้องชาย ไม่เลว อายุน้อยๆอยู่ต่อหน้าเงินที่มากมายมหาศาลยังสามารถรักษาความตั้งใจเดิมเอาไว้ได้!
“คุณคนนี้ ลูกของคุณคนนี้ไม่เลวเลยจริงๆ!”
กลุ่มคนที่สัญจรไปมาก็ออกปากชื่นชมหลินหยุน
เซี่ยเจี้ยนโก๋เหมือนจะตัวลอย หัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ศาสตราจารย์ส้งชมเกินไปแล้ว เขาเป็นลูกเขยของผม”
ตอนที่พูดคำพูดนี้ สายตาของเซี่ยเจี้ยนโก๋แอบมองสำรวจหลินหยุ่น เกรงว่าหลินหยุนจะพูดจาคัดค้าน
เห็นหลินหยุนที่ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร เขาจึงได้โล่งอก
ใบหน้าสวยงามของเซี่ยหยู่เวยมีความบึ้งตึง เธอได้ประกาศหย่ากับหลินหยุนแล้ว เซี่ยเจี้ยนโก๋กลับยอมรับหลินหยุนเป็นลูกเขยต่อหน้าคนอื่น
เซี่ยหยู่เวยไม่อาจที่จะทำให้เซี่ยเจี้ยนโก๋ต้องลำบากใจต่อหน้าผู้คน กล่าวอย่างเย็นชา “พ่อคะ แม่คะ หนูยังมีธุระ ไปก่อนนะคะ!”
เซี่ยหยู่เวยจงใจเดินผ่านหลินหยุน จากนั้นก็หยุดลง กระซิบกล่าวอย่างหน้าบึ้ง “เรื่องครั้งนี้ ขอบใจนายมาก”
สองตาของหลินหยุนมองไปข้างหน้า กล่าวอย่างเรียบเฉย “ไม่จำเป็น ฉันแค่ช่วยน้าเฟิน”
เซี่ยหยู่เวยมองท่าทางของหลินหยุนที่อยากจะแบ่งแยกความสัมพันธ์กับเธอโดยเร็ว ก็ทำเสียงฮึ่ม แล้วหันหลังเดินจากไป
“เดินทางระวังด้วยล่ะ!” โจวเฟินกำชับ
จากนั้น ก็หยิกไปที่เอวของเซี่ยเจี้ยนโก๋เต็มแรง
เซี่ยเจี้ยนโก๋เจ็บจนอ้าปาก แต่ไม่กล้าแสดงออก รีบมองไปที่ชายวัยกลางคน เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ได้ ในเมื่อคุณต้องการ ตอนนี้ผมก็ต้องการใช้เงินด่วน ก็ขายมันเลย!”
ชายวัยกลางคนเป็นนักสะสมมือเก๋า การซื้อขายเสร็จสิ้นในเวลาอันรวดเร็ว
เจ้าของร้านอิจฉาตาร้อน ในระหว่างที่เซี่ยเจี้ยนโก๋กับชายวัยกลางคนกำลังทำการซื้อขายนั้น จ้องมองด้วยสายตาขุ่นเคือง
“เรียบร้อย!” เซี่ยเจี้ยนโก๋กล่าวอย่างอารมณ์ดี
ศาสตราจารย์ส้งกล่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “ยินดีด้วย!”
หลินหยุนก็มองไปที่เจ้าของร้านทันที กล่าวอย่างเรียบเฉย “การซื้อการสำเร็จแล้ว เถ้าแก่ ตอนนี้มาทำตามสิ่งที่เราเดิมพันกันไว้ได้แล้ว”
ศาสตราจารย์ส้งกับผู้คนที่ยืนมองอยู่ ก็มองไปทางเจ้าของร้านทันที
เจ้าของร้านสีหน้าขุ่นเคือง พยักหน้า “วางใจเถอะ กล้าเดิมพันก็กล้าที่จะแพ้ ฉันไม่บิดพลิ้วหรอก!”